เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระสันตะปาปาเสด็จเยี่ยมประเทศอิรัก ที่สำคัญคือเสด็จในเวลาที่ประเทศอิรักมีสงครามความรุนแรงจากพวกผู้ก่อการร้าย
พระสันตะปาปาจะเยี่ยมเมืองสำคัญ 5 แห่งได้แก่ กรุงแบกแดด, นาจาฟ, โมซูล, เออร์บิล และเมืองอูร์ ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัยจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในอิรักรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 หลังจากที่ทูตวาติกันประจำอิรักติดโควิด-19 ไม่กี่วันก่อนที่พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือน
หนึ่งในเมืองเหล่านั้น,มีเมืองอูร์ (Ur) ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญของชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย เป็นเมืองเก่าแก่มีอายุประมาณ 3,800 ปีก่อนคริสตกาล และที่สำคัญยังเชื่อว่าเป็นเมืองบ้านเกิดของอับราฮัมอีกด้วย
บ้านของอับราฮัมในเมืองอูร์ ซึ่งถ่ายในปี 2016
สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่พระสันตะปาปาจะไปเยือนก็คือเมืองโมซุล พระองค์จะเสด็จเยี่ยมโบสถ์แห่งหนึ่ง ที่โมซุลนี้เป็นสถานที่ซึ่งสตรีที่ชื่อ ดิน่า บาเชอร์ได้เห็นแม่พระและพระเยซูเจ้าและได้รับสาส์นที่ทำให้นึกถึงการประจักษ์ของแม่พระที่กิเบโฮ ในราวันดา,ก่อนที่จะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ เป็นกรณีที่พระอัยกาออร์โธดอกซ์(Chaldean patriarch)ได้รับรองความน่าเชื่อถือ
สำนักข่าวรอยเตอร์เขียนไว้ว่า “ในเมืองโมซุล,ที่อยู่ติดกับเมืองนีนะเวห์ในพระคัมภีร์ไบเบิล,มีโบสถ์สี่แห่งที่เป็นตัวแทนของนิกายต่างๆตั้งอยู่ในจัตุรัสเล็กๆที่ล้อมรอบด้วยบ้านแนวราบซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงบทบาทของชุมชนคริสตชนที่เคยเฟื่องฟูของอิรัก ปัจจุบันโบสถ์ทั้งสี่แห่งได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย หลังจากกลุ่มก่อการร้ายของรัฐอิสลามเข้ายึดครองเมืองตั้งแต่ปี 2014-2017 อาคารหลายหลังถูกดูหมิ่นและถูกใช้เพื่อบริหารงาน รวมถึงใช้เป็นคุกและศาล มีการโจมตีทางอากาศขณะที่กองกำลังอิรักพยายามขับไล่กลุ่มหัวรุนแรงในการต่อสู้อย่างดุเดือด กำแพงเหล่านั้นที่ตั้งอยู่ได้ยังคงมีรอยแตกทะลุกจากกระสุน
“ที่นี่เคยเป็นเหมือนเยรูซาเล็มแห่งที่ราบนีนะเวห์” อาร์คบิชอปคาลเดียน,นาจีบ ไมเคิล,พระสังฆราชแห่งโมซุลและอัครา แห่ง‘Church Square’ ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งให้กับสถานที่ซึ่งพระสันตะปาปาฟรังซิสจะเสด็จเยือนในวันที่ 7 มีนาคม เป็นการเดินทางไปอิรักครั้งประวัติศาสตร์”
เราจะนำเรื่องราวของดิน่า บาเชอร์,หญิงชาวอิรักที่ได้รับสาส์นจากพระเยซูและแม่พระมาลงในโอกาสต่อไป
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น