ยูดาส อิสคาริโอท ได้ทรยศพระเยซูคริสต์, องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยการจูบที่สวนเกทเสเมนี เพื่อแลกกับเงิน 30 เหรียญ (มัทธิว 26:15)
หลังจากที่ยูดาสฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอตัวเองแล้ว, บรรดาอัครสาวกได้รวมตัวกันเพื่อคัดเลือกคนที่จะมาแทนที่เขา โดยเลือกจากคนสองคน คือ โจเซฟที่เรียกว่าบาร์ซับบาส ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม Justus และ มัทธีอัส (หรือ มัทเธียส ก็ได้)
นักบุญเปโตร เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า "ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์น จนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ " กิจการ 1: 21-22
นักบุญเปโตร ได้กล่าวนำการสวดอธิษฐานภาวนา "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาส ที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน"
มัทธีอัสได้รับเลือกและเข้ารับหน้าที่ร่วมกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน ดังนั้นตอนนี้ก็มีอัครสาวกครบสิบสองคนอีกครั้ง ขณะที่มัทธีอัสเข้ารับตำแหน่งของยูดาส (กิจการ 1:20) มัทธีอัสเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อคนสำคัญ เขาปรากฏตัวตั้งแต่เริ่มแรกในภารกิจของนักบุญยอห์น บัพติสตาและต่อมาได้ร่วมอยู่กับพระเยซูเจ้าในพระชนม์ชีพเปิดเผยของพระองค์ อัครสาวกสิบสองคนมีความสำคัญเพราะเป็นตัวแทนของเผ่าทั้งสิบสองของอิสราเอล และในความคิดที่ว่าพระศาสนจักรคือ "อิสราเอลใหม่", และ "เยรูซาเล็มใหม่”
การเลือกครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญ เนื่องจากพระศาสนจักรคาทอลิกจะแพร่กระจายไปทั่วโลก มีการจัดตั้งกลุ่มผู้อาวุโสและผู้ปกครองดูแลในที่ต่างๆสำหรับผู้มีความเชื่อทุกคน (ทิตัส 1: 5) นักบุญเปาโลเขียนว่า "ลูกรัก (ทิโมธี) ท่านจงรับพละกำลังจากพระหรรษทานซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู จงถ่ายทอดสิ่งที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าโดยมีหลายคนเป็นพยานแก่คนที่น่าเชื่อถือซึ่งจะสอนคนอื่นต่อไปได้" 2 ทิโมธี 2: 1-2)
จากข้างบนนี้, เราสามารถเห็นการสืบเนื่องมาจากอัครสาวกสามชั่วอายุ โดยเริ่มต้นจาก นักบุญเปาโลและบรรดาอัครสาวก, รุ่นของทิโมธีซึ่งแน่นอนจะรวมถึง นักบุญทิตัส, นักบุญอิกนาเชียสแห่งอันติโอค และนักบุญโปลิคาร์ป จากคนในรุ่นเหล่านี้คำสอนก็จะเผยแพร่ต่อไปอย่างกว้างขวาง
ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้รู้ว่า นักบุญมัทธีอัสนั้น, แท้จริงแล้วก็คือ ศักเคียส Zacchaeus คนเก็บภาษีที่ปีนต้นมะเดื่อเพื่อที่เขาจะได้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะเขามีรูปร่างเตี้ย (ลูกา 19: 1-10) การพบพระเยซูเจ้าในครั้งนั้นมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อศักเคียส มันได้เปลี่ยนชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง นักบุญเคลเมนท์แห่งอเล็กซานเดรียพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้กับคนยากจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า ด้วยคำพูดนี้ องค์พระผู้ช่วยให้รอดจึงตรัสว่า 'เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาในวันนี้ พระองค์จะทรงพบสิ่งที่สูญหายไป "(สโตรมา 4.6.35.2)
ในฐานะอัครสาวกนักบุญมัทธีอัสจึงได้อยู่พร้อมกับพระนางพรหมจารีย์มารีย์และบรรดาอัครสาวกในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา
นักบุญมัทธีอัสจะมีบทบาทในการประชุมที่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งปูทางไปสู่เส้นทางแห่งพระหรรษทานอันชัดเจนต่อหน้าพระศาสนจักร
นักบุญเคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรีย ได้เขียนเกี่ยวกับนักบุญมัทธีอัสที่ไม่ได้ถูกเลือกโดยพระเยซูเจ้าในเวลาที่พระองค์ทรงพักที่บ้านของเขา แต่เขาจะได้รับเลือกในอนาคตและพระเยซูเจ้าทรงเห็นล่วงหน้าแล้วว่านักบุญมัทธีอัสจะได้เป็นอัครสาวก สิ่งนี้เป็นเช่นเดียวกันสำหรับพระสงฆ์คาทอลิกทุกคนที่ได้รับเลือกสรรด้วยการเจิมอย่างถูกต้องและด้วยการปกมือเหนือศีรษะ (1 ทิโมธี 4: 11-16)
ในกิจกรรมการแพร่ธรรมของนักบุญมัทธีอัส, ธรรมประเพณีกล่าวว่า ท่านเดินทางไปทั่วแคว้นยูเดียและเอธิโอเปีย (ปัจจุบันคือ จอร์เจียใกล้กับรัสเซีย) และที่นั่นท่านอาจเผชิญกับการถูกทุ่มด้วยก้อนหิน แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างน้อยก็ระหว่างการเดินทางครั้งนี้
เอธิโอเปีย เป็นเมืองแห่ง "มนุษย์กินคน" คนป่าเถื่อนจับนักบุญมัทธีอัสไว้ ท่านถูกกดตัวลงและพวกนั้นก็ควักตาของท่านออกทำให้ท่านตาบอด แล้วพวกมันก็ขังท่านไว้ในคุก, รอคอยชะตากรรมต่อไป หลังจาก 30 วันแห่งการรอคอยที่จะถูกกิน, พระเยซูเจ้าก็ทรงปรากฏแก่นักบุญมัทธีอัส ตรัสว่า "จงมีความกล้าหาญเถิด, มัทธีอัสของเราและอย่าตกใจเพราะเราจะไม่ละทิ้งท่านเลย"
พระเยซูเจ้าทรงประทานตาของมัทธีอัสให้กลับคืนมา และไม่เพียงแต่นักบุญมัทธีอัสเท่านั้น แต่ทุกคนที่ถูกขังในคุกและประสบชะตากรรมเดียวกันก็ได้รับการช่วยเหลือด้วย พระเยซูเจ้าทรงสั่งนักบุญมัทธีอัสให้อยู่ในคุกนี้จนกระทั่งนักบุญแอนดรูจะมาถึงเพื่อช่วยชีวิตเขา จุดประสงค์ของพระเยซูเจ้าคือให้นักบุญมัทธีอัสแพร่ธรรมให้กับบรรดานักโทษ เมื่อนักบุญแอนดรูมาถึง, ประตูที่ปิดล็อคอยู่ก็เปิดออกปลดปล่อยนักบุญมัทธีอัสและนักโทษอื่นทั้งหมด
ประมาณปีค.ศ. 80 นักบุญมัทธีอัสกลับไปที่กาลิลีเพื่อขึ้นศาล, เพราะชาวยิวจับตัวท่านและท่านถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้ามหาสมณะแห่ง สภาซันเฮดริน (อันนาส) ผู้ซึ่งได้ประหารชีวิตนักบุญยูดา (St. James the Less) ไปก่อนหน้านี้ อันนาสสั่งให้ประหารชีวิตนักบุญมัทธีอัสด้วยการขว้างด้วยก้อนหินจนถึงแก่ความตาย "เจ้าคนหน้าซื่อใจคน ประกาศกดาวิดกล่าวถึงพวกเจ้าไว้ถูกต้องแล้วว่า - คนเหล่านั้นร่วมกันทำร้ายชีวิตของผู้ชอบธรรมและตัดสินประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์'"(Douay-Rheims สดุดี94:21) หลังจากถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย, นักบุญมัทธีอัสก็ถูกตัดศีรษะเพื่อแสดงว่าเขาเป็นศัตรูของกรุงโรม คริสตชนได้นำร่างของนักบุญมัทธีอัสมาฝังศพตามประเพณีคริสตชน วันฉลองของท่านคือ 14 พฤษภาคม
****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น