วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564

ดิน่า บาเชอร์ หญิงชาวอิรักที่เห็นแม่พระและพระเยซูเจ้า

 

รายงานจาก Michael H. Brown (SpiritDaily)
 
ผมเคยรายงานเกี่ยวกับดิน่า บาเชอร์ สตรีชาวอิรักที่บอกว่าเธอได้รับการประจักษ์จากแม่พระและพระเยซูเจ้า ผมได้ตรวจสอบอีกครั้งและรวบรวมรายละเอียดจากเทปการสัมภาษณ์เธอ เธอจะอยู่ในอาการเข้าญาณที่กินเวลานานตั้งแต่ 10 นาที,หรือ 3 ชั่วโมง และบางครั้งนานถึง 6 ชั่วโมง การประจักษ์เหล่านี้ทำให้คิดถึงการประจักษ์ของแม่พระที่กิเบโฮ ในราวันดา ดิน่า เล่าว่า พระเยซูทรงเดินอยู่บนก้อนเมฆสูงประมาณหนึ่งเมตรเหนือพื้นดินและพระองค์ทรงนำเธอไปสวรรค์ เธอบรรยายว่า สวรรค์เป็นสถานที่กว้างใหญ่มากจนไม่มีที่สิ้นสุด เธอได้เห็นเหล่าทูตสวรรค์มากมาย มีองค์หนึ่งซึ่งปรากฏแก่เธอเป็นเด็กอายุ 8 ขวบมีผมสั้นสีบลอนด์ เธอยังได้เห็นนักบุญเปาโล,เปโตร,โทมัสและแอนดรูด้วย ในการเข้าญาณบางครั้งเธออยู่ในท่าของการถูกตรึงกางเขน เธอเล่าว่าพระเยซูทรงนำเธอไปที่เขากาวารีโอ และตรัสกับเธอว่า “ลูกก็เช่นเดียวกัน,จะต้องร่วมรับทนทรมานกับเรา” บางครั้งมีน้ำมันหอมไหลออกมาจากใบหน้าและมือของเธอ ครั้งแรกเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 1991หลังจากนั้นเธอก็ได้รับรอยแผลที่มีเลือดไหลในหลายครั้งและหลายสถานที่ อย่างเช่นในโบสถ์แม่พระในกรุงแบกแดด นายแพทย์ได้มาตรวจรอยแผลของเธอ รวมทั้งนักจิตแพทย์ที่คิดว่าอาจเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งโดยมีพระสังฆราชออร์โธดอกซ์(คัลเดียน)เป็นพยาน จากการเอ็กซเรย์สมอง,พบว่าเป็นปกติ และท่านก็ประกาศว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ พระสังฆราชองค์หนึ่งกล่าวว่า นายแพทย์ลงความเห็นว่ากรณีของดิน่า “เป็นสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของธรรมชาติ” ในอีกโอกาสหนึ่ง, เธอได้ยินเสียงของซาตานพูดว่า “เธอจะสามารถทนความเจ็บปวดทรมานของกางเขนได้หรือ?” และพระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ได้สิ” และเมื่อซาตานบอกว่ามันอยากจะเห็น ทันใดนั้น,ดิน่าก็เหมือนถูกตรึงบนกางเขน,รับทนความเจ็บปวดทรมาน, แล้วเธอก็มายืนอยู่กับพระเยซูเจ้า,มองดูเจ้าซาตานค่อยๆหายตัวไป ดิน่า เล่าต่อไปว่า หลังจากนั้นเธอถูกพาไปยังโบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่งและพระเยซูเจ้าทรงให้เธอรับศีลมหาสนิท
 
ในกรุงแบกแดด,พระสังฆราชคัลเดียนสามองค์ได้เห็นเลือดไหลออกมาจากแผลใหญ่ลักษณะกลมและขรุขระ,ซึ่งปรากฏบนหน้าผากของเธอ
 
จากการสัมภาษณ์ดิน่า (ซึ่งเวลานั้นเธออายุ 14 ปี)
 
ดิน่า - “พ่อของฉันเป็นครูและแม่ของฉันเป็นแม่บ้าน, ไม่กี่นาทีก่อนที่จะเข้าญาณ,ฉันรู้สึกมีอาการมึนและได้พบว่าตัวเองอยู่กับแม่พระหรืออยู่กับพระเยซูเจ้า”
 
ผู้สัมภาษณ์ - ในการประจักษ์ครั้งแรกกับพระเยซูเจ้า,คุณอยู่ที่ไหน? อยู่บนเตียงในบ้านหรือพระองค์ทรงนำคุณไปที่อื่นเมื่อพระองค์ประจักษ์มา?
 
ดิน่า – “ในตอนเริ่มเข้าญาณ,ฉันอยู่ในบ้านของลุง แล้วพระเยซูทรงนำฉันไปยังพระราชวังใหญ่โตซึ่งมีน้ำไหลออกมาจากพระราชวัง เมื่อฉันเข้าไปในพระราชวัง,ฉันได้พบนักบุญมากมาย นักบุญองค์แรกที่พบคือ นักบุญมินา(แห่งอิยิปต์) ฉันรู้ได้อย่างไรหรือ? เพราะท่านสวมไม้กางเขนไว้ที่คอและมีชื่อของท่านปรากฏอยู่”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “แล้วเกี่ยวกับน้ำมันที่ไหลออกมาจากมือของเธอล่ะ?
 
ดิน่า – “ฉันรู้สึกเจ็บแผลที่มือ,แผลของพระคริสต์,และน้ำมันก็ไหลออกมา”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “น้ำมันไหลออกมาครั้งแรกเมื่อไร,ที่โบสถ์แห่งไหนที่เธออยู่เวลานั้น?”
 
ดิน่า – “ครั้งแรกที่น้ำมันไหล,ฉันอยู่ในบ้านกับผู้หญิงผู้ช่วยพระสงฆ์หลายคน ก่อนที่ฉันจะนอนหลับ,ฉันเห็นพระแม่มารีย์ทรงยืนอยู่ที่เตียงนอนของฉันและน้ำมันก็ไหลออกมาจากมือของพระนาง พระนางและฉันร่วมกันสวดภาวนาแล้วน้ำมันก็ไหลออกมาจากมือของฉัน มีผู้ช่วยพระสงค์และแม่ของฉันอยู่ด้วย”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “มีอะไรเกิดขึ้นในการเข้าญาณครั้งต่อไป?”
 
ดิน่า – “ในการเข้าญาณครั้งที่สอง,มีน้ำมันไหลออกจากมือมากขึ้น ฉันเดินไปที่โบสถ์และก็ยังน้ำมันไหลจากมือมากขึ้น”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “เธอบอกกับเราว่าหลังจากน้ำมันก็เป็นเลือด บนส่วนไหนของร่างกายที่เลือดได้ไหลออกมาเป็นครั้งแรก และเธออยู่ที่ไหน?”
 
ดิน่า – “หลังจากพิธีมิสซาในวันอาทิตย์เวลา 11:30, ฉันรู้สึกเจ็บที่มือ,ที่สีข้าง,และที่เท้า ประสบการณ์นี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับฉัน ฉันอยู่ที่บ้านของลุงและฉันเริ่มสวดภาวนาต่อหน้าพระรูปของพระคริสต์ ขณะที่กำลังสวดอยู่,เลือดก็เริ่มไหลออกมาจากมือ,เท้า,ศีรษะ,และสีข้าง”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “ครั้งต่อไปเกิดขึ้นเมื่อไร?”
 
ดิน่า – “หลังจากที่ฉันไปที่โมซุลไปที่บ้านลุงของฉันอีกครั้ง เพื่อไปเยี่ยมบ้านของคนๆหนึ่ง เลือดได้ไหลออกมาจากมือของฉันมากกว่าครั้งแรก และรอยแผลที่สีข้างของฉันก็ใหญ่ขึ้นถึง 8 ซ.ม.(สามนิ้ว) ต่อมาสักสิบนาทีแผลก็ปิดด้วยตัวเองและเลือดก็แห้ง มีพระสงฆ์สององค์อยู่ที่นั่นคอยเฝ้าดูอยู่ด้วย ฉันรู้สึกเจ็บปวด,เป็นความเจ็บปวดฝ่ายจิต มีเลือดที่หน้าผากของฉันด้วยมีรูปร่างเป็นกางเขน”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “เมื่อพระเยซูเสด็จมา,พระองค์มาเพียงลำพังหรือมาพร้อมกับพระแม่มารีย์ หรือกับบุคคลอื่น?”
 
ดิน่า – “เมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งแรก,พระองค์มาพร้อมกับพระแม่มารีย์ บางครั้งพระองค์มาพร้อมแม่พระ มีทูตสวรรค์สององค์มาพร้อมกับพระองค์เสมอ แม่พระก็เช่นเดียวกัน,ทรงมาพร้อมกับทูตสวรรค์สององค์เสมอ”
 
ผู้สัมภาษณ์ - “เมื่อพระเยซูเสด็จมา,พระองค์ตรัสถึงเรื่องใดหรือนำเธอไปที่ไหนบ้างหรือเปล่า?”
 
ดิน่า – “พระองค์ทรงนำฉันไปที่โบสถ์หลายแห่ง สถานที่แห่งหนึ่งคืออารามนักบุญโทมัส พระองค์ทรงนำฉันไปที่นั้นสามครั้ง”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “เธอไปในตอนที่เข้าญาณ,และระหว่างนั้นมีหยดน้ำตาในตาของธอ,เกิดอะไรขึ้นหรือ?
 
ดิน่า – “มันเกิดขึ้นตอนที่ฉันมองดูพระเยซู ฉันไม่สามารถมองดูพระองค์ได้เมื่อพระองค์ปรากฏตามที่พระองค์ทรงเป็น อาภรณ์ที่พระองค์ทรงสวมมีดวงดาวส่องแสงเจิดจ้า,แสงนั้นจ้ามากทำให้ตาของฉันมีน้ำตาไหล แต่ในระหว่างการตรึงกางเขน,พระองค์อยู่บนกางเขน,ฉันสามารถมองดูพระองค์และบรรยายภาพได้”
 
ผู้สัมภาษณ์ – “ระหว่างเข้าญาณ,มีการเคลื่อนไหว ดูเหมือนเธอกำลังรับเทียนเล่มหนึ่ง การเคลื่อนไหวมือของเธอมันคืออะไร?”
 
ดิน่า – “ไม่ว่าในตอนที่พระเยซูทรงมอบจอกกาลิกษ์ให้ฉันดื่ม,ซึ่งคือพระโลหิตของพระองค์,และบางครั้งขมมาก หรือตอนที่พระองค์ทรงมอบศีลมหาสนิท หรือทรงอวยพรฉัน หรือมอบพระคัมภีร์ให้ฉันอ่าน หรือ ให้ฉันถือเทียนไว้ในมือ เมื่อฉันมองดูพระเยซูทรงสวมเสื้อคลุมที่สวยงาม นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันสามารถมองนัยน์ตาและพระพักตร์ของพระองค์ได้ เพราะก่อนหน้านี้ฉันได้แต่มองที่เท้าของพระองค์เท่านั้น และมีเพียงเวลาเดียวที่ฉันสามารถมองดูพระองค์ได้ทั้งหมด นั่นคือเวลาที่พระองค์อยู่บนกางเขน ในตอนนี้ฉันสามารถมองเห็นพระองค์ได้ทั้งหมดในอาภรณ์สีขาวและมีรังสีรอบศีรษะและมีกางเขนพร้อมด้วยแสงสว่างออกมาจากรังสีนั้น พระองค์ตรัสว่าทุกคนต้องจุดเทียนไว้ในบ้าน,ในโบสถ์,และสวดภาวนาสำหรับผู้อื่นและสำหรับพระศาสนจักร,และกลับใจสำนึกในบาปความผิดของตน เพราะพระองค์ตรัสว่า “การมาครั้งที่สองของเราอยู่ใกล้แล้ว” พระองค์ตรัสว่าให้จุดเทียนไว้ในโบสถ์ทุกแห่งและต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี เพราะพระองค์ตรัสว่า “การมาถึงของเราอยู่ใกล้แล้ว” สิ่งสุดท้ายที่พระองค์ทรงมอบให้ฉันก็คือรูปไอคอนที่พระองค์ทรงสวมไว้ที่คอ”
 
---------------------
 
บางครั้งดิน่าเข้าญาณถึงสี่ครั้งในวันเดียว มีกรณีหนึ่งเธอถูกนำไปยังสถานที่คล้ายกับตู้ศีล ที่นี่เธอได้รับการอวยพรและได้อ่านหนังสือพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากเข้าญาณในครั้งหนึ่ง,ดิน่าบอกว่าพระเยซูทรงบอกเธอถึงเครื่องหมายของโลหิต “จะเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นและเชื่อเธอ” ที่โบสถ์นักบุญโทมัส,ต่อหน้านักเรียนและผู้มีความเชื่อจำนวนมาก,เธอได้เข้าญาณและได้พูดสาส์นของพระเยซูดังนี้ “จงกลับใจ,เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว” และเธอบอกว่าพระองค์พูดกับเธอเกี่ยวกับ “การมาครั้งที่สองของพระองค์ซึ่งอยู่ใกล้แล้ว” และประชาชนทุกคนต้องพลีกรรมอดอาหารสามวัน พระองค์ขอให้เธอไปเยี่ยมโบสถ์แม่พระในแมสสิน่า นั่นเป็นวันที่ 25 พ.ย. 1991
 
ในวันที่ 6 ธ.ค. 1991 เธอได้บอกสาส์นของพระเยซูที่ตรัสว่า “จงเริ่มสวดภาวนาในโบสถ์,ในบ้าน จงกลับใจ,เพราะการมาครั้งที่สองของเราอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผู้มีความเชื่อทุกคนต้องจุดเทียนไว้ในบ้านของตน ร้องเพลงสวดในบ้าน,และร้องเพลงสดุดี เพราะอาณาจักรสวรรค์เข้ามาใกล้แล้ว จงสวด กีรีเอ เออีซอน(ข้าแต่พระเจ้า ทรงพระกรุณาเทอญ) สามครั้ง พลีกรรมด้วยการปิดปาก,ไม่พูด,เป็นการพลีกรรมที่น่าชื่นชมยิ่งกว่าการพลีกรรมอดอาหาร อย่างไรก็ตามก็ต้องทำทั้งสองอย่าง จงมาที่บ้านของเราและเริ่มสวดภาวนา,จุดเทียนและต้อนรับเราด้วยความยินดี มาหาเราเถิด,ผู้แบกภาระหนัก เราจะให้ท่านได้พักผ่อน”
 
วันที่ 27 ธ.ค. 1991 พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราต้องการความเชื่อ,ความรัก,และความเป็นหนึ่งเดียวกัน” สองวันก่อนหน้านี้,ในวันคริสตมาส,แม่พระตรัสกับเธอว่า “ความเป็นหนึ่งเดียวกันในโบสถ์ของพวกลูกเป็นการฉลองให้แก่เรา”
 
วันที่ 14 ม.ค. 1992 พระเยซูตรัสว่า “จงตื่นอยู่เสมอ เพราะท่านไม่รู้ว่าเวลาจะมาถึงเมื่อไร เราจะให้ตัวอย่างแก่ท่าน ชายคนหนึ่งออกเดินทางไปต่างเมือง และให้คนรับใช้ดูแลบ้านและทรัพย์สินของเขา เขาสั่งให้แต่ละคนทำงานของเขา และสั่งคนเฝ้าประตูให้ตื่นเฝ้าเสมอ เพราะฉะนั้น,จงเฝ้าระวังเถิด,ท่านไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาที่บ้านเมื่อไร ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า,หรือในเวลาเย็น,หรือในเวลาค่ำคืน เราขอบอกท่านอีกครั้ง,จงตื่นอยู่เสมอ,สุดที่รักของเรา”
 
ในวันเดียวกันนั้นดิน่าบอกว่าแม่พระตรัสว่า “จงรักษาวาจาของแม่และรักษาคำสั่งของแม่และสวดภาวนา สวดภาวนาถึงแม่และองค์พระบุตรของแม่ สวดภาวนาสำหรับวิญญาณของลูกและพลีกรรมอดอาหารสำหรับวิญญาณของลูก เมื่อลูกสวดภาวนา,ใคร่ครวญถึงคำสรรเสริญแม่พระของทูตสวรรค์(วันทามารีย์)และบทภาวนาของอัครสาวก ลูกที่รักของแม่,แม่ให้สาส์นนี้แก่ลูกเพื่อที่ลูกจะได้ทำตามที่แม่บอก จงนั่งในโบสถ์และสำรวจมโนธรรมของลูกและไปสารภาพบาปของลูกกับพระสงฆ์ จงมาเยี่ยมศีลมหาสนิทเพราะจะทำให้ลูกใกล้ชิดกับองค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ จงเปิดประตูโบสถ์,อย่าปิดเอาไว้ จงเปิดตาของลูกและอย่าปิดตา จงเปิดหัวใจของลูกและเฉลียวฉลาดเหมือนพระบิดาสวรรค์ของลูก จงมั่นคงในคำสั่งของแม่,และแม่จะอยู่กับลูกตลอดไป จงทำตามที่แม่บอกลูกแล้วลูกจะได้รับพระหรรษทานจากแม่ องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ทรงมอบพระองค์เองบนกางเขนเพื่อลูก พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตอันบริสุทธิ์เพื่อลูกเพราะพระองค์ทรงรักลูก เรามาอยู่ใกล้ลูกแต่ลูกวิ่งหนีไปจากเรา เราเข้ามาใกล้ลูกและลูกก็วิ่งหนี,ลูกเอ๋ย,ทำไมเล่า? ทำไมเล่า,ลูก? จงตรวจสอบมโนธรรมของลูกและเข้ามาใกล้แม่อย่าวิ่งหนีไป ทำไมจึงแยกตัว? ลูกปกคลุมใบหน้าของลูกด้วยผ้าคลุมหน้าแห่งความมืด แม่ขอวิงวอนต่อลูกให้ทิ้งผ้าคลุมหน้าไปเสีย ด้วยแสงสว่างแห่งสวรรค์บนใบหน้าของลูก,แม่ขอให้ลูกแต่ละคนนำสาส์นนี้ไปยังโบสถ์แต่ละโบสถ์,ไปยังหัวใจของคนแต่ละคน สุดที่รักของแม่,แม่รักลูกมาก คำถามของแม่มีเพียงข้อเดียว,ทำไมลูกจึงปิดประตูหัวใจของลูกต่อแม่เล่า? จงเปิดประตูเถิดแล้วลูกจะเห็นรังสีสว่างแห่งสวรรค์ส่องเข้าไปในบ้านของลูก และขับไล่หมอกที่ดำมืดออกไปจากหัวใจของลูก และใบหน้าของลูกจะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนใบหน้าของคนที่มีใจบริสุทธิ์ ใบหน้าของพวกเขาเหมือนใบหน้าของทูตสวรรค์ รอยยิ้มบนใบหน้าของลูกจะเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไม่มีราคี คำพูดสุดท้ายของแม่คือ ขอให้ลูกจงรักกันและกัน เพื่อที่ความรักของแม่จะดำรงอยู่ในตัวลูก จงสำรวจมโนธรรมของลูกและอย่าวิ่งหนีไปจากแม่
 
ดิน่าได้พูดกับพระเยซูว่า “พระเยซูเจ้า,คำพูดนี้หนักนัก ลูกจะบอกกับประชาชนได้อย่างไร?” พระเยซูตอบว่า “ดิน่า ,จงบอกพวกเขา จงประกาศสาส์นของเราแก่โบสถ์ทุกโบสถ์ จงทำสิ่งนี้ ลูกจะได้รับความเจ็บปวดและอันตรายมากมาย แต่เราขอร้องลูกให้ทนรับเพื่อที่ลูกจะอยู่กับเราเสมอ และเราจะช่วยลูกในทุกสิ่ง และเราจะอยู่กับลูกทุกคน จงบอกประชาชนของเราว่าเราทนทุกข์เช่นเดียวกับลูก บอกผู้เป็นสุดที่รักของเรา(พระสงฆ์)ว่าเราทนทุกข์เป็นอย่างมาก ลูกสาวของเรา,จงเชื่อฟังพระสงฆ์ของลูกและเชื่อฟังผู้ช่วยพระสงฆ์(ที่เป็นสตรี) เชื่อฟังทุกคนที่บอกลูกในสิ่งที่เป็นความดี จงสวดภาวนาพร้อมกับพระสงฆ์และประชาชนทุกคน จงเป็นหนึ่งเดียวกัน,เป็นหนึ่งเดียวกันเถิด,พี่น้องของเรา เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วท่านจะได้รับพลังในการต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ต่อต้านเรา”
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น