ที่มา – โอเคเนชั่นบล็อก
"มันเป็นโครงสร้างอำนาจซึ่งฝ่ายขวาหัวรุนแรงของสหรัฐโจมตีมาเป็นเวลานาน ด้วยความคิดที่ว่าพวกเขาได้โจมตีคอมมินิสต์" ศาสตราจารย์ Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ฮาวาร์ดที่มีชื่อเสียง เขียนคำเหล่านั้นในปี 1966 เขาหมายถึง "เครือข่าย" จากกลุ่มคนมีเงินที่กุมอำนาจอยู่ในศูนย์กลาง ส่วนใหญ่รอบสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Council on Foreign Relations(CFR)
หลังจากเลนินและกลุ่มปฏิวัติสังคมนิยมจากทั่วโลกได้ร่วมกันจัดตั้ง คอมมิวนิสต์นานาชาติ(คอมินเทิร์น) ความสัมพันธ์กับเลนินเลวร้ายลง สมาชิกของมาร์กซิสจำนวนมาก ได้แยกตัวออกมาเข้ากับฝ่ายอเมริกาผ่านสถาบันรัฐสภาสำหรับเสรีภาพทางวัฒนธรรม เป็นต้นว่าพวก มาร์กซิสต์ ซึ่งมีทั้งพวก Bolsheviks, ex-Bolsheviks, Trots, pro-Marxists, crypto-Marxists and social democrats. (และภายหลังได้เติบใหญ่เข้ามาเป็นนักวิชาการมีอำนาจยึดครองมหาวิทยาลัยฝ่ายซ้ายของอเมริกา)
ตั้งแต่นั้นมา"เครือข่าย"นี้ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น และเชื่อมต่อกันมากมาย และมีความสามารถเพื่อนำมาซึ่งระบอบการปกครองที่มีการจัดการ คนพวกนี้เชื่อว่าตัวเองจะสร้างอนาคตใหม่ที่มีมนุษยธรรมมากขึ้นให้กับโลกได้
ระหว่างสงครามเย็นได้มีองค์กรต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ที่มีจุดหมายจะเผยแพร่ "ความฝันของอเมริกัน" American Dream ไปทั่วโลกเพื่อให้เป็นสารสำหรับจุดประกายคลื่น "ระเบียบของโลกใหม่" New World Order ..
แต่ยังมีประเทศในภูมิภาคที่เรียกว่า Soviet blocซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับความคิดของพวกเขาอันได้แก่,โลกมุสลิมที่ปลุกกระแสชาตินิยม นอกจากนั้นก็ยังมีประเทศต่างๆที่ยังอนุรักษระบอบการปกครองแบบเก่าอีกมากมายที่จะขัดขวางและถือเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไปข้างหน้าและทำให้เวลาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่"ระเบียบของโลกใหม่"ล่าช้าคลาดเคลื่อนไป
หนึ่งในเหตการณ์ที่เป็นอุปสรรคนั้นก็คือ นายเมโลเซอวิค(Melosevic)แห่งเซอร์เบียที่ประสงค์จะเก็บรักษาและการควบคุมบริเวณที่มีแหล่งแร่ธรรมชาติมากมายในโคซาโวไว้เป็นของรัฐบาล ซึ่งในภายหลังเขาได้ถูกจับกุมให้ศาลอาญานานาชาติ ICC สอบสวนเพื่อตัดสินในข้อกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธ์ แต่ได้ตายในระหว่างการคุมขัง
เมื่อขจัด Milosevic ได้แล้วก็ยังเหลือ "ผู้ก่อการร้ายมุสลิม" ที่ได้รับการพิจารณาจากสหรัฐอเมริกาและกองทัพปลดปล่อยแห่งโคซาโวโดยได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโรที่ผลักดันองค์กรผู้ก่อการร้ายมุสลิม ให้เป็นกลุ่ม "ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" (Freedom Fighter) พวกเขาได้แยกแยะระหว่าง "มุสลิมที่ดี" กับ "มุสลิมที่ไม่ดี" เช่นเดียวกับ บิน ลาดิน ซึ่งถือว่าเป็น "มุลลิมที่ดี" เมื่อพวกเขาต่อสู้กับโซเวียตในอัฟกานิสถาน
ประเพณีดั้งเดิมของอเมริกันนั้นไม่เข้าไปยุ่งกับกิจการภายในของต่างประเทศ ตรงข้ามกับพวก Neocon ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่อต้านทฤษฏี(antithetical) ดังที่ Sobran เคยกล่าวว่า "กลุ่มที่ต่อต้านอเมริกันในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เพียงแต่นักศึกษามาร์กซิสต์ในมหาวิทยาลัยเหมือนสมัยก่อน และมันเป็นปฏิกริยาที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้งในสังคมดั้งเดิมกับสังคมใหม่ที่ทันสมัย ซึ่งนำความเสียหายจากการยั่วยวนที่พวกเขาถูกหยิบยื่นให้ คำพูดที่ว่า "คุณค่า" ทางวัฒนธรรมนั้นเป็นเพียงลมปาก ที่ความดีความเลวเป็นเพียง "สิทธิ์" ของผู้กระทำ และเมื่อเผชิญหน้ากับโลกยุคใหม่ของอเมริกา คริสตชนชาวอาหรับจับมือกับอาหรับมุสลิมที่เคยเป็นศัตรู
ที่เราเรียกกันว่า "การปฏิวัติสี" (Color revolution) และการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลโดยพร้อมเพรียงกัน เช่นที่เคยเกิดขึ้นในโซเวียต และในโลกอาหรับขณะนี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นจาก "คริสเตียนหรืออาหรับดั้งเดิมที่ต่อต้านอเมริกัน" Sorbran กล่าว "แต่เป็นการลุกขึ้นของคนชั้นกลางหนุ่มสาวที่ได้รับอิทธิพลของอเมริกัน globalists ..
แต่ที่ยังไม่อาจรู้ได้ก็คือเมื่อปฏิวัติสำเร็จแล้วพวกเขาจะเป็นขบวนการปลดปล่อยขนานแท้เช่นที่อเมริกันต้องการหรือไม่ ..ต้องรอดูกันต่อไป
"การไหวตัวลุกขึ้นมาต่อต้านอเมริกันทั่วโลก" Sorbran อ้าง"เป็นสิ่งกีดขวางหนทางของการจัด "ระเบียบโลกใหม่" ไม่ว่าจะเป็นระบอบการปกครองของอิหร่าน หรือกลุ่มรากหญ้าในประเทศเกิดใหม่เขตโซเวียตบล๊อคที่เคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมดั้งเดิม และความเป็นชาตินิยม และประกาศต่อต้านความเพ้อฝันและมุ่งสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกันกับที่อเมริกันเคยร่วมทดลองสร้างเยาวชนผ่าน "ฝ่ายซ้ายใหม่" ระหว่างปี 1960
การออกมาประท้วงอย่างเป็น "ธรรมชาติ" เช่นกลุ่มผู้ประท้วงในอียิปต์ และตูนิเซีย ที่มีสื่อตะวันตกพร้อมใจกันรายงานอย่างกระตือรือร้นสนับสนุนแบบออกนอกหน้า เป็นสุดยอดของการวางแผน การฝึกอบรมเครือข่าย การจัดหาเงินทุนและ"กิจกรรม" เช่นเดียวกับการ "ปฏิวัติสี" ของอดีตโซเวียต ที่มีเครือข่ายกว้างขวางขององค์กรที่เชื่อมต่อกัน และได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อปั่น "การปฏิวัติโลก" (World Revolution)
*_*
...........
@ชายแมนยู
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น