วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563

พระศาสนจักรแห่งความเชื่อและการสวดภาวนา



น.ลูกาได้บันทึกในพระวรสารของท่านว่า มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนบาปหนาและมีปีศาจสิงถึง 7 ตนซึ่งถูกพระเยซูเจ้ากำจัดออกไปจากตัวเธอ การกลับใจอย่างแท้จริงของมารีย์ ชาวมักดาลามีบันทึกไว้ในพระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 7 เธอได้ไปที่บ้านของซีโมน ชาวฟาริสี
 
มารีย์สำนึกในบาปความผิดของเธอ และเธอเลือกที่จะใช้วิธีการสำนึกผิดด้วยสัญชาติญาณและความศรัทธาของเธอเอง เธอใช้ช่วงเวลาที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ที่บ้านของซีโมนและมีผู้ร่วมโต๊ะอยู่มากมาย เธอเข้าไปใกล้พระบาทของพระเยซูเจ้า ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท เธอเช็ดพระบาทด้วยเส้นผมและใช้น้ำมันหอมขโลมพระบาท ในขณะนั้นไม่มีใครกล้าพูดอะไรถึงการกระทำนี้ พระเยซูเจ้าทรงผินพระพักตร์มาที่มารีย์แล้วตรัสว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงพูดกันว่า “คนผู้นี้เป็นใคร จึงทำได้แม้แต่การอภัยบาป” พระเยซูเจ้าตรัสกับมารีย์อีกว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้น จงไปเป็นสุขเถิด” ด้วยคำพูดนี้พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า มารีย์เชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ โดยอำนาจของพระองค์ที่ให้อภัยบาปของเธอ สิ่งเราเรียนรู้จากพระวรสารตอนนี้ก็คือพระหรรษทานของพระเจ้าได้ทำให้หญิงผู้นี้สำนึกในความผิดบาปของเธอ แต่อะไรที่ทำให้เธอได้รับพระหรรษทานนี้เล่า?
 
เพื่อตอบคำถามนี้ให้เราดูตัวอย่างอื่นๆ ของพระหรรษทานจากพระเจ้าที่ประทานแก่บุคคลในพระวรสาร ตัวอย่างเช่น พระหรรษทานที่เปลี่ยนเปโตรจากชาวประมงให้กลายเป็นอัครสาวก หลังจากที่พระคริสต์ทรงเลือกเรือของเปโตรเพื่อเทศน์สอน พระองค์ทรงสั่งเปโตรให้แล่นเรือไปในที่ลึกเพื่อจับปลา แล้วการจับปลาที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อเปโตรเห็นอัศจรรย์เช่นนั้น, ท่านก็ทรุดตัวลงแทบพระบาทและพูดว่า: "ข้า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้า, โปรดไปจากข้าข้าพเจ้าเสียเถือ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป!" และพระคริสต์ก็ตอบว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงจับมนุษย์แทนจับปลา” (ลก. 5:10) เรือเป็นรูปแบบหมายถึงพระศาสนจักร, ชุมชนแห่งความเชื่อและการสวดภาวนา ดังนั้นสิ่งที่ช่วยทำให้ได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้าก็คือความเชื่อและการสวดภาวนาของพระศาสนจักร
 
ความจริงนี้พบได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าที่ทรงชุบชีวิตบุตรชายเพียงคนเดียวของหญิงม่ายแห่งเมืองนาอิน ชาวเมืองหามศพเด็กหนุ่มบนแคร่หามออกจากเมืองเพื่อนำไปฝังโดยมีมารดาของเขาร้องไห้ตามไป พระเยซูทอดพระเนตรด้วยความสงสาร จึงทรงเข้าไปใกล้แตะแคร่หามศพแล้วตรัสว่า “หนุ่มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด“ คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูด (ลก. 7:13) ดังนั้นในสายพระเนตรของพระเยซูเจ้า ความโศกเศร้าของมารดาผู้นั้นจึงเป็นตัวแทนการสวดภาวนาของพระศาสนจักรของพระองค์ คำอธิษฐานเหล่านั้นช่วยทำให้ได้รับพระหรรษทานของการฟื้นคืนชีพของชายหนุ่มคนนั้น
 
อีกเรื่องหนึ่ง, ผู้หญิงชาวคานาอันที่เป็นโรคตกเลือดมานานสิบสองปีคิดในใจว่า: "ถ้าฉันเพียงสัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค!" (มก 5:28) เธอเชื่อว่าเธอจะได้รับการรักษาให้หายโดยที่พระเยซูเจ้าไม่ทรงรู้ เธอมีความเชื่อมากว่าฤทธานุภาพของพระเยซูเจ้าจะออกมาจากพระองค์และช่วยเธอได้, แม้แต่มาจากฉลองพระองค์ แต่ฉลองพระองค์นั้นเป็นรูปแบบหมายถึงพระศาสนจักร และนี่เป็นอีกครั้งที่พระคริสต์ทรงประทานพระหรรษทานให้โดยผ่านทางพระศาสนจักรแห่งการสวดอธิษฐานภาวนา
 
และในกรณีการกลับใจของมารีย์ ชาวมักดาลาก็เช่นกัน, พระศาสนจักรได้สวดภาวนาและเธอก็กลับใจ แต่ในเวลานั้นพระศาสนจักรอยู่ที่ไหน? ในช่วงเวลาของพระวรสาร, พระศาสนจักรดำรงอยู่เป็นพิเศษในพระบุคคลของพระแม่มารีย์ พระนางทรงมีความเชื่ออย่างสมบูรณ์ ดังนั้นพระนางจึงทรงอธิษฐานภาวนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพระศาสนจักรที่กำลังอยู่ในระหว่างการสร้างขึ้น ทุกวันนี้, เราได้เห็นว่าพระศาสนจักรคาทอลิกอยู่ในขั้นตอนของการถูกบ่อนทำลายและการแตกแยก คำอธิษฐานภาวนาของพระแม่มารีย์จะช่วยรักษาเยียวยาพระศาสนจักรให้ดำรงอยู่ได้ตลอดไป และจะชุบชูจิตวิญญาณของสมาชิกของพระศาสนจักรให้มีความกระตือรือร้นยิ่งขึ้น ให้เราเป็นเครื่องมือในการอธิษฐานภาวนาอย่างมีประสิทธิภาพของพระนางมารีย์, พระมารดาของเราเถิด ด้วยการสวดสายประคำทุกวันเพื่อช่วยให้คนบาปกลับใจและขอให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ในวิญญาณทั้งหลาย
 

**************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น