ในสมัยของเรา เราได้ยินเรื่องของการประจักษ์ของแม่พระมากมายหลายแห่ง จนเราพูดกันว่ายุคสมัยนี้เป็นยุคของแม่พระ แม่พระไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยเลยในการที่จะช่วยเหลือลูกๆของพระนาง
อลิซาเบ็ธ คินเดอมานน์(Elizabeth Kindelmann) เป็นสตรีชาวบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เธอได้เห็นพระเยซูเจ้าและแม่พระภายในจิตใจ (Interior Locution) และได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ประจักษ์แก่เธอเป็นเวลาหลายปีและประทานสาส์นซึ่งเราเรียกว่า "เปลวไฟความรักแห่งดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์" พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ตรัสเกี่ยวกับซาตาน, วิธีที่จะทำให้มันตาบอด , อำนาจแห่งการเฝ้าศีลมหาสนิท, ฤทธานุภาพของพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า, วิธีสวดภาวนาอย่างมีประสิทธิภาพ, การช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระ, ความทุกขเวทนาที่โลกต้องเผชิญ, เหตุการณ์ในอนาคต และความลึกลักของ "เปลวไฟแห่งความรัก"นี้
ในปี 2009 พระคาร์ดินัล Peter Erdo พระอัครสังฆราชแห่งฮังการี (และเป็นประธานของสภาพระสังฆราขแห่งยุโรปด้วย) ได้ให้การรับรองสาส์นนี้ และพระสังฆราชลาตินอเมริกันอย่างน้อยหกองค์ก็ให้การรับรองด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่? ทำไมจึงไม่มีข่าวคราวเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้กันมาก่อนเลย?
เรื่องราวเริ่มต้นดังนี้ สามวันก่อนวันฉลองแม่พระแห่งภูเขาคาร์เมลซึ่งตรงกับวันที่ 13 กรกฏาคม 1960 Elizabeth เขียนไว้ในสมุดบันทึกของเธอว่า "ดิฉันได้เห็นแสงสว่างฝ่ายจิตอันน่ามหัศจรรย์ซึ่งส่องสว่างอยู่ถึงสามวันตั้งแต่เช้าถึงกลางคืน" เวลานั้นเธออายุ 50 ปี ไม่นานหลังจาก "แสงสว่าง"ได้หายไป พระเยซูเจ้าและแม่พระก็ประจักษ์มาในลักษณะ(Interior Locution)และตรัสแก่เธอว่า
"จงเสียสละตนเองเถิด เพราะเรามีภารกิจอันยิ่งใหญ่สำหรับลูก" เธอเขียนเล่าในสมุดบันทึก "ลูกจะสามารถทำภารกิจนี้ได้ ถ้าหากลูกเสียสละตนเอง ลูกมีสิทธิที่จะเลือก ลูกจะประสพความสำเร็จถ้าเพียงแต่ลูกต้องการ"
"จงรับเปลวไฟนี้....นี่คือเปลวไฟความรักของความรักของแม่" แม่พระตรัสกับเธอ "จงจุดไฟนี้ในหัวใจของลูก และส่งต่อไปยังผู้อื่นด้วย"
"เปลวไฟนี้แต็มไปด้วยพระพรที่ออกมาจากดวงหทัยนิรมลของแม่เองและแม่กำลังมอบให้แก่ลูก ลูกจะต้องส่งต่อไปให้แก่คนอื่นๆจากหัวใจถึงหัวใจ นี่จะเป็นแสงอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เจ้าซาตานตาบอด นี่เป็นไฟแห่งความรักและมิตรภาพ แม่ได้รับพระหรรษทานนี้จากพระบิดานิรันดรเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกลูกทุกคน โดยอาศัยพระคุณแห่งรอยบาดแผลทั้งห้าขององค์พระบุตรของแม่"
พระเยซูเจ้ายังได้ยืนยันกับเธอว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำพลีกรรมอดอาหารในวันจันทร์ "โดยทานแต่ขนมปังและน้ำเพื่อเห็นแก่เปลวไฟความรักแห่งดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ เขาจะช่วยวิญญาณพระสงฆ์ที่อยู่ในไฟชำระให้ได้รับการปลดปล่อย และผู้ที่ทำตามเงื่อนไขนี้ก็จะได้รับพระหรรษทานนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว แม่ของเราจะรับผู้นั้นออกมาจากไฟชำระ"
Elizabeth เกิดในปี 1913 โดยที่บิดาเป็นโปรแตสแตนท์ แต่มารดาเป็นคาทอลิก เธอมีพี่น้องชายหญิง 12 คน ทั้งหมดเป็นฝาแฝดกัน เธอเป็นลูกคนที่ 13 และเธอเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ บิดามารดารวมทั้งพี่น้องทั้งหมดของเธอได้เสียชีวิตไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บบ้าง อุบัติเหตุบ้าง เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11,เมษายน 1985
เธอมีสุขภาพที่แย่มากทำให้เธอได้รับความทุกข์สาหัสและครอบครัวของเธอก็ยากจนมากด้วย เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตไปแล้ว เธอไปอาศัยอยู่กับยายในชนบท ยายของเธอเป็นคนใจศรัทธา เธอได้รับการศึกษาเพียงประถมศึกษาปีที่สี่ นับเป็นแผนการของพระเป็นเจ้าที่จะทำให้พวกเราต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เธอที่เป็นผู้พูดกับเรา แต่เป็นพระเป็นเจ้าเองที่ทรงตรัสผ่านทางคนกลางซึ่งเป็นเพียง "เครื่องมือ" ของพระองค์ เพื่อหาเลี้ยงตนเองเธอพยายามหางานทำ ครั้งหนึ่งเธอต้องไปทำงานเป็นหญิงรับใช้เพื่อประทังชีวิต โดยได้รับอาหารเป็นค่าจ้างเพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น ต่อมาเธอได้แต่งงานกับชายที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งและมีลูกด้วยกัน 6 คน ในปี 1946 เธอก็ต้องเป็นแม่ม่าย ทำให้เธอต้องเลี้ยงดูลูกน้อยเพียงลำพัง
เธอได้รับพระพรพิเศษและได้เห็นแม่พระก็เมื่ออายุของเธอล่วงเลยเข้าวัยกลางคนแล้ว (ดูเหมือนเธอจะได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ด้วย) และเธอได้รับสาส์นที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาและการต่อสู้กับปีศาจ แม่พระทรงบอกกับเธอว่า เมื่อใครก็ตามร่วมพิธิบูชามิสซาขอบพระคุณอันศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เพียงได้รับเอกสิทธิ์ในการร่วมพิธีเท่านั้น บุคคลผู้นั้นจะ "ส่องแสงสว่างอันเจิดจ้าในระหว่างเวลาที่ร่วมพิธี ตาของเจ้าซาตานจะมืดบอดไปในเวลานั้น พระหรรษทานมากมายเหลือล้นของแม่จะถูกส่งไปให้แก่วิญญาณที่ลูกมอบอุทิศมิสซานี้ให้แก่เขา" แม่พระยังตรัสอีกว่า "ส่วนเจ้าซาตานจะพลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธแค้น และเจ็บปวดยิ่งขึ้นในความทรมานของมัน มันจะพยายามหาวิธีต่อสู้ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะมันรู้สึกถึงความตาบอดของมัน"
สาส์นนี้ รวมทั้งสาส์นอื่นๆได้รับการรับรองแล้ว มีการจัดพิมพ์หนังสือเล่มเล็กๆเพื่อเป็นการแนะนำ เปลวไฟความรักแห่งดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ และมีการจัดทำเวปไซต์ด้วย มีการจัดตั้งขบวนการ "เปลวไฟแห่งความรัก" ที่กำลังเคลื่อนไหวในหลายประเทศในลาตินอเมริกา สหรัฐ คานาดา ยุโรป อัฟริกา และเอเชีย ในรูปแบบของหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ "การไถ่กู้วิญญาณให้รอด" (ตามคำพูดของคุณพ่อ Gabriel Rona, S.J., ผู้แปลเอกสารของ Elizabethเป็นภาษาสเปน )
สาส์นอื่นๆ
Elizabeth เล่าว่า ในระหว่างการเฝ้าศีลมหาสนิทครั้งหนึ่ง แม่พระได้ทรงบอกแก่เธอว่าถ้ามีวิญญาณที่ทำกิจศรัทธาด้วยการไปเฝ้าศีลมหาสนิท ปีศาจจะสูญเสียอำนาจของมันเป็นเวลานานเท่ากับเวลาการเฝ้าศีล คือจนกว่าการเฝ้าศีลเสร็จสิ้นลง นี่เป็นคำสัญญาของแม่พระที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1962 (นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สังฆมณฑลที่มีการเฝ้าศีลมหาสนิทมักรอดพ้นจากการมีเรื่องอื้อฉาว) แม่พระยังทรงต้องการให้มีผู้ที่ช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระด้วย พระนางตรัสว่าทุกครั้งที่สวดบทวันทามารีอา สามบท เพื่อเป็นเกียรติแด่พระนางโดยเรียกหาเปลวไฟแห่งความรักของพระนาง วิญญาณในไฟชำระหนึ่งดวงจะได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระ
แม่พระตรัสแก่ Elizabeth ว่า เมื่อพระสงฆ์ทำพลีกรรมอดอาหารในวันจันทร์ "วิญญาณจำนวนมากมาย" จะได้รับการปลดปล่อยในระหว่างการพลีกรรมนั้น
พระเยซูเจ้าตรัสแก่เธอว่า ขอให้พระสงฆ์กระตือรือร้นในการเผยแพร่ความศรัทธา "พวกเขาต้องไม่ทำให้ประชาชนต้องอยู่ห่างจากเปลวไฟความรักแห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่ของเรา" วันที่ 1 มกราคม 1981 พระเยซูเจ้าทรงเตือนว่า พระศาสนจักรกำลังอยู่ในอันตราย แม่พระได้ตรัสเสริมว่า "ทุกสังฆมณฑลต้องจัดตั้งกลุ่มสวดภาวนา" และในปีเดียวกันนั้นเอง แม่พระทรงประจักษ์มาในประเทศคอมมิวนิสต์อีกประเทศหนึ่ง คือที่ยูโกสลาเวีย "เมดจูกอเรจ์" และเป็นการเริ่มต้นให้มีการจัดตั้งกลุ่มภาวนานับร้อยนับพันทั่วโลก
ครั้งหนึ่ง Elizabeth ถามแม่พระว่า เปลวไฟแห่งความรักคืออะไร?
"เปลวไฟความรักของแม่นี้มีเพื่อพวกลูก เช่นเดียวกับเรือของโนอาห์ที่มีเพื่อโนอาห์"
แม่พระทรงอธิบายว่า "เปลวไฟความรักแห่งดวงหทัยนิรมลของแม่ก็คือองค์พระเยซูเจ้านั่นเอง"
แม่พระทรงตรัสพ้อว่า "มีหลายคนที่มักอุทานซ้ำๆว่า "พระแม่ผู้เต็มไปด้วยความโศกเศร้า" แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่า แม่กำลังโศกเศร้าในเวลานี้ด้วยเช่นกัน และแม่โศกเศร้าไม่เพียงแต่ขณะที่อยู่บนหนทางแห่งกางเขนขององค์พระบุตรของแม่เท่านั้น" พระดำรัสนี้ทำให้ Elizabeth รู้สึกเจ็บปวด ทำให้เธอปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เจ้าซาตานตาบอดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จะทำได้อย่างไร?
แล้วพระเยซูเจ้าก็ทรงประจักษ์มาหาเธอ
"จงเพ่งมองประสานกับดวงตาของเราเถิด" พระองค์ตรัส
"การเพ่งมองของเราจะทำให้เจ้าซาตานตาบอด"
เหตุการณ์อนาคต
พระเยซูเจ้าทรงบอกกับเธอว่า "เหตุการณ์ยิ่งใหญ่" กำลังมาสู่โลก "เหตุการณ์ซึ่งจะทำให้เกิดโลกใหม่ด้วยอำนาจแห่งความเชื่อ" โลกจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ "ไม่เคยมีครั้งใดที่พระหรรษทานได้ถูกประทานมาและหลั่งไหลมาสู่โลกมากมายเท่าครั้งนี้นับตั้งแต่พระวจนาตถ์ทรงรับเอาเนื้อหนังมาเป็นมนุษย์"
การเปลี่ยนแปลงโลกใหม่ครั้งนี้จะถูกทดสอบด้วยความทุกขเวทนาและจะเกิดขึ้นโดยอาศัยการวิงวอนของพระนางพรหมจารีย์มารีย์
"รู้ไว้เถิด โลกในเวลานั้นก็จะเป็นเหมือนสภาวะทางธรรมชาติก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่ เหตุการณ์จะเทียบได้เท่ากับภูเขาไฟที่ระเบิดขึ้นในทันทีทันใด ทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก ตายและตาบอดด้วยเขม่าและขี้เถ้าที่มันพ่นออกมา มันจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบ ขี้เถ้าแห่งความตายซึ่งปนกำมะถันต้องการทำลายความบริสุทธิ์ของวิญญาณของมนุษย์ผู้ถูกสร้างให้เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า"
"แต่เปลวไฟแห่งความรักของพระมารดาจะถูกจุดและลุกไหม้ขึ้นมา" แม่พระตรัสแก่เธอว่า "ซาตานจะถูกทำให้ตาบอดและมนุษยชาติจะเป็นอิสระจาก 'ลาวาที่พ่นควัน' แห่งความเกลียดชัง"
"วิญญาณที่ถูกเลือกจะต้องทำการต่อสู้กับเจ้าชายแห่งความมืด" แม่พระทรงเตือน "มันจะเป็นพายุใหญ่ที่น่ากลัว ไม่ใช่แค่พายุหรอก แต่มันเป็นเฮอริเคนที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง มันต้องการทำลายความเชื่อและความวางใจของผู้ที่ได้รับเลือก แม่จะอยู่เคียงข้างลูกเสมอในพายุใหญ่นี้ ซึ่งขณะนี้มันกำลังเริ่มต้นพัดมาแล้ว แม่เป็นแม่ของลูก แม่สามารถช่วยลูกได้ และแม่ต้องการช่วย ลูกจะสามารถเห็นแสงสว่างเปลวไฟแห่งความรักของแม่ได้ในทุกแห่งซึ่งจะพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนแสงสว่างจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งสวรรค์และแผ่นดิน และจะส่องสว่างแม้แต่ในความมืดและในวิญญาณที่เฉื่อยชาด้วย แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมากยิ่งนักสำหรับแม่ที่ต้องเฝ้าดูลูกๆของแม่จำนวนมากที่ยอมกระโดดเข้าไปในนรก"
แม่พระทรงเตือนว่า จะมีการเบียดเบียนและมีผู้ที่เบียดเบียน พวกเขาเป็น "คนขี้ขลาด" ที่กลัวจะสูญเสียสถานะภาพที่ดีของตนไป พวกเขาคือผู้ที่มีความรู้เรื่องทุกอย่างดีกว่าคนอื่นๆ"
พวกเขาจะโจมตีเหมือนเฮรอดที่พยายามตามล่าพระกุมาร
"ลูกของแม่" แม่พระตรัส "พระหัตถ์ของพระบุตรของแม่พร้อมแล้วที่จะลงโทษ แม่ทำได้เพียงแต่คอยยึดพระหัตถ์ไว้เท่านั้น จงช่วยแม่ด้วย ถ้าหากพวกลูกเพียงแต่นับถือในเปลวไฟแห่งความรักของแม่ เราจะสามารถช่วยโลกไว้ด้วยกัน"
เมื่อพระนางทรงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึง น้ำเสียงของพระนาง "เต็มไปด้วยพระราชอำนาจ ด้วยความสง่าสูงส่ง และหนักแน่นมั่นคง" Elizabeth อธิบายว่า "ดิฉันไม่อาจบรรยายให้รู้ได้ด้วยคำพูดถึงความประหลาดใจและความพิศวงในน้ำเสียงของแม่พระที่ดิฉันได้ยิน จนกระทั่งหลังจากความเงียบสงบสองสามนาทีผ่านไป พระนางทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนดุจมารดา”
"อย่ากลัวเลย จงมีความวางใจในอานุภาพของแม่ในฐานะพระมารดาเถิด"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น