วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เธอได้รับการรักษาให้หายจากตาบอด



“ฉันชื่อราฟาแอลล่า มาซอคชี่( Raffaella Mazzocchi) ฉันมาจากเนเปิลส์ ฉันอายุ 16 ปี, วันหนึ่งในวันที่ 22 ธันวาคม 2001 ในขณะที่ฉันอยู่ที่โรงเรียน, ฉันได้สูญเสียการมองเห็นที่ตาข้างขวาในทันทีทันใด อันเนื่องจากโรคประสาทแก้วตาอักเสบ( retrobulbar optic neuritis) ซึ่งก็คือไวรัสที่ทำลายเส้นประสาทตาของฉันอย่างถาวร มันเริ่มก่อให้เกิดอาการชักที่เจ็บปวดคล้ายกับอาการชักของโรคลมชักหลายครั้งต่อวัน
 
ฉันได้รับการตรวจวินิจฉัยตาข้างขวา และไม่มีความหวังว่ามันจะกลับมาเป็นปกติได้อีก อันที่จริงการเยียวยารักษาดูเหมือนจะไม่มีผล ฉันถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนเพราะฉันไม่สามารถเรียนได้ ฉันนอนไม่หลับ, ฉันจึงต้องกินยากล่อมประสาท และในสภาพเช่นนี้ฉันจึงต้องใช้ชีวิตเหมือนฝันร้ายอยู่นานถึง 8 ปี ฉันสูญเสียความเชื่อในพระเจ้าและไม่ได้เข้าร่วมพิธีมิสซาในโบสถ์ประจำตำบลเลย
 
อยู่มาวันหนึ่งป้าของฉัน, แม่ของฉันและพี่สะใภ้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังเมดจูกอเรจ และพวกเขาต้องการพาฉันไปด้วย ฉันลังเลใจที่จะไป, แต่ท้ายที่สุดก็ยอมทำตามคำรบเร้าของสมาชิกในครอบครัวของฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเพื่อวอนขอให้ตาขวาของฉันหายเป็นปกติ
 
วันที่ 26 มิถุนายน 2009 เวลาประมาณ 19.30 น. หลังจากลงมาจากเนินเขา Podbrdo ในขณะที่พวกเรากำลังอยู่ที่บริเวณกางเขน Blue Cross พี่สะใภ้ของฉันเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ ดวงอาทิตย์ดูเหมือนจะเต้น ฉันจึงคว้าแว่นกันแดดของพี่สะใภ้และด้วยตาซ้ายที่ยังมองเห็นได้อยู่, ฉันเห็นดวงอาทิตย์ตอนแรกหมุนรอบๆ และเต้นเป็นจังหวะอย่างชัดเจน จากนั้นก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของฉันแล้วย้อนกลับไป แล้วดวงอาทิตย์ก็เปลี่ยนสีเป็นสีแดง , น้ำเงิน, ส้ม, เขียว ไปเรื่อยๆ
 
และในที่สุดฉันก็ถอดแว่นตาออกและเริ่มร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนก เพราะฉันรู้ว่าฉันได้สูญเสียการมองเห็นในตาซ้ายของฉันด้วย ฉันจึงตาบอดอย่างสมบูรณ์ เสียงกรีดร้องของฉันดึงดูดผู้แสวงบุญหลายคนมาอยู่รอบตัวฉัน แต่ฉันก็ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่องและสิ้นหวังยิ่งขึ้นเพราะฉันรู้สึกว่าดวงตาของฉันเหมือนถูกเผาไหม้อย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตามการเผาไหม้ไม่ใช่จากความเจ็บปวด แต่มาจากความร้อน อาการตาบอดทั้งหมดนี้ใช้เวลาห้านาที เป็นเวลาที่นานที่สุดในชีวิตของฉัน เมื่อเห็นฉันกำลังอยู่ในสภาพตื่นตระหนก แม่ของฉันก็นั่งลงข้างๆฉันและปลอบใจฉันทำให้ฉันสงบลงได้
 
ขณะที่ฉันนั่งก้มศีรษะลงและหลับตา, ฉันรู้สึกมีความต้องการที่จะเปิดตาขวาที่บอด และฉันก็รู้ว่าฉันสามารถมองเห็นมือของฉันได้ จากนั้นฉันก็เปิดตาอีกข้างและฉันก็รู้ว่าฉันก็สามารถมองเห็นได้ดีเช่นกัน
 
ฉันรู้ว่าฉันหายจากตาบอดแล้ว แต่แทนที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ, ฉันกลับเงียบและรู้สึกเต็มไปด้วยความกลัว
 
แม่ของฉันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของฉัน เธอจึงโอบกอดฉันไว้ ผู้แสวงบุญที่อยู่รอบๆจำนวนมากก็เข้ามากอดฉันด้วยเช่นกัน
 
ตั้งแต่วันที่ตาของฉันหายเป็นปกติ ฉันมองสิ่งต่างๆด้วยมุมมองที่สมบูรณ์ และที่สำคัญกว่านั้นความเชื่อในพระเจ้าได้กลับมาเพราะในที่สุดฉันก็มองเห็นด้วยสายตาฝ่ายจิตวิญญาณในทุกด้านอีกด้วย
 
(ที่มา www.messaggimedjugorje.net)
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น