ที่ฟาติมา แม่พระตรัสแก่เด็กทั้งสามว่า “สุดขอบฟ้าปรากฏว่ามืดมิด มีเพียงแสงหนึ่ง...คือดวงหทัยนิรมลของแม่...ในที่สุดจะได้รับชัยชนะ” คำพูดของแม่พระนี้นำความหวังมาสู่เรา ดวงหทัยนิรมลของแม่พระที่เปี่ยมด้วยความเมตตาปราณีต่อบรรดาลูกทั้งหลายของพระนางจะทรงทำให้โลกนี้สงบสุข ถึงแม้่จะดูเหมือนว่าเวลายังมาไม่ถึง แต่ก็ใกล้เข้ามาทุกทึแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นพระนางพรหมจารีย์มารีย์จะทรงนำโลกเข้าสู่ยุคใหม่ – ยุคแห่งสันติภาพ ( ERA OF PEACE )
การประจักษ์ที่การาบังดัล ผู้เห็นแม่พระ”คอนชิตา” บอกว่า หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 จะมีพระสันตะปาปาต่อมาอีกเพียง 4 พระองค์ จนกระทั่งสิ้นสุดของกาลเวลา (ไม่ใช่สิ้นสุดของโลกหรือการไม่มีพระสันตะปาปาอีกต่อไป) นั่นหมายถึงยุคใหม่จะเริ่มต้นขึ้น พระสันตะปาปา 3 พระองค์นั้นได้แก่ พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 , พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 และพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
พระสันตะปาปาองค์ต่อมาคือ พระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งรัชสมัยของพระองค์จะเป็นการสิ้นสุดของกาลเวลา และการเริ่มต้นของยุคใหม่
(หมายเหตุ - แม่พระไม่ทรงนับพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 1 ในรายชื่อ เพราะพระสันตปาปามีรัชสมัยที่สั้นมากเพียง 33 วันเท่านั้น และยังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจใดๆ)
......
การระบาดของโคโรน่าไวรัส โควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก เราได้เห็นแล้วว่า มีการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตประจำวันของมนุษย์ มีการกักตัวอยู่ที่บ้าน สถานที่หลายแห่ง เช่น สถานบันเทิง ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ต่างปิดตัวลง มีการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง โซเชียลดิสแทนส์ ผู้คนต้องปรับตัวแต่ก็มีบางคนที่ต่อต้าน บางคนถึงกับแสดงอาการหยาบคาย เช่น ไอใส่เจ้าหน้าที่ที่มาเตือน และฝ่าฝืนข้อบังคับ ถึงแม้ในเวลานี้บางประเทศจะผ่อนคลายการบังคับลงไปบ้าง เพราะการระบาดเริ่มลดน้อยลง แต่วิถีชีวิตต่อจากนี้ไปก็คงไม่เหมือนเดิม ซึ่งจะกลายเป็น “นิวนอร์มัล” New Normal
คำว่า”นิวนอร์มัล” หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมมนุษย์หลังจากการระบาดทั่วโลกครั้งนี้ แพทย์จากมหาวิทยาลัยระบบสุขภาพแคนซัส คาดว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะเปลี่ยนชีวิตประจำวันสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงการจำกัดความใกล้ชิดระหว่างบุคคล เช่น การจับมือและกอด การรักษาระยะห่างจากคนอื่น New normal ยังเปลี่ยนโลกการเงิน การลงทุน และการซื้อสินค้าของคนเรา มีความนิยมการสั่งซื้อของออนไลน์มากขึ้น New normal ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการศึกษาของนักเรียนในบางอย่าง มีการเรียนการสอนออนไลน์เพิ่มขึ้น
ในการเสวนา ทิศทางไทย:ฝ่าวิกฤติโควิด-19 สู่ชีวิตวิถีใหม่ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการคาดการณ์ว่าหลังวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ สังคมโลกจะเผชิญปัญหาใหญ่อย่างน้อย 5 เรื่องหลัก ได้แก่
1.Safety ความปลอดภัยด้านสุขภาพมาก่อนความสนุกสนาน
2.Small งานสังคมเล็กแต่ซึ้ง
3.Save resources ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดการใช้พลังงาน ลดเวลาที่เปล่าประโยชน์ ลดการพบแพทย์
4.Social justice คำนึงถึงส่วนรวมและลดความเหลื่อมล้ำ
5.Spiritual dimension คุณค่าด้านจิตวิญญาณ
.......
การระบาดของโคโรน่าไวรัส ครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันของมนุษย์ หรือเปลี่ยนแปลงทางกายภาพภายนอกเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจของมนุษย์ด้วย
สาส์นแม่พระวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 แม่พระตรัสว่า “..........เพื่อที่พระจิตเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของลูกและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของโลกนี้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรื้อฟื้นใหม่ในด้านจิตวิญญาณ.........จงเป็นผู้นำแสงสว่างส่องในที่มืดแห่งยุคสมัยที่ไม่มีสันติภาพนี้”
ผู้เห็นแม่พระแห่งเมดจูกอเรจ์ได้พูดถึงโลกยุคใหม่ไว้ดังนี้
วิกก้าแสดงออกบนใบหน้าที่ร่าเริงของเธอเป็นการบ่งบอกว่าชีวิตบนโลกจะอยู่ในยุคใหม่ที่แม่พระทรงทำนายไว้ เธอพูดไว้ว่า
“วันหนึ่งความลับทั้ง 10 ข้อจะกลายเป็นอดีต เมื่อถึงเวลานั้นโลกจะแตกต่างไปจากเดิมมาก โลกจะดีขึ้น ความลับเป็นเครื่องหมายของจุดสิ้นสุดของยุคนี้และรุ่งอรุณของยุคใหม่
นี่จะเป็นยุคใหม่ ยุคแห่งสันติภาพ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปแล้วว่าทำไมพระแม่มารีย์จึงทรงเรียกพระนางว่า ราชินีแห่งสันติภาพ เมื่อพระนางประจักษ์มาครั้งแรกในเมดจูกอเรจ์
ในยุคใหม่, มนุษยชาติจะมีชีวิตในความสัมพันธ์ใหม่ที่ดีกับพระเจ้า พระเยซูเจ้าจะทรงครอบครองจิตใจของมนุษย์ทั้งมวล
แต่ในสภาวะบาปของมนุษยชาติในปัจจุบันนี้ จึงทำให้มนุษยชาติยังไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้ ดังนั้นจุดประสงค์สูงสุดของลำดับความลับทั้งหมดก็คือการชำระล้างจิตใจมนุษย์ให้บริสุทธิ์และทำให้มนุษย์มีความถ่อมตน, นำมนุษยชาติกลับสู่ความมีมโนธรรมและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ให้ดีขึ้น”
“ฉันมีทัศนคติในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต หากเราทุกคนเริ่มดำเนินชีวิตตามสาส์นของพระแม่มารีย์ โลกยุคใหม่ก็จะเกิดขึ้น” ดังนั้นความลับจึงหมายถึงจุดสิ้นสุดของการที่ซาตานยึดกุมมนุษยชาติไว้ในมือของมัน
ดราจิเซวิค(Dragicevic) ได้รับการบอกกล่าวในปีที่สองของการประจักษ์ว่า: “ ศตวรรษนี้อยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจ แต่เมื่อความลับที่ม่พระทรงบอกไว้เกิดขึ้น อำนาจของมันจะถูกทำลาย (พูดไว้ในปี1982; แต่ไม่ทราบวันที่แน่นอน)
…….
แม่พระตรัสกับคุณพ่อ สเตฟาโน ก็อบบี ผู้ก่อตั้งขบวนการสงฆ์ของแม่พระในวันที่ 13 พ. ค. 1995 ว่า “โดยยัญบูชานี้ของ[พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2] , บุตรสุดที่รักของแม่, พระยุติธรรมอันศักด์สิทธิ์จะเปลี่ยนเป็นพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ ภายหลังจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง, ซึ่งจะเป็นการชำระให้บริสุทธิ์สำหรับโลกทั้งมวล,จะมียุคใหม่เกิดขึ้นในโลก ซึ่งจะถูกทำนายและประกาศล่วงหน้าโดยพระองค์ - ในท้ายสุด, พระองค์จะทรงเชื้อเชิญทุกคนให้ก้าวข้ามธรณีประตูแห่งความหวังอันสดใส”
หลายปีต่อมาพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เขียนในสมณสาส์นว่า “เวลานี้เป็นเวลาของการแพร่ธรรมครั้งใหม่เพื่อนำประชากรของพระเจ้าในอเมริกาก้าวข้ามธรณีประตูแห่งสหัสวรรษที่3 ด้วยความหวังใหม่” (สมณสาส์น, “พระศาสนจักรในอเมริกา”).
ต่อมาพระองค์ทรงประกาศถึงยุคใหม่ที่พระแม่มารีย์ทรงทำนายไว้ว่าจะถูกประกาศโดยพระสันตปาปา พระองค์เขียนในสมณสาส์นว่า:
“ณ.รุ่งอรุณแห่งสหัสวรรษใหม่นี้, เราปรารถนาที่จะมอบสาส์นแห่งความหวังอีกครั้งซึ่งมาจากถ้ำเลี้ยงสัตว์แห่งเบ็ธเลเฮม: พระเจ้าทรงรักมนุษย์ชายหญิงทุกคนบนโลกและทรงประทานความหวังแห่งยุคใหม่, ยุคแห่งสันติภาพ พระทัยรักของพระองค์ทรงเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ในองค์พระบุตรผู้ทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นรากฐานของสันติภาพสากล เมื่อพระองค์ได้รับการต้อนรับในส่วนลึกของหัวใจมนุษย์, ความรักนี้ทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและกับมนุษย์ด้วยกันเอง ความรักนี้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นใหม่และก่อให้เกิดความปรารถนาความเป็นพี่น้องกันในหมู่มนุษย์ ปรารถนาที่จะยุติความรุนแรงและสงคราม”
(สาส์นของพระสันตปาปายอห์นปอลที่2 ในโอกาสฉลองวันสันติภาพโลกวันที่ 1 มกราคม 2000)
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น