วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563

กีเบโฮ, ราวันดา – การฆ่าล้างเผ่าพันธ์



Rwanda The Visions of Life and Death
 
ราวันดาเป็นประเทศเล็กๆอยู่ใจกลางอัฟริกา มีประชากรราว 5.5 ล้านคนและประชากร 49.7 % เป็นคาทอลิก ประเทศนี้ประกอบด้วยชนเผ่าใหญ่สองชนเผ่า คือ ทุสซี และฮูตู  สองชนเผ่านี้ไม่ค่อยถูกกัน คนจากเผ่าทุสซีได้เป็นประธานาธิบดีและมีที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐบาล ส่วนเผ่าฮูตู มักจะเป็นชนชั้นกรรมมาชีพแต่มีจำนวนคนมากกว่า ทำให้คนเผ่าฮูตูไม่พอใจคนเผ่าทุสซี่เป็นอย่างมาก
 
ในปี 1994 เป็นช่วงเวลาที่เหตุการณ์อันน่าเศร้าและน่าสยดสยองได้เกิดขึ้นที่ราวันดา, เป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ แต่ก่อนหน้านี้ 13 ปี,ในระหว่างปี 1981 - 1989 , ที่กีเบโฮ, หมู่บ้านซึ่งอยู่ในราวันดา, แม่พระได้ประจักษ์แก่เด็ก 7 คน แม่พระได้ให้พวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์อันน่าสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในราวันดา เป็นภาพของผู้คนที่กำลังฆ่าฟันกัน แม่น้ำเป็นสีเลือด บนพื้นดินมีซากศพกองทับถมไม่มีคนฝัง เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นถ้าผู้คนยังไม่กลับใจมาหาพระเจ้า และปฏิบัติตามคำแนะนำของแม่พระ นั่นคือ ให้รักซึ่งกันและกัน รักเพื่อนบ้านของตนและให้อภัยกัน อย่างไรก็ตาม, ถึงแม้จะได้รับการเตือนจากแม่พระ ผู้คนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตน มีคนเพียงเล็กน้อยที่ทำตามคำแนะนำของแม่พระ และแล้ว, เหตุการณ์ตามที่แม่พระได้เตือนไว้และให้เด็กเห็นในภาพนิมิตก็เกิดขึ้น โลกได้รับทราบข่าวการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในราวันดาด้วยความตกใจ นักข่าวได้ถ่ายภาพอันน่าสยดสยองของซากศพที่กองทับถมกัน มันเหมือนกับกำลังสิ้นโลก
 
คุณพ่อ Gabriel Maidron ชาวฝรั่งเศสได้เขียนบันทึกเหตุการณ์เหล่านี้โดยพระสังฆราชได้อนุญาติ. ท่านรู้จักกับพวกเด็กๆในระหว่างที่ท่านประจำอยู่ที่นั่น ท่านยังได้สัมภาษณ์หมอและผู้ที่มาทำการสอบสวนเหตุการณ์นี้ด้วย ต่อไปนี้คือเด็กที่ได้เห็นแม่พระ
 
Alphonsine Mumureke (อัลฟองซีน)
 
เกิดเมื่อ 1965. มาจากครอบครัวคาทอลิกที่ยากจน . ตามหนังสือไดอารี่ของเธอ เธอเห็นแม่พระครั้งแรกเมื่อ 28 พฤศจิกายน 1981 :
 
อัลฟองซีนพูดว่า "ฉัน กำลังอยู่ในโรงอาหารของโรงเรียน ก็ได้ยินเสียงมาจากข้างหลัง : 'ลูกสาวของแม่!' ฉันก็ตอบว่า: 'ลูกอยู่นี่... ท่านเป็นใครคะ?' 'ฉันเป็นมารดาขององค์พระวจนาตถ์ .'
 
แม่พระสวยงามจนสุดบรรยายได้ พระนางยืนเท้าเปล่า สวมเสื้อคลุมยาวไม่มีสายรัดและผ้าคลุมศีรษะสีขาว .
 
"ในระหว่างการเข้าญาณนี้ (ตามที่เพื่อนร่วมชั้นของฉันบอก) - ฉันพูดภาษาอื่นที่พวกเขาไม่รู้จักเช่น : ฝรั่งเศส , อังกฤษ , และภาษาท้องถิ่นที่ฉันพูดอยู่คือ kinyarwanda และอื่นๆ".
 
ครูและเพื่อนร่วมชั้นของเธอที่อยู่ร่วมเหตุการณ์การประจักษ์ครั้งแรกในตอนเย็นและอีกหลายครั้งต่อมาต่างพากันคิดว่า อัลฟองซีนป่วยและไม่ยอมเชื่อว่าเธอได้เห็นพระราชินีแห่งสวรรค์ . เดือนธันวาคม ,การประจักษ์เกิดขึ้นทุกวันเสาร์ เพื่อนร่วมชั้นของเธอที่อยากรู้อยากเห็นและต้องการรู้ว่าการประจักษ์เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ระหว่างการประจักษ์ซึ่งเธอเข้าญาณ, พวกเขาได้เอาไม้ขีดไฟมาเผาที่มือของเธอ แต่เธอก็ไม่ขยับหนี แม่พระได้บอกแก่เธอว่า : 'หนูรู้ไหมพวกเขากำลังเอาไฟเผาหนูอยู่?' - อัลฟองซีนจึงดึงมือออกมาจากไฟ แต่มือของเธอก็ไม่มีรอยไหม้. สาส์นที่มีมาถึงเพื่อนร่วมชั้นและเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นเป็นการยืนยันว่าอัลฟอลซีนไม่เสียสติและเห็นการประจักษ์จริงๆ. ข่าวนี้กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วราวันดาและดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากให้มาที่กีเบโฮ . ในวันที่ 16 มกราคม 1982 การประจักษ์เกิดขึ้นที่สนามโรงเรียน. ไม่มีนักเรียนหญิงคนใดเห็นแม่พระแต่พวกเขาได้ยินสาส์นของพระนางที่เต็มไปด้วยความรักเยี่ยงมารดา
 
นักเรียนบางคนได้เอาสายประคำมาให้อัลฟองซีนเพื่อขอให้แม่พระอวยพร พวกเขาเอาสายประคำมารวมกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่อัลฟองซีนจะจำได้ว่าเป็นของใครบ้าง เมื่อเธอยื่นสายประคำให้แม่พระ,มีสายประคำบางอันหนักมากจนเธอยกขึ้นส่งให้แม่พระไม่ไหว มีผู้สังเกตุว่าสายประคำเหล่านั้นเป็นของนักเรียนที่ไม่เชื่อว่าการประจักษ์เป็นเรื่องจริงและพูดวิจารณ์ในเรื่องนี้
 
เนื่องจากมีการโต้แย้งกันมากในการประจักษ์ครั้งแรก มีนักเรียนและครูบางคนพูดว่า "พวกเราจะเชื่อว่าแม่พระประจักษ์มาที่โรงเรียนจริง, ถ้าพระนางประจักษ์มาให้แก่นักเรียนคนอื่นด้วยนอกเหนือจากอัลฟองซีน" อัลฟองซีนตอบพวกเขาว่า"จงสวดภาวนาเพื่อให้เธอได้รับพระพรนี้"
 
Anathalie Mukamazimpaka (อานาตาลี)
 
เกิดเมื่อ 1965 ในครอบครัวคาทอลิก. แม่พระประจักษ์แก่เธอครั้งแรกเมื่อ 12 มกราคม, 1982. สาส์นที่มอบให้เธอคือ จงเป็นคนถ่อมตน ยอมรับทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระ รักการสวดภาวนาจากหัวใจและการทำพลีกรรมเพื่อทำให้พวกเขามีความเข้าใจในเรื่องความทุกข์ตามแบบอย่างคริสตชน
 
ในวันที่ 5 สิงหาคม, 1982, แม่พระได้ตรัสกับAnathalie ว่า:
 
“แม่ได้พูดกับลูก, แต่ลูกก็ไม่ได้ยิน. แม่ต้องการประคองลูกขึ้น, แต่ลูกก็ยังคงล้มลง. แม่เรียกลูก, แต่ลูกกลับทำหูหนวก. เมื่อไรลูกจึงจะยอมทำตามที่แม่ขอร้อง? ลูกเมินเฉยต่อคำขอร้องของแม่. เมื่อไรลูกจึงจะยอมเข้าใจเสียที? เมื่อไรลูกจึงจะหันมาสนใจในสิ่งที่แม่ต้องการบอกแก่ลูก? แม่ได้ให้เครื่องหมายแก่ลูก, แต่ลูกก็ยังสงสัย. อีกนานเท่าไรลูกจึงจะหันหูหนวกของลูกมาฟังเสียงวอนขอของแม่?” .
 
Marie-Claire Mukangang (มารี แคลร์)
 
เกิดปี 1961. ตอนแรกเธอไม่เชื่อในเรื่องการประจักษ์ของอัลฟองซีนและเรียกอัลฟองซีนว่า "คนโง่เขลา" เธอเรียนหนังสือไม่เก่งและต้องซ้ำชั้นหนึ่งปี. การประจักษ์ครั้งแรกของ Marie-Claireมีขึ้นเมื่อ 2 มีนาคม, 1982. และสิ้นสุดใน 6 เดือนต่อมา แม่พระได้เลือกเธอให้เผยแพร่สาส์นของพระนาง: 'จงรำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าและความเจ็บปวดแสนสาหัสในดวงใจของแม่ , จงสวดสายประคำสำหรับคนเจ็บป่วยเพื่อที่เขาจะได้รับพระหรรษทานในการสำนึกผิดกลับใจ.'
 
Marie-Claire ได้กลับมาเป็นครูสอนที่โรงเรียนlและสอนได้ดี .
 
นี่เป็นบทสนทนาระหว่าง Marie Claire และแม่พระเมื่อวันที่ 2 เมษายน, 1982:
 
แม่พระ: “จงสำนึกผิดกลับใจ ! สำนึกผิดกลับใจ! สำนึกผิดกลับใจ!”
 
Marie Claire: “แต่ลูกก็ทำแล้ว!”
 
แม่พระ: “เมื่อแม่พูดกับลูกอย่างนี้, แม่ไม่ได้พูดกับลูกเพียงคนเดียว, แต่แม่พูดกับคนอื่นๆทุกคนด้วย. มนุษย์ยุคสมัยนี้ได้ทำให้ความหมายที่แท้จริงกลายเป็นสิ่งไร้สาระ: พวกเขาทำความผิดโดยไม่สำนึกรู้ว่ากำลังทำสิ่งที่ผิด .”
 
Marie Claire: “พวกเราอ่อนแอ, ไม่มีพละกำลัง. โปรดประทานพละกำลังแก่พวกเราด้วยเพื่อจะได้สำนึกรู้ถึงความผิดของพวกเราและขออภัยโทษสำหรับสิ่งเหล่านั้น .”
 
แม่พระทรงแนะนำเราให้สวดสายประคำพร้อมรำพึงความทุกข์เจ็ดประการของแม่พระเพื่อจะได้รับพระหรรษทานในการสำนึกผิดในบาปของเรา.
 
วันที่ 31 พฤษภาคม, 1982, แม่พระตรัสกับ Marie Claire ว่า:
 
“สิ่งที่แม่ร้องขอจากลูกคือการสำนึกผิดกลับใจ. เมื่อลูกสวดสายประคำพร้อมรำพึงตาม, ลูกจะมีพละกำลังที่จะสำนึกผิดกลับใจ. ทุกวันนี้, ประชาชนจำนวนมากไม่รู้วิธีที่จะให้อภัยกัน พวกเขาตอกตะปูตรึงพระบุตรของพระเจ้าบนกางเขนอีกครั้ง ดังนั้นแม่จึงมาที่นี่, ที่ราวันดา เพื่อเตือนความจำพวกลูก เพราะที่นี่แม่ยังคงพบคนที่สุภาพถ่อมตนอยู่บ้าง ซึ่งไม่ยึดติดกับทรัพย์สิ่งของหรือเงินทอง ”.
 
Stephanie Mukamurenzi (สเตฟานี)
 
เกิดปี 1968 ได้รับการประจักษ์ครั้งแรกเมื่ออายุ 14.
 
Agnes Kamagaju (อักเนส)
 
เกิดปี 1960. ได้รับการประจักษ์ตั้งแต่ 1 สิงหาคมถึง 21 กันยายน 1982 . เธอได้เห็นทั้งแม่พระและพระเยซูเจ้า.
 
มีการบอกถึงเวลาเป็นการล่วงหน้าก่อนที่แม่พระจะประจักษ์มาต่อสาธารณะชน ประชาชนจำนวนมากจึงมาจากทุกแห่งทั่วประเทศ มีการสร้างพื้นเวทีบริเวณสนามหญ้าของโรงเรียน และเจ้าหน้าที่การสื่อสารก็มอบอุปกรณ์วิทยุและลำโพงให้ด้วย. การประจักษ์ใช้เวลา 2 - 3 ชั่วโมง แก่เด็กหญิงทั้งโดยเป็นส่วนรวมหรือเป็นการส่วนตัวในเวลาเดียวกัน. ผู้รับการประจักษ์บางครั้งจะร้องเพลง บางคนจะล้มลงบนพื้นในลักษณะเข้าญาณ เมื่อสิ้นสุดการประจักษ์ พวกเด็กมีลักษณะเหมือนโคม่า และจะฟื้นขึ้นภายในห้านาที หรือ 1 ชั่วโมง
 
Emanuel Segatashya(เอ็มมานูเอล)

เกิดปี 1967 ในหมู่บ้านชื่อ Rwamiko. พ่อแม่นับถือความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่น (ภูติผี) เขาไม่ได้เข้าโรงเรียนเพราะครอบครัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล, ซึ่งไม่มีเครื่องมือสื่อสารอาทิ เช่น วิทยุ Segatashya ไม่รู้จักการทำเครื่องหมายมหากางเขนหรือความหมายของการทำเครื่องหมายกางเขนเลย. เมื่ออายุ 15 ปี เขาเริ่มได้รับการประจักษ์จากพระเยซูเจ้า. ในไม่ช้าประชาขนต่างก็อยากรู้อยากเห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จำนวนผู้ที่สนใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ฟังสาส์นจากเด็กเลี้ยงแกะที่นับถือความเชื่อดั้งเดิมผู้นี้ซึ่งดึงดูดความสนใจ ต่างสงสัยว่าเด็กได้รับความรู้ในเรื่องศีลอภัยบาป, บาป, และความรักมาจากที่ใด ?
 
พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นผู้ที่สอนเขาให้รู้วิธีการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน วิธีสวดบทข้าแต่พระบิดา, วันทามารีอาและสวดสายประคำ. Segatashya ได้รับศีลล้างบาปในปี 1983 และใช้ศาสนานามว่า Emanuel, ตามที่พระเยซูต้องการ.
 
Vestine Salima (เวสทีน)
 
เกิดปี 1960 ในครอบครัวที่เป็นมุสลิม. ถึงแม้ว่า แม่ของเธอได้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิกในโบสถ์, แต่ต่อมาก็ได้เปลี่ยนไปถือศาสนาอิสลามตามสามี. อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเธอก็เห็นเหมาะสมที่จะให้เธอได้รับการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก เธอได้รับศีลล้างบาปที่นั่น . การประจักษ์แก่เธอเริ่มเมื่อ กรกฏาคม 1980 ที่บ้านของเธอ. มีเพียงพี่สาว Teofista และแม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องการประจักษ์ครั้งแรกนี้. การประจักษ์ต่อเธอเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะชนในวันที่ 15 กันยายน 1982 ที่โรงเรียน, และครั้งสุดท้ายของการประจักษ์เมื่อ 24 ธันวาคม ที่บ้านของเธอ. เธอได้บันทึกเรื่องการประจักษ์เอาไว้ในสมุดไดอารี่ เธอเล่าว่า เธอได้รับการประจักษ์จากพระเยซูเจ้าก่อน ต่อมาจึงเป็นแม่พระ สาส์นของเธอได้เผยแพร่ไปในหลายสังฆมณฑลของราวันดาพร้อมด้วยข้อแนะนำของพระสังฆราช Gahamany.
 
วันที่ 29 มกราคม, 1982 Vestine ได้สวดสายประคำโดยกางแขนออกในรูปกางเขน และเธอไม่ได้เคลื่อนไหวแขนของเธอเลยถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง .
 
*****************
 
วันที่ 20 มีนาคม1982 อัลฟองซีนได้ประกาศต่อซิสเตอร์คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนและต่อเพื่อนร่วมชั้นอีกคนว่า : "ฉันจะมีลักษณะเหมือนคนตาย, แต่อย่าฝังฉัน!"
 
แม่พระได้บอกกับเธอเป็นการล่วงหน้าที่จะพาเธอเดินทางไปพร้อมกับพระนาง. ผู้ที่เห็นเป็นพยานได้เล่าว่า การเดินทางใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงเต็ม ในเวลานั้นอัลฟองซีนจะอยู่ในลักษณะโคม่าและตัวแข็งทื่อ. ผู้ที่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในห้องที่เธออยู่( พระสงฆ์และหมอ) ได้ทำการทดสอบหลายอย่าง พวกเขาเอาเข็มแทงที่ซอกเล็บ ตรวจการหายใจและพยายามจะยกตัวของเธอ ร่างกายของเธอเหมือนกับก้อนหินหนักประมาณ 100 กิโลกรัม พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะคลายแขนของเธอที่ประสานไว้บนอกให้คลายออก ขณะที่เธอมีการเดินทางอันลึกลับ, แม่พระได้ให้เธอเห็น ไฟชำระ สวรรค์ และ นรก .
 
Anathalie มีประสพการณ์คล้ายกันและมีการเดินทางลึกลับ 3 ครั้ง ในวันที่ 4 กันยายน 1982 และจากวันที่ 1 จนถึง 2 เมษายน 1983. การเดินทางสองครั้งแรกใช้เวลา 4 ถึง 7 ชั่วโมง และถูกเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิดจากคณะผู้ตรวจสอบของพระศาสนจักรคือ คุณพ่อ Augustin Misago และคุณพ่อ Frederic Bubwejanga. มีผู้ช่วยเป็นพระสงฆ์อีก 2 คน .
 
Vestine Salima มีประสพการณ์คล้ายกัน . การเดินทางของเธอเริ่มเมื่อ 1 (วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ) ถึงวันที่ 3 เมษายน, 1983. ใช้เวลาทั้งสิ้น 40 ชั่วโมง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเลย. เธอได้ประกาศล่วงหน้าถึงเวลาที่วิญญาณของเธอจะออกจากร่าง คณะผู้ตรวจสอบได้ทำการทดสอบหลายอย่างและทำการควบคุมอย่างเหมาะสม
   
Anathalie ได้ทำการอดอาหารเป็นเวลา 14 วัน -ตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 1983 เลี้ยงชีวิตด้วยศีลมหาสนิทอย่างเดียว. เธอไม่กินอะไรเลยในแปดวันแรก, แม้แต่น้ำสักหยด จากวันนั้นจึงดื่มน้ำบ้างเพียงเล็กน้อย. หมอและคณะผู้ตรวจสอบได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกนาที หมอซิสเตอร์แปดคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทั้งวันทั้งคืน หมอได้ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมสุขภาพของเธอ. ในวันที่สามก็ยังไม่มีสัญญาณว่าเธอจะมีภาวะขาดน้ำ ริมฝีปากยังคงเปียกชุ่ม เธอไม่มีปฏิกิริยาตัวสั่นเหมือนคนที่กระหายน้ำ ในวันที่ 11 ของการอดอาหาร แม่พระได้ปรากฏต่อเธอภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุเป็นเวลาถึง 105 นาที .
 
Emanuel Segatashya ได้อดอาหารเป็นเวลา 18 วัน , ตั้งแต่ 7ถึง 24 มีนาคม 1983. เจ็ดวันแรก เขาได้อดอาหารอย่างเข้มงวดไม่ทานอาหารและน้ำเลย จากวันนั้นจึงจะดื่มน้ำบ้างแต่เพียงเล็กน้อย. เขาทำการอดอาหารในบริเวณสังฆมณฑลของกิเบโฮ เพื่ออยู่ภายใต้การตรวจสอบของแพทย์. หลังจากนั้นเขาได้ถูกนำตัวไปที่สำนักสังฆมณฑลใน Butare. ที่นั้นเขาถูกดูแลและควบคุมสภาวะที่เป็นอยู่โดยหัวหน้าแพทย์จากทีมแพทย์ที่ดูแลโดยไม่หยุดพัก .
 
เด็กที่ได้รับการประจักษ์ทั้งสองคนประกาศว่า การอดอาหารของพวกเขาได้รับการร้องขอจากแม่พระ ให้พวกเขาเลียนแบบการอดอาหารของพระเยซูเจ้าในทะเลทราย.
 
พระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาแก่พวกเขาในเสื้อคลุมขาวหรือแดง.
 
แม่พระได้มอบความลับให้แก่อัลฟองซีนซึ่งจะเปิดเผยได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม .
 
ปลายปี 1983 การประจักษ์แก่ทุกคนได้สิ้นสุดลง , ยกเว้นอัลฟองซีนคนเดียว..
 
ในระหว่างการเข้าพบพระสันตปาปาของพระสังฆราชจากอูกันดาที่วาติกัน พระสังฆราชได้ถามพระสันตบิดรว่าจะจัดการในเรื่องสาส์นและผู้ได้รับการประจักษ์อย่างไร . พระสันตปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 . ตรัสว่า :
 
"ในพระคัมภีร์เต็มไปด้วยบรรดาประกาศกและก็จะยังคงมีต่อไปไม่สิ้นสุดจนถึงวาระสิ้นโลก จงอย่าไปขัดขวางหรือเข้มงวดนัก ให้พวกเขาทำงานไปเถิดเว้นแต่พวกเขาจะทำบาปของความโลภ (ได้รับผลประโยชน์จากความศักดิ์สิทธิ์นี้) และจากสำนึกที่ชั่วร้าย"
 
หลังจากการประจักษ์ถึงแปดชั่วโมงเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1982 เด็กได้เห็นภาพประชาชนกำลังฆ่าฟันซึ่งกันและกัน, แม่น้ำเป็นสายเลือด, ร่างของผู้ตายไม่มีใครฝัง, ต้นไม้จำนวนมากลุกเป็นไฟ. อักเนส(Agnes)ได้เห็นภาพอันน่าสยดสยองและเจ็บปวดของเหตุการณ์เมื่อ 1983 ระหว่างการประจักษ์ของพระเยซูเจ้าเบื้องหน้าฝูงชนจำนวนมากมายมหาศาล .
 
อิวานกา ผู้ที่ได้รับการประจักษ์แห่งเมดจูกอเรจ์ ครั้งหนึ่งในการประจักษ์ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองนี้ แม่พระบอกแก่เธอว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในไม่ช้าแต่สามารถหยุดยั้งได้ด้วยการสวดภาวนา ในเดือน กุมภาพันธ์ 1994 แม่พระทรงเตรียมอักเนสสำหรับการประจักษ์ส่วนตัว ในนิมิตภาพเหตุการณ์เธอเห็น, พ่อแม่ของเธอถูกฆ่าในกิเบโฮ.

ภาพวาดฝีมือของเด็กที่รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธฺ์
 
ปี 1994 ราวันดาได้ประสบกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดที่สุดในประวัติศาสตร์ . สงครามที่ปราศจากความปราณีบังเกิดขึ้นระหว่างสองชนเผ่าที่เป็นกลุ่มใหญ่ : เผ่าฮูตูและ ทุชซี่ ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเด็กเล็กๆถูกฆาตกรรมหมู่ด้วยสาเหตุความเกลียดชังระหว่างชนเผ่า. คนนับพันพากันหนีตายไปยังประเทศเพื่อนบ้านท่ามกลางเปลวไฟและเลือดอาบร่าง .

ศพจำนวนมากกองทับถมกันไม่มีคนฝัง
 
แคมป์อพยพที่ใหญ่ที่สุดถูกตั้งขึ้นที่กิเบโฮ วันที่ 14 เมษายน 1994 ประชาชนชาวทุขซี่ในสังฆมณฑลที่นั้นทั้งหมด (ประมาณ 4000 คน)ซึ่งเข้าหลบภัยในโบสถ์ ถูกฆ่าตายโดยลูกระเบิดที่ขว้างเข้ามาในโบสถ์.
 
Marie-Claire ถูกฆ่าตายในเมืองByumba ในฤดูร้อนปี 1994 พร้อมด้วยสามีของเธอ. นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ถึงแม้พระเป็นเจ้าจะทรงเลือกบางคนและประทานพระพรพิเศษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้รับการยกเว้นจากความทุกข์ยากลำบาก. Emanuel ตายระหว่างที่กำลังวิ่งหนีออกจากKigali. Anathalie, Agnes และ Alphonsine รอดชีวิตจากสงครามอันน่ากลัวนี้ .
 
เมื่อเวลาที่แม่พระได้แสดงให้เด็กๆเห็นภาพเหตุการณ์ในอนาคตเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1982, พระนางตรัสว่า: "ผู้ที่แสวงหาแม่ จะพบแม่...! แม่มา มิใช่ที่กิเบโฮเท่านั้น มิใช่สำหรับสังฆมณฑล Butare ที่เดียว, มิใช่สำหรับ Rwanda ที่เดียว แต่สำหรับโลกทั้งโลก ."
 
ในวันที่มีการประจักษ์แปดชั่วโมง, ประชาชนราว 15,000 คน มาร่วมอยู่ที่นั่น ทุกคนได้เห็นสัญญาณอันน่าตื่นใจ : พวกเขาได้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าที่กระจ่างแจ้งเวลากลางวัน ท้องฟ้าของอัฟริกาเวลานั้นเหมือนเป็นเวลากลางคืน .
 
----------------------------------------
 
พระดำรัสของแม่พระ
 
"มีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้วสำหรับการพิพากษาครั้งสุดท้าย เราต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเรา, หลีกหนีบาป. สวดภาวนาและเตรียมตัวสำหรับความตายของเราและอวสานของโลก. จงเตรียมตัวขณะที่ยังมีเวลาเหลืออยู่ คนที่ทำดีจะได้เข้าสู่สวรรค์. คนที่ทำความชั่ว, เขาได้สาปแช่งตัวเองโดยไม่สามารถหวังหรืออุธรณ์ได้อีก. อย่าชักช้าต่อไปอีกที่จะกระทำความดีและสวดภาวนา มีเวลาไม่มากนักแล้วก่อนที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จมา ."
 
"แม่มาเพื่อเตรียมหนทางสำหรับพระบุตรของแม่ และสำหรับความดีของพวกลูก และพวกลูกก็ยังไม่ต้องการที่จะเข้าใจ. เวลาเหลือน้อยแล้วและพวกลูกก็ไม่สำนึกเลย. พวกลูกหลงออกนอกทางไปโดยวัตถุสินค้าต่างๆของโลกนี้ซึ่งเสื่อมสลายไป. แม่ได้เห็นลูกๆของแม่จำนวนมากหลงทางและแม่มาที่นี้เพื่อชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา ."
 
"ไม่มีอะไรจะสวยงามมากยิ่งไปกว่าหัวใจที่มอบถวายความทุกข์ยากของเขาแด่พระเป็นเจ้า
 
"ถึงแม้แม่จะเป็นมารดาของพระเป็นเจ้า, , แม่ก็ถ่อมตนเองลงและมีใจสุภาพ. แม่อยู่ใกล้ลูกเสมอ แม่รักลูกตามสภาพที่ลูกเป็นอยู่ . แม่ไม่เคยตำหนิลูกน้อยๆของแม่เลย. เมื่อลูกน้อยไม่ถูกดุว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ของเขา, เขาจะบอกแม่ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ. แม่ดีใจมากเมื่อลูกๆของแม่มีความชื่นชมยินดีพร้อมกับแม่ ความชื่นชมยินดีนั้นเป็นเครื่องหมายอันสวยงามที่สุดของความไว้วางใจและความรัก. มีน้อยคนที่เข้าใจในความรักอันลึกลับของพระเป็นเจ้า. ขอให้แม่ซึ่งเป็นแม่ของพวกลูกได้โอบกอดลูกๆของแม่ทุกคนด้วยความรัก เพื่อที่พวกลูกจะได้มอบความปรารถนาของลูกไว้กับแม่ด้วยความวางใจ รู้ไว้เถิดว่าแม่ได้มอบความปรารถนาของพวกลูกแด่พระบุตรของแม่ , พี่ชายของพวกลูก - แล้ว
 
"ภาวนา, ภาวนา, ภาวนา. จงปฏิบัติตามพระวรสารของพระบุตรของแม่. อย่าลืมว่าพระเป็นเจ้าทรงฤทธิอำนาจยิ่งกว่าความชั่วร้ายทั้งหมดในโลก จงแบ่งปันกัน อย่าฆ่าคน. อย่าข่มเหงรังแกกัน. เคารพสิทธิของกันและกันเพราะถ้าลูกทำสิ่งที่ตรงกันข้าม,ลูกจะไม่ประสพผลสำเร็จและมันจะกลับมาทำร้ายลูก
 
"โลกได้หันกลับมาต่อสู้กับพระเป็นเจ้า . เราต้องสำนึกผิดกลับใจและขออภัย
 
"จงตื่นและลุกขึ้น ชำระล้างตนเองและระวังตัว เราต้องอุทิศตนในการสวดภาวนา, เราต้องปรับปรุงตนเองในคุณธรรมความดี, ความสุภาพและการรับใช้
 
"จงกลับมาหาพระเป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นแหล่งของน้ำอันทรงชีวิต
 
ที่นั่นจะต้องมี"การสำนึกผิดกลับใจ" โลกกำลังอยู่บนชายขอบของความหายนะ มีเพียงหนทางเดียวคือพระเป็นเจ้า
 
"ถ้าพวกลูกไม่มาหลบภัยในพระเป็นเจ้า แล้วลูกจะไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนเมื่อไฟจะแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ?"
 
-------------------------------------
 
พระดำรัสของพระเยซูเจ้า
 
"คนเป็นจำนวนมากไม่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนบ้านของตน . โลกเต็มไปด้วยความเกลียดชัง. ลูกจะรู้ได้ว่าการกลับมาครั้งที่สองของเราอยู่ใกล้เพียงใด โดยดูจากการต่อสู้ขั้นแตกหักของสงครามศาสนา. แล้วนั้น, จงรู้ไว้เถิดว่าเรากำลังจะมาแล้ว."
 
----------------------------------
 
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธฺ์โดยนาซีเยอรมัน ตายไปหลายล้านคน ในกัมพูชายุคซอนซาน ชาวเขมรถูกฆ่าตายเช่นเดียวกันจำนวนหลายแสน ในเซอร์เบีย และอีกหลายที่ มีการฆ่ากันเพราะความเกลียดชังด้านชาติพันธ์ ด้านการเมือง ฯลฯ นี่เป็นประเด็นที่พระเป็นเจ้าและแม่พระต้องการเตือนชาวโลกในเรื่องความรักต่อเพื่อนมนุษย์ โดยผ่านทางเหตุการณ์ที่ราวันดา และผ่านทางสาส์นที่เด็กๆได้รับ
 
แต่ชาวโลกจะฟังเสียงของแม่หรือไม่ ?
 
กีเบโฮ, ราวันดา, 26 ปีต่อมา
 
หลังจากเกิดสงครามล้างเผ่าพันธ์ขึ้น, พระศาสนจักรจึงได้ประกาศรับรองการประจักษ์ที่กีเบโฮ. ด้วยกฏที่เข้มงวดในการพิจารณา, พระศาสนจักรจึงประกาศรับรองเด็กที่เห็นแม่พระเพียงสามคนคือ :
Alphonsine Murmureka
Nathalie Mukamazimpaka
Marie Claire Mukangango
 
เด็กสามคนนี้ได้เห็นแม่พระซึ่งทรงประจักษ์มาและเรียกพระนางเองว่า Nyina wa Jambo ซึ่งแปลว่า พระมารดาแห่งพระวจนาต
 
ปัจจุบันนี้ อัลฟองซีน เป็นชีลับอยู่ในอาราม Saint Claire convent of Abidjan. ที่ไอวอรีโคสต์. ใช้นามว่า Alphonsine de la Croix Glorieuse หรือ อัลฟองซีนแห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์
 
นาตาลี ยังคงอยู่ที่สังฆมณฑลกีเบโฮ ทำงานที่โบสถ์ โดยเป็นผู้เตรียมพระแท่นสำหรับพิธีมิสซา. เธอยังคงเป็นคนขี้อายและถ่อมตน.
 
แมรี แคลร์ ซึ่งแต่งงานกับ เอลี ตาบาดาหิกา ในปี 1987 และย้ายไปอยู่ที่ คิกาลี. เธอถูกฆ่าตายในปี 1994. ผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์ได้อธิบายว่า เวลานั้น, สามีของเธอถูกทหารจับตัวไป เธอได้วิงวอนขอให้พวกเขาปล่อยตัวสามีของเธอ. แต่ทหารกลับฆ่าเธอเสีย
 
กีเบโฮได้เป็นสถานที่เกิดฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี 1994, สัตบุรุษของโบสถ์จำนวน 15,000 คน ถูกฆาตกรรมหมู่. ร่างของพวกเขาถูกฝังรวมกัน. บางส่วนของร่างกายยังมองเห็นได้ในปัจจุบันนี้จากการโผล่ขึ้นมาในสวนดอกไม้และพื้นที่บางแห่งในกีเบโฮ
 
สิบกว่าปี , ก่อนเกิดเหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดในราวันดา. แม่พระได้ประจักษ์มาแก่เด็กๆและอนุญาตให้พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นล่วงหน้า นาตาลีได้ให้สัมภาษณ์กับผมว่า
 
"ในเดือนกรกฏาคม 1982 และเดือนต่อมา , 15 สิงหาคม 1982 , 4 กันยายน และ มกราคม 1983. แม่พระได้ให้เราเห็นภาพมากมายเกี่ยวกับสงคราม. พระนางตรัสย้ำหลายครั้งว่าโลกนี้ชั่วร้าย, ประชาชนไม่มีความรัก, ปฏิบัติสิ่งที่ตรงข้ามในสิ่งที่พระเป็นเจ้าได้ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อพวกเขา. แม่พระทรงยืนยันในเรื่องความรัก. พระนางได้ตรัสและให้เราเห็นภาพจริงๆของประชาชนที่กำลังเข่นฆ่ากันและกัน. เลือดไหลนอง, ไฟลุกไหม้บนเนินเขา, ศพมากมายถูกผังรวมกัน, โครงกระดูก, ร่างกายที่ไม่มีศีรษะ,กระดูกที่แยกกระจัดกระจาย."
 
สาส์นของแม่พระจำนวนมากมุ่งประเด็นไปที่ความทุกข์ยากลำบากและพระหรรษทานที่จะได้รับโดยผ่านทางความทุกข์นั้น. แม้แต่เด็กที่เห็นแม่พระก็ไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความทุกข์ยากจำนวนมากที่ตกกับราวันดา, ประเทศซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นที่ที่สงบสุขมากที่สุดประเทศหนึ่ง. บัดนี้สันติภาพได้หวนกลับมาแล้ว. สาส์นแห่งกีเบโฮนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอัฟริกา
 
นาตาลีพูดว่า "แม่พระทรงปรากฏมาที่แห่งนี้เพื่อเตือนพวกเราในสิ่งที่เราได้หลงลืมไป พระนางทรงย้ำเตือนให้พวกเรา สวดภาวนาและสำนึกผิดกลับใจ โดยการทำพลีกรรมและสุภาพถ่อมตน"

********************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น