วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

พระสันตะปาปา 3 พระองค์และการสิ้นสุดของกาลเวลา

 

คำทำนายของแม่พระแห่งการาบังดัลซึ่งเกี่ยวกับพระสันตะปาปาสี่พระองค์ก่อนที่จะถึงสิ้นสุดของกาลเวลา เป็นหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันมาก และเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2020 คอนชิตา, ผู้เห็นแม่พระได้กล่าวบางสิ่งบางอย่างในเรื่องนี้

คอนชิตาพูดเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัส
 
คอนชิตาคือผู้ที่เห็นแม่พระที่การาบังดัล, ประเทศสเปน ในการให้สัมภาษณ์กับเกลน ฮัดสัน Glen Hudson ในรายการทีวี เธอพูดเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าที่กำลังระบาดอย่างหนักในสเปน เวลานี้มีผู้ติดเชื้อในสเปนมากเป็นอันดับที่สองของโลก  มีผู้ติดเชื้อ 119,199 ราย และเสียชีวิต 11,198 ราย (สถิติ 4 เมษายน )
 
เกลน ฮัดสัน – “ผมถามคอนชิตา ขอให้เธอแนะนำบางอย่างแก่เรา ในช่วงเวลาที่ลำบากนี้” และนี่คือคำพูดของเธอ
 
“พระเจ้าทรงทำให้เราไม่ยึดติดอยู่กับความปลอดภัยของโลกนี้ เวลานี้,ในความเงียบสงบของโบสถ์หรือในบ้านของเรา, เราสามารถตรวจสอบมโนธรรมของเรา เพื่อที่เราจะสามารถทำความสะอาดสิ่งที่กีดกันเราจากการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าอย่างชัดเจน ด้วยความจริงใจ, เราสามารถทูลถามพระเจ้าว่าอะไรคือสิ่งที่พระองค์ประสงค์จากเราในวันนี้ เพื่อที่เราจะได้ทำสิ่งนั้นทุกๆวัน เราจะใช้เวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการอยู่กับพระเจ้าในโบสถ์หรือบางแห่งในบ้านของเราหรือบางแห่งที่เงียบสงบ พระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งที่เราต้องการ”
 
“คอนชิตา ได้เล่าให้เราฟังว่า หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 จะมีพระสันตะปาปาต่อมาอีกเพียง 4 พระองค์ จนกระทั่งสิ้นสุดของกาลเวลา (ไม่ใช่สิ้นสุดของโลกหรือการไม่มีพระสันตะปาปาอีกต่อไป) นั่นหมายถึงยุคใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
 
การาบังดัล กับ พระสันตะปาปาสามพระองค์ก่อนที่จะถึงสิ้นสุดของกาลเวลา
 
หัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันมากของเหตุการณ์ที่การาบังดัลคือรายงานเรื่อง คำทำนายพระสันตะปาปา 3 พระองค์ ที่เชื่อมโยงกับการสิ้นสุดของกาลเวลา คำทำนายนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและอาจทำให้มีการแปลความหมายผิดหรือเข้าใจผิดได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่ทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดเห็นของเราเท่านั้น คำอธิบายที่แท้จริงมาจากพระศาสนจักร เพราะพระศาสนจักรเท่านั้นที่รับผิดชอบในการอธิบายเรื่องเหล่านี้
 
วันที่ 3 มิ.ย. 1963 ข่าวเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 มาถึงที่การาบังดัล คอนชิตาและแม่ของเธอได้เดินไปที่โบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้พระสันตะปาปาทรงเข้าสู่สวรรค์นิรันดร ขณะที่เดินไป, คอนชิตาได้ยินเสียงภายใน เป็นเสียงของพระแม่มารีย์ พระนางตรัสว่า “หลังจากพระสันตะปาปาพระองค์นี้ จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสามพระองค์เท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะเป็นสิ้นสุดของกาลเวลา” และต่อมา พระแม่ทรงอธิบายว่าเหตุใดจึงมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสามพระองค์ “จะมีพระสันตะปาปาอีกพระองค์หนึ่ง แต่พระองค์จะทรงครองอาสน์เพียงชั่วเวลาสั้นๆ” ด้วยเหตุนี้พระแม่จึงมิได้ทรงรวมพระสันตะปาปาพระองค์นี้ในรายการด้วย ในเหตุการณ์นี้มีผู้ที่เป็นพยานให้กับคอนชิตาว่า พวกเขาเห็นคอนชิตาได้พูดเรื่องนี้ในเดือนมิถุนายน ปี 1963
 
จากคำทำนายเรื่องเดียวนี้ แม่พระทรงทำนายสองเรื่องคือ
 
1. จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียง 3 พระองค์ และหลังจากนั้นจะเป็นการสิ้นสุดของกาลเวลา
 
2. และเพื่อให้มั่นใจว่าคำทำนายดังกล่าวเป็นจริง แม่พระทรงเตรียมหมายสำคัญอย่างหนึ่งไว้ นั่นคือ จะมีพระสันตะปาปาอีกพระองค์หนึ่ง แต่รัชสมัยของพระองค์จะสั้นมาก ดังนั้นจึงไม่รวมอยู่ในพระสันตะปาปาที่พระนางทรงกล่าวถึง
 
เราคงรู้แล้วว่าพระสันตะปาปาที่กล่าวถึงนั้นคือใคร พระสันตะปาปที่รัชสมัยของพระองค์สั้นมากและพระองค์ยังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจใดๆเลย นั่นคือ พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 1 พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งในวันที่ 26 สิงหาคม 1978 และสิ้นพระชนม์วันที่ 28 กันยายน 1978 ครองอาสน์เป็นเวลาเพียง 33 วันเท่านั้น ซึ่งตรงกับที่แม่พระทรงบอกไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ล่วงหน้าในปี 1963 และพระสันตะปาปา 3 พระองค์ที่แม่พระทรงทำนายไว้ก็คือ พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 , พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 และพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 พระสันตะปาปาองค์ต่อมาคือ พระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งรัชสมัยของพระองค์จะเป็นการสิ้นสุดของกาลเวลา และการเริ่มต้นของยุคใหม่
 
แต่คำทำนายของแม่พระนั้นมีความหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร? การอธิบายคำทำนายของแม่พระแห่งการาบังดัลดังกล่าวนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราจำเป็นต้องถ่อมตนเช่นเดียวกับซิสเตอร์ลูซีอาแห่งฟาติมา เมื่อเวลาที่มีการเปิดเผยสาส์นลับข้อที่ 3 ในปี 2000 Father José Luis Saavedra ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มีการสอบถามซิสเตอร์ลูซีอาเกี่ยวกับความคิดเห็นของเธอ ว่าเธอแปลความหมายอย่างไร คาร์ดินัลรัธซิงเกอร์เล่าว่า ซิสเตอร์ลูซีอาตอบว่า เธอได้รับแต่เพียงภาพนิมิตเท่านั้น ไม่ได้รับการแปลความหมาย การแปลความหมายนั้นไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของผู้เห็นนิมิต แต่เป็นความรับผิดชอบของพระศาสนจักร”
 
ผู้เห็นแม่พระจึงไม่ควรเสี่ยงในการแปลความหมายของคำทำนายที่ได้รับ หน้าที่ของพวกเขาคือการส่งเรื่องเหล่านี้ไปยังพระศาสนจักรซึ่งจะเป็นผู้ศึกษาและเป็นผู้มีอำนาจในการแปลความหมาย เพราะเหตุนี้ในการาบังดัล, คอนชิตาจึงปล่อยให้การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระศาสนจักรที่จะอธิบายคำทำนายนั้น และบางครั้งพระศาสนจักรก็จำเป็นต้องรอให้เหตุการณ์ที่ทำนายไว้เกิดขึ้นเสียก่อน เพราะคำทำนายถึงอนาคตไม่ใช่มีไว้เพื่อบอกให้รับรู้เท่านั้น แต่มีเพื่อทำให้เกิดการกลับใจ เป็นสิ่งที่แสดงถึงพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ไม่ต้องการให้เหตุการณ์เกิดขึ้นเสียก่อนแล้วเราจึงกลับใจ แต่ต้องการให้เรากลับใจ, ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น คำทำนายถึงอนาคตเป็นหมายสำคัญอย่างหนึ่งที่ยืนยันว่าพระเจ้าทรงเข้ามาแทรกแซงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
 
คำทำนายของแม่พระที่กล่าวว่า “หลังจากพระสันตะปาปาพระองค์นี้ จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสามพระองค์เท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะเป็นการสิ้นสุดของกาลเวลา” คำว่า “หลังจาก” Father José Luis Saavedra ได้อธิบายไว้ในหนังสือ Garabandal, Message of Hope, ของท่านว่า ไม่ได้หมายถึง “ในทันที” คำว่า สิ้นสุดของกาลเวลา และ การสิ้นสุดของโลก ไม่ได้มีความหมายเดียวกัน ดังนั้นการที่คอนชิตาจึงพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสามพระองค์” นั้น ไม่ได้มีความหมายว่าจะไม่มีพระสันตะปาปาอีกต่อไป หรือพระศาสนจักรจะสิ้นสุดลง หรือมนุษยชาติจะสูญหายไป
 
“หลังจากพระสันตะปาปาพระองค์นี้ จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสามพระองค์เท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะเป็นการสิ้นสุดของกาลเวลา” จึงน่าจะมีความหมายว่ายังมีพระสันตะปาปาต่อมาอีกเพียงสามพระองค์ก่อนที่ “กาลเวลา” อันเป็นปริศนาจะเริ่มต้นขึ้น และหลังจากนั้นก็จะยังคงมีพระสันตะปาปาอีกต่อไป พระศาสนจักรยังคงอยู่ต่อไป รวมทั้งโลกด้วย เราจะเข้าสู่ยุคใหม่ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร
 
เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงของพระศาสนจักร
 
“การสิ้นสุดของกาลเวลา” ตรงกับช่วงเวลาการทดสอบอันแสนสาหัสและการชำระล้างให้บริสุทธิ์ของพระศาสนจักร" ข้อความที่กล่าวมานั้นมิใช่การแปลความหมาย แต่มาจากเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เราได้เห็นและสัมผัสอยู่ในขณะนี้ พระศาสนจักรในปัจจุบันกำลังถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง, ถูกเบียดเบียนข่มเหง, และถูกชำระให้บริสุทธิ์ แต่นี่มิใช่หมายถึงว่าพระศาสนจักรจะหมดสิ้นไป ในทางตรงกันข้าม, ถ้าเรามีความสัตย์ซื่อและตอบสนองการขอร้องของพระแม่มารีย์แล้ว , สถานการณ์ปัจจุบันนี้จะนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานที่พระญาณเอื้ออาทรทรงเตรียมไว้
 
Father José Luis Saavedra ได้เชื่อมโยงคำว่า “การสิ้นสุดของกาลเวลา” กับสาส์นแห่งฟาติมา “ในท้ายที่สุด, ดวงหทัยนิรมลของแม่จะได้รับชัยชนะ” Spanish Royal Academy ได้อธิบายคำ “ในท้ายที่สุด” ว่า หมายถึงการสิ้นสุดของการรอคอย เป็นการสิ้นสุดของช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบัน และมุ่งไปสู่ช่วงเวลาแห่งชัยชนะของดวงหทัยนิรมลของแม่พระ
 
สำหรับ Santiago Lanús ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการประจักษ์ของแม่พระในยุคปัจจุบันได้อธิบายไว้ว่า “การสิ้นสุดของกาลเวลา” ที่ถูกประกาศที่การาบังดัลนั้น หมายถึง “มีระยะเวลายาวนานไปจนถึงชัยชนะของดวงหทัยนิรมลของแม่พระที่ประกาศที่ฟาติมา” เป็นระยะเวลาแห่งความเจ็บปวดจากการถูกทดสอบภายในพระศาสนจักร และการถูกเบียดเบียนจากภายนอกพระศาสนจักร ความทุกขเวทนาที่พระศาสนจักรได้รับนั้นรุนแรงมาก, จนทำให้รู้สึกว่าพระศาสนจักรกำลังสูญสิ้นไป
 
พวกเราได้มีประสบการณ์กับสถานการณ์การที่พระศาสนจักรถูกทดสอบ แต่เราต้องไม่ยอมถูกปีศาจประจญให้สิ้นหวังหรือหันเหหนีไปจากพระศาสนจักรเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่เรากล่าวมานั้น เกิดขึ้นจากพระเมตตาของพระเยซูเจ้าโดยดวงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เราจึงไม่ควรกลัวเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ควรมอบตัวเราไว้ในพระหัตถ์ของพระมารดาแห่งสวรรค์ของเรา เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เพื่อความดีของพวกเราเอง เพื่อนำพวกเราไปสู่การกลับใจ
 
และขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า การแปลความหมายที่แท้จริงของคำทำนายที่การาบังดัลนั้นจะต้องถูกแปลโดยพระศาสนจักรเท่านั้น และเราจะต้องสำนึกในพระคุณของพระมารดามารีย์ของเรา พระแม่ผู้ทรงรักเราเป็นอย่างมากและทรงช่วยเหลือเราทุกวิถีทางเพื่อทำให้พวกเราได้รับความรอด
 
Source: SAAVEDRA, J.L., Garabandal, Message of Hope, Santander, 2015

**********************
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น