วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2564

การหลอกลวงของประกาศกเท็จเทียม

 


 
บทอ่านแรกของวันนี้,ประกาศเยเรมีย์ประณามฮานันยาห์ผู้ตั้งตัวเป็นประกาศกเผยพระวจนะเท็จที่สัญญาว่าพระเจ้าจะทรงหักแอกของบาบิโลนและนำชาวอิสราเอลกลับประเทศของตนและอิสราเอลจะรุ่งเรืองอีกครั้ง,ถึงแม้ว่าชาวอิสราเอลยังไม่สำนึกในบาปของตนที่กระทำต่อพระเจ้า เยเรมีย์พูดกับประชาชนว่า `พระยาเวห์ตรัสว่า....ท่านได้หักแอกไม้ แต่เราจะทำแอกเหล็กมาวางไว้แทน’(ยร. 28:13) กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีการกลับใจ (หักแอกไม้) ชาวยิวก็จะได้รับแอกเหล็กแทน เยเรมีย์ประณามฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะเท็จ โดยกล่าวว่าพระเจ้าไม่ได้ส่งเขามาและเขาได้สร้างความเชื่อมั่นผิดๆในชนชาตินี้ (ยร 28:15 ). ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความมั่นใจที่ผิดนั้นแย่มาก มันเป็นการหลอกลวง
 
ผู้เผยพระวจนะเท็จหลอกลวงประชากรของพระเจ้า คำพูดของพวกเขาเลวร้ายยิ่งนัก มีผู้สอนผิดหลายคนในยุคปัจจุบันที่เฝ้าพูดกับผู้คนทำให้พวกเขามั่นใจว่าสิ่งที่เรียกว่าบาปนั้นเป็นความก้าวหน้าและมีเสน่ห์น่าลองจริงๆ
 
พระคัมภีร์ได้เตือนเราหลายครั้งว่า:“อย่าถูกหลอก!” ในปัจจุบัน,ต้องมีการย้ำเตือนเช่นนี้ให้มากขึ้นกว่าในอดีต เพราะเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการหลอกลวงครั้งใหญ่ หลายคนถูกหลอกในเรื่องการแต่งงาน,ถูกหลอกเรื่องเพศ,เรื่องการดำรงอยู่ของพระเจ้า,และจุดหมายที่แท้จริงของชีวิต  มีการหลอกลวงอย่างกว้างขวางในยุคปัจจุบัน มันทำให้มนุษย์ออกห่างจากพระเจ้าและทำบาปหนัก พระคัมภีร์มักพูดถึงปัญหานี้ ให้เราพิจารณาดูว่ามีคำสอนอะไรบ้าง
 
ก่อนอื่น,ให้เรามาดูที่คำศัพท์ deceive การหลอกลวง ในภาษาลาตินและกรีก
 
ภาษาลาติน: รากศัพท์ภาษาลาตินของการหลอกลวง deceive คือ decipere, หมายถึง ensnare กาววางกับดัก (de (จากหรือขึ้น) + capere คาเปเร (เพื่อยึดหรือยึด)) และด้วยเหตุนี้ภาษาลาตินจึงเน้นที่แนวโน้มของเราที่จะถูกจับได้อย่างง่ายดายหรือถูกพาไปโดยถูกดักจับด้วยความผิดพลาด ทำให้นึกถึงภาพของสัตว์ที่ถูกจับไปเป็นเหยื่อในปากของสิงโต เราถูกชักนำอย่างง่ายดายด้วยแฟชั่นเทรนด์ล่าสุดและความคิดของโลก และเมื่อถูกพัดพาไปเราก็ติดกับดักของความผิดพลาดและถูกตัดขาดจากความจริงในระดับหนึ่ง
 
กรีก: มีหลายคำในพระธรรมใหม่ฉบับกรีกที่แปลว่า deceive หลอกลวงในภาษาอังกฤษ คำที่ใช้มากที่สุดคือ πλαπλ (planao พลาเนา) หมายถึงการหลงทาง,เดินออกนอกเส้นทาง,เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางที่ถูกต้อง,เพื่อเดินเตร่ไปสู่ความผิดพลาด,เพื่อให้หลงผิด (Planao เป็นรากศัพท์ภาษากรีกของคำภาษาอังกฤษ planet (สิ่งที่โคจรไป)) ในพระธรรมใหม่ฉบับกรีก,คำนี้สื่อถึงบาปของการสัญจรไปมาจากความจริงเกือบตลอดเวลา และด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นว่าภาษากรีกเน้นไปที่การหลงผิดหรือถูกทำให้หลงผิด,เราหลงทางไป ประกาศกอิสยาห์คร่ำครวญว่า “เราทุกคนหลงทางไปเหมือนฝูงแกะ ต่างคนต่างไปตามทางของตน” (อส 53: 6) ใช่แล้ว, และถ้าแกะเป็นสัตว์ที่มักหลงทาง,มนุษย์ก็เป็นมากกว่านั้นอีก เพราะอย่างน้อยแกะก็ยังจำเสียงของเจ้านายมันได้ แต่พวกเราจำนวนมากที่จะฟังและทำตามใครก็ได้ที่ไม่ใช่พระเจ้า
 
มนุษย์มักจะถูกหลอกในสามวิธี
 
I. บางครั้งเราตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงของผู้สอนผิดหรือประกาศกเท็จเทียม พระคัมภีร์มักเตือนว่า “อย่าถูกหลอก” พระเยซูทรงเตือนว่า "ในเวลานั้นหลายคนจะละทิ้งความเชื่อ จะทรยศและเกลียดชังกัน ประกาศกเทียมจำนวนมากจะต้องเกิดและจะหลอกคนมากมาย” (มท 24:11)
 
นักบุญเปาโลยังกล่าวถึงอัครสาวกเท็จและชาวยิวที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด ท่านเตือนว่า”สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริงเพื่อโน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ติดตาม เพราะฉะนั้น,ท่านทั้งหลายจงระวังเถิด” (กิจการ 20: 29-30) นักบุญเปาโลยังพูดถึงบางคนที่จะละทิ้งความเชื่อ และเปลี่ยนไปสนใจจิตที่หลอกลวงและสนใจคำสอนของปีศาจ”(1 ทิโมธี 4: 1)
 
นักบุญยอห์นเตือนถึงจิตวิญญาณของแอนตี้ไครส์,"ซึ่งท่านทั้งหลายได้ฟังว่ากำลังมาและบัดนี้อยู่ในโลกแล้ว" (1 ยอห์น 4: 3)
 
ดังนั้นเราจึงตกเป็นเหยื่อของผู้หลอกลวงในระดับหนึ่ง พระคัมภีร์เตือนเราให้ระวังอย่าถูกหลอก! เราต้องไม่ยอมให้ผู้หลอกลวงเหล่านี้ชักนำเราให้หลงผิด,ทำให้เราหลงทางอยู่ในความผิดพลาดและบาป เราต้องต่อต้านพวกมันและรู้ตัวว่าพวกมันคือผู้หลอกลวง
 
II. เราตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงของประกาศกเท็จเทียมที่ไม่ธรรมดา นี่หมายถึงการหลอกลวงที่สามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถโกหกได้ การหลอกลวงในที่นี้เกี่ยวข้องกับการทำให้ผู้คนเข้าใจผิดในเรื่องของความเชื่อที่แท้จริง (ปัจจุบันนี้มีศาสนา,เจ้าลัทธินิกายต่างๆเกิดขึ้นมากมายที่อ้างถึงพระเจ้า,อ้างถึงพระคัมภีร์ไบเบิล)
 
พระเจ้าเตือนถึงผู้หลอกลวง "ผู้ทรงอำนาจเอ๋ย ทำไมท่านจึงภูมิใจในความชั่ว และลบหลู่ความรักอันมั่นคงของพระเจ้าอยู่ทุกวัน ลิ้นของท่านวางแผนทำลาย และคมเหมือนมีดโกน คอยแต่จะหลอกลวง ท่านรักความชั่วมากกว่าความดี ลิ้นที่หลอกลวงเอ๋ย ท่านรักคำพูดที่มุ่งทำลาย แต่พระเจ้าจะทรงบดขยี้ท่านตลอดไป”(สดุดี 52: 1-5)
 
พระเจ้าทรงประกาศคำสาปแช่งผู้เลี้ยงแกะที่นำฝูงแกะไปในทางที่ผิด:“วิบัติแก่บรรดาผู้เลี้ยงที่ทำลายและทำให้ฝงแกะที่เราเลี้ยงไว้กระจัดกระจายไป” ดังนั้น,พระยาเวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกล่าวโทษบรรดาผู้เลี้ยงที่เลี้ยงดูประชากระของเราว่า “ท่านทั้งหลายขับไล่แกะของเราให้กระจัดกระจายไปและไม่ดูแลแกะเหล่านั้น ใช่แล้ว เราจะจัดการกับท่านทั้งหลายและกับกิจการชั่วร้ายของท่าน”(เยร 23: 1-3)
 
พระเยซูตรัสว่า,ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆที่มีความเชื่อในเราทำบาป "ถ้าเขาจะถูกแขวนคอด้วยหินโม่ใหญ่แล้วนำไปถ่วงลงใต้ทะเล ก็ยังดีกว่าสำหรับเขา” (มท 18: 6).
 
นักบุญเปาโลกล่าวถึงผู้หลอกลวงจำนวนมาก: "แต่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะยิ่งเลวร้ายลง ทั้งหลอกลวงคนอื่นและถูกหลอกลวงด้วย” (2 ทธ 3:13)
 
III. เราเองก็สามารถรู้เห็นเป็นใจในการหลอกลวง ข้อสุดท้ายนี้อาจเป็นเรื่องที่น่าหนักใจที่สุด เป็นอยู่ตรงกลางระหว่างการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและเป็นผู้หลอกลวงเสียเอง เรายอมให้คนหลอกลวงพูดกับเรา และไม่เพียง แต่เราจะไม่ตำหนิพวกเขาสำหรับการหลอกลวงของพวกเขาเท่านั้น, แต่เราก็หูผึ่งตั้งใจฟังและพูดว่า “ได้โปรดพูดต่อเถอะ; เล่ารายละเอียดให้ฟังเพิ่มเติม!"
 
เราทำเช่นนี้เพราะเราต้องการถูกหลอก, เราต้องการยืนยันที่จะอยู่ในบาปของเรา,ในความอ่อนแอของเรา หลายคนต้องการให้ความจริงถูกลดทอนลงและยินดีที่จะฟังผู้ที่สร้างความสงสัยในความดี ใช่พวกเราหลายคนรู้เห็นเป็นใจ เราเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้หลอกลวง
 
คำเตือนมากมายที่เตือนเราเพื่อ “ไม่ให้ถูกหลอก” ไม่เพียงแค่การเตือนเมื่อมีผู้มาหลอกลวงเท่านั้น พวกเขาเตือนเราให้ระวังเกี่ยวกับความโน้มเอียงของตัวเราเองที่จะเข้าร่วมกับคนหมู่มากที่จะหลอกลวงเรา(พวกมากลากไป) ในบริบทนี้คำเตือน“อย่าถูกหลอก”มีความจำเป็นมากขึ้น:
 
“อย่าหลอกตัวเองเลย,อย่าโกหกตัวเอง อย่าเล่นเป็นคนโง่ต่อไป คุณรู้ดีกว่า เสียงของพระเจ้าที่สะท้อนอยู่ในมโนธรรมของคุณเป็นพยานถึงความจริงที่ว่าคุณกำลังหลอกตัวเองและกำลังปล่อยให้คนอื่นหลอกคุณ”
 
คำเตือนเรื่อง “การสมรู้ร่วมคิด” มาจากนักบุญเปาโลที่เขียนไปถึงทิโมธี: "จะถึงเวลาหนึ่งที่ผู้คนจะไม่ต้องการฟังคำสอนที่ถูกต้อง แต่จะแสวงหาผู้สอนจำนวนมากมายอยู่ร่วมกัน เพื่อจะได้สอนสิ่งที่ตนอยากฟัง พวกเขาจะไม่ยอมฟังความจริง แต่หันไปฟังเทพนิยาย”(2 ทธ 4: 3)
 
อะไรบ้างที่คนทั่วไป“อยาก” ถูกหลอกให้เชื่อ? พระคัมภีร์เผยให้เห็นสิ่งนี้
 
ก. ทำดีไม่ได้ดี: อย่าหลอกตนเองเลย: จะล้อพระเจ้าเล่นไม่ได้ ใครหว่านสิ่งใดก็ย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ผู้ที่หว่านสิ่งใดตามธรรมชาติของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเสื่อมสลายจากธรรมชาติ ผู้ที่หว่านความดีในพระจิตเจ้า ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดรจากพระจิตเจ้า”(กาลาเทีย 6: 7-8)
 
ข. ความเชื่อนั้นเป็นเพียงขนบธรรมเนียม,เป็นเพียงปรัชญา,หรือเป็นเพียงคำพูด มีแค่ความตั้งใจดีก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการกระทำก็ได้(มีแค่ความเชื่อก็ได้รับความรอดแล้วไม่จำเป็นต้องมีการกระทำ) : แต่จงเป็นผู้ปฏิบัติตามพระวาจา ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น,การหลอกลวงตัวเอง ... ผู้ใดคิดว่าตนปฏิบัติศาสนกิจ แต่ไม่ควบคุมลิ้นของตน ผู้นั้นย่อมหลอกลวงตนเอง การปฏิบัติศาสนกิจของเขาย่อมไร้ค่า การปฏิบัติศาสนกิจบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า พระบิดา คือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก”(ยากอบ 1: 22-27)
 
จงฟังพระวาจาของพระเจ้าเถิด,ชาวยูดาห์ทั้งหลายที่ผ่านประตูเหล่านี้เขามานมัสการพระยาเวห์ พระยาเวห์จอมจักรวาล พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสดังนี้ จงแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน แล้วเราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ อย่าไว้วางใจคำหลอกลวงของผู้ที่พูดว่า ‘นี่คือพระวิหารของพระยาเวห์ พระวิหารของพระยาเวห์ พระวิหารของพระยาเวห์’ เพราะถ้าท่านแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่านอย่างแท้จริง ถ้าท่านตัดสินคดีความของผู้หนึ่งกับเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ถ้าท่านไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและแม่หม้าย ถ้าท่านไม่หลั่งโลหิตของผู้ที่บริสุทธิ์ในสถานที่นี้ และไม่ไปกราบไหว้เทพเจ้าอื่นเป็นการทำร้ายตนเอง เราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราเคยให้แก่บรรพบุรุษของท่านต้งแต่นานมาแล้ว เพื่อจะได้อาศัยอยุ่ตลอดไป แต่ท่านทั้งหลายวางใจในคำหลอกลวงที่ไม่ให้ประโยชน์ใดเลย ท่านลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผากำยานถวายพระบาอัล และนมัสการเทพเจ้าซึ่งท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วยืนต่อหน้าเราในพระวิหารนี้ ซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา พูดว่า ‘พวกเราปลอดภัยแล้ว เพื่อจะกลับไปทำกิจการน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้อีก วิหารนี้ที่ได้รับนามตามชื่อของเราเป็นถ้ำโจรในสายตาของท่านไปแล้วหรือ? เราเองยังได้เห็นเช่นนี้”พระยาเวห์ตรัส(เยเรมีย์ 7: 1-11)
 
ค. บาปผิดทางเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่: จงอย่าหลอกตนเอง: คนผิดประเวณี คนกราบไหว้รูปเคารพ คนเป็นชู้ คนลักเพศ คนรักร่วมเพศ คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง คนเหล่านี้จะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก๐(1 คร 6: 9-10)
 
จงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนคนลากมโสมม และคนโลภซึ่งเป็นเสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของพระเจ้าเลย อย่าให้ใครใช้คำพูดๆร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำความผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านั้นเลย ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด....จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล”(อฟ 5: 5-11)
 
เมื่อกิเลสตัณหาก่อตัวขึ้นทำให้เกิดบาป และเมื่อมีบาปมากมาย บาปก็จะทำให้เกิดความตาย พี่น้องที่รักหลงผิดเลย (ยากอบ 1:16)
 
ง. การคบหากับคนบาปเป็นประจำจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา: อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่าน:“การคบคนพาล ทำให้เสียคน” จงกลับมาดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง อย่าทำบาปอีก บางท่านดำเนินชีวิตโดยไม่รู้จักพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ เพื่อท่านมีความละอายใจ (1 คร 15:33)
 
“แต่จงตักเตือนกันทุกวันตลอดเวลาที่ยังเรียกได้ว่า “วันนี้” เพื่อมิให้ท่านคนใดคนหนึ่งมีใจแข็งกระด้างไป เพราะเล่ห์กลของบาป”(ฮบ 3:13)
 
จ. ไม่จำเป็นต้องสนใจพระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักร: พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า“ท่านคิดผิดแล้ว เพราะไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า” (มท 22:29) มนุษย์ชั่วร้ายนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วช้าทุกอย่างทำร้ายผู้ที่จะต้องพินาศ เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรักความจริงที่ทำให้รอดพ้น “( 2ธส 2:10)
 
ดังนั้นนี่คือการพิจารณาไตร่ตรองสั้นๆ เกี่ยวกับความโน้มเอียงในบาปของมนุษย์ที่น่าเศร้า ซึ่งนำพาตัวเองให้เร่ร่อนหลงทาง,ถูกหลอกลวง และพูดตามตรง,พวกเราหลายคนต้องการถูกหลอก จงระมัดระวังเกี่ยวกับแรงผลักดันที่ฝังรากลึกในตัวเราที่สืบเนื่องมาจากความเฉื่อยชาเกียจคร้านและความเย่อหยิ่งของเราเอง จงฝึกฝนเพื่อจะรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของมันและจงปฏิเสธและดูหมิ่นมันเถิด
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น