วันที่ 29 เมษายน เป็นวันฉลองนักบุญแคทเธอรีน แห่งเซียนนา จากอัตชีวประวัติของท่าน มีเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการที่ท่านได้ช่วยให้มารดาของเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
มารดาของแคทเธอรีนแห่งเซียนนาชื่อว่า ลาปา แต่ลักษณะของลาปาและแคทเธอรีนแตกต่างกันมากจนดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกันและไม่สนิทกันเลย ดูเหมือนว่าแม่ไม่เคยมีอิทธิพลเหนือลูกสาวและลูกสาวก็ไม่มีอิทธิพลเหนือแม่เลย
อย่างไรก็ตาม,ในความเป็นจริง,ทั้งสองสนิทกันมาก แต่ความสัมพันธ์ของแม่ลูกนี้ซับซ้อน, แคทเธอรีนเป็นลูกคนโปรดของลาปา เธอได้รับความสนใจจากแม่มากที่สุด แคทเธอรีนเป็นลูกคนที่ 23 ของลาปา เธอเป็นลูกคนเดียวจาก 25 คนที่แม่ของเธอเลี้ยงดูและให้นม – นี่เป็นความจริงที่บันทึกไว้โดยคุณพ่อเรย์มอนด์แห่งคาปัว(Raymond of Capua) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ฟังสารภาพบาปและเป็นผู้เขียนชีวประวัติของแคทเธอรีน สุขภาพที่ไม่ค่อยดีของลาปาทำให้เธอไม่สามารถดูแลทารกอีก 24 คนได้
ลาปาเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ใส่ใจกับเรื่องทางวัตถุมากกว่าเรื่องทางจิตวิญญาณ เธอมีสัญชาตญาณของผู้หญิงและไม่ใช่คนที่นิยมในการใคร่ครวญเรื่องฝ่ายจิตหรือคิดอะไรที่ลึกซึ้ง เธอเป็นสตรีชาวอิตาลีที่ใจร้อน,มากกว่าจาโคโมสามีของเธอซึ่งใจเย็นมากกว่า ครั้งหนึ่งจาโคโมถูกชายคนหนึ่งนินทาใส่ร้าย ลาปาต้องการให้สามีของเธอแก้ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเพื่อตัวเอง แต่จาโคโมปฏิเสธและเลือกที่จะเงียบ ในเวลาต่อมา,ความจริงก็ถูกเปิดเผยและชื่อเสียงของจาโคโมก็ได้รับกลับคืนมา แต่ในขณะที่จาโคโมถูกใส่ร้ายนั้น,เขายอมรับความเจ็บปวดด้วยความอดทนอย่างเงียบๆ โดยไม่ตอบสนองต่อการเรียกร้องของภรรยา
คุณพ่อเรย์มอนด์เป็นผู้แนะนำและฟังการสารภาพบาปของแคทเธอรีน ท่านรู้จักลาปาเป็นอย่างดี คุณพ่อเรย์มอนด์ตำหนิลาปา ด้วยคำชมเล็กๆ และเรียกเธอว่า "ผู้หญิงซื่อๆ" แต่ท่านรู้สึกเสียใจที่เธอยึดติดกับชีวิตในโลกนี้มากจนเธอกลายเป็นคนที่กลัวความตายอย่างมาก ตลอดเวลาคุณพ่อเรย์มอนด์เน้นย้ำว่าลาปาเป็นคนซื่อสัตย์,เธอไม่มีพรสวรรค์ทางสติปัญญาและไม่สามารถโกหกได้ถึงแม้เธอจะพยายาม คุณพ่อเรย์มอนด์พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเธอไม่สนใจในเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็น ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่มีคนบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์แก่แคทเธอรีน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลาปาเลย เพราะเธอไม่ได้เห็นด้วยตาของเธอเอง
แคทเธอรีนเติบโตเป็นเด็กเล็กที่ได้รับความนิยมจากญาติๆและเพื่อนฝูง ทุกคนต้องการให้เธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นในบ้านอิฐแดงของพวกเขา เป็นเรื่องยากสำหรับลาปาที่ต้องต่อสู้กับความสนใจของผู้คนที่มีต่อลูกสาวและตารางชีวิตทางสังคมที่วุ่นวายของเด็กหญิงตัวเล็กๆของเธอ แคทเธอรีนได้รับสมญานามว่า "ความสุข",ตามที่คุณพ่อเรย์มอนด์กล่าวไว้ "ทันทีที่มีคนพูดคุยกับแคทเธอรีน,ความเศร้าก็ถูกปัดเป่าออกไปจากใจของพวกเขา ...”
ลาปาเป็นแม่ของแคทเธอรีน,ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับพระพรล้ำลึกจากพระเจ้าที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร แต่ลาปาก็อยู่ห่างไกลจากความรุ่งโรจน์ของสวรรค์ที่มองไม่เห็น เนื่องจากลูกสาวของเธอได้รับสิ่งเหล่านั้นมาทั้งหมด แคทเธอรีนอายุเพียง 6 ขวบเมื่อเธอออกไปเดินเล่นกับสตีเฟนพี่ชายของเธอ และพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์ต่อเธอเป็นครั้งแรก ที่โบสถ์ของคณะโดมินิกัน เธอมองเห็นบัลลังก์อันงดงามซึ่งพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ ,พระองค์ทรงสวมมงกุฎเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ที่ด้านข้างของพระคริสตกษัตริย์ มีนักบุญเปโตร,นักบุญเปาโลและนักบุญยอห์นอัครสาวกยืนอยู่ พระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์และอวยพรแคทเธอรีน การปรากฏตัวของนักบุญเปาโลไม่ใช่เรื่องบังเอิญ, แต่มีความหมายว่าต่อจากนี้,นักบุญเปาโลกจะเป็นผู้นำจิตวิญญาณของแคทเธอรีน ครั้งหนึ่งนักบุญเปาโลได้ตำหนิแคทเธอรีนอย่างรุนแรงเพราะเธอหันไปจากพระเยซูเจ้าที่เธอได้พบในนิมิต,เพื่อที่จะสามารถไปทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งได้
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวว่าแคทเธอรีนได้รับการนับถือว่าเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณจากคนทั่วไปยกเว้นแม่ของเธอ แคทเธอรีนเคยส่งจดหมายพยายามเกลี้ยกล่อมให้พระสันตะปาปาเกรกอรีเสด็จออกจากฝรั่งเศส, สถานที่ซึ่งพระองค์ทรงมาประทับอยู่จากการหลบหนีออกจากกรุงโรมเพื่อทำให้พระองค์เป็นที่ยอมรับของพระคาร์ดินัลชาวฝรั่งเศส และโดยการพูดเกลี้ยกล่อมของแคทเธอรีนนี้เอง,พระสันตปาปาจึงยอมปลดปล่อยพระองค์ออกจากเงื้อมมือของพระคาร์ดินัลฝรั่งเศส เสด็จกลับกรุงโรม แต่แคทเธอรีนกลับมีอิทธิพลเหนือแม่ของเธอเพียงเล็กน้อย
เรื่องนี้ทำให้มาสู่เหตุการณ์พิเศษอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการตายของพ่อของแคทเธอรีน,จาโคโม ลาปาไม่ได้ดูแลสามีของเธออย่างดีนักในเวลาที่เขาใกล้เสียชีวิต และเธอก็ล้มป่วยลง, ที่แย่กว่านั้นคือเธอรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเมื่อคิดว่าเธอจะต้องตาย เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะจากชีวิตนี้ไป เวลานั้นลาปามีอายุ 63 ปีและแคทเธอรีนมีอายุ 23 ปี ลาปาอายุมากแล้ว เธอคลอดแคทเธอรีนเมื่อตอนที่มีอายุ 40 ปี แคทเธอรีนได้รับรู้ล่วงหน้าถึงการเสียชีวิตของแม่ของเธออย่างลึกลับ และพยายามอย่างที่สุดที่จะวิงวอนแม่ของเธอให้เตรียมตัวตายอย่างดี แต่แม่ของเธอไม่ตอบสนองต่อคำอ้อนวอน เธอไม่สนใจคำอ้อนวอนของแคทเธอรีนเลย ดังนั้นแคทเธอรีนจึงวิงวอนต่อพระเยซูเจ้าอย่าพาแม่ของเธอไปจนกว่าลาปาจะพร้อม
ความกลัวตายกัดกินนางลาปาจนถึงจุดที่เธอไม่แยแสกับความรอดของเธอ เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดก็ตามมา วันหนึ่งแคทเธอรีนกำลังอยู่ในถวังค์,เธอวิงวอนต่อพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับแม่ของเธอ พระองค์ทรงแจ้งกับเธอว่าลาปาสิ้นใจแล้วและตายในบาป "และดูเถิดเธอตายแล้วโดยไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร"
แคทเธอรีนใจหาย, ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีขาว,เธอสั่นสะท้านด้วยความเศร้าโศกต่อวิญญาณของแม่ เธอกล่าวกับพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับคำวอนขอก่อนหน้านี้ที่เธอได้ขอพระองค์ไว้ "โอ้พระเจ้า,พระเจ้าของลูก...พระองค์ทรงมีพระเมตตาให้คำมั่นว่าจะนำแม่ของลูกออกไปจากโลก ต่อเมื่อเธอยินยอมล้วมิใช่หรือ?" แคทเธอรีนวิงวอนขอให้พระเยซูเจ้าทรงนำแม่ของเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง "ลูกจะไม่ไปจากการประทับอยู่ของพระองค์จนกว่าพระองค์จะทรงคืนแม่ของลูกให้กับลูก"
จากคำอธิษฐานอันแรงกล้าของแคทเธอรีน,พระเยซูเจ้าาจึงทรงพระทัยอ่อน “จงบอกกับแม่ของลูก,ผู้ซึ่งไม่เต็มใจที่จะตายในปัจจุบันว่าวันหนึ่งจะมาถึงซึ่งเธอจะถอนหายใจโหยหาความตายโดยไม่ได้รับมันมา”
เมื่อแคทเธอรีนออกจากสัมพันธญาณในพระเยซูเจ้า, เธอและพยานหลายคนเห็นว่าแม่ของเธอฟื้นจากสภาพการตาย พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะฝังนางลาปาแล้ว เพราะเนื้อตัวเย็นแข็งและเริ่มเน่าเปื่อย นางลาปากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง อาการป่วยของเธอหายไปอย่างสมบูรณ์ และรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม บางทีอาจเป็นเพราะอัศจรรย์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ที่ทำให้ลาปารู้สึกถึงความเร่งด่วนที่เธอต้องดำเนินชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์
เป็นเวลาหลายสิบปีที่พระเยซูเจ้าทรงประทานสิ่งที่ลาปาปรารถนานั่นคือชีวิต พระองค์ทรงรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะประทานชีวิตแก่ลาปา และพระองค์ทรงประทานหลายปีมากจนลาปารู้สึกสับสน แคทเธอรีนเสียชีวิตเมื่อแม่ของเธออายุ 73 ปี แต่ลาปาก็มีชีวิตต่อไปจนกระทั่งเธออายุ 89 นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเป็นพิเศษเพราะมันเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดสีดำ(Black Plague)
หญิงม่ายที่สูญเสียลูกๆไปครึ่งหนึ่ง,รวมทั้งแคทเธอรีน,ลูกที่มีค่าที่สุดของเธอ ลาปาประหลาดใจต่ออายุที่มากมายของเธอ เธออุทานกับคุณพ่อเรย์มอนด์แห่งคาปัวว่า "พระเจ้าได้ตรึงวิญญาณของฉันไว้ที่ร่างกายของฉัน จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ลูกกี่คนและหลานกี่คนที่ฉันเสียไปแล้ว มีแต่เพียงฉันที่ไม่สามารถตายได้ ฉันถูกทิ้งไว้ให้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมานและความตายของคนอื่นๆทั้งหมด "
* * *
รูปภาพนักบุญแคทเธอรีนสวมมงกุฎหนาม วาดโดย Carlo Dolci
เรื่องนี้นำมาจากชีวประวัติของนักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนา โดย Raymond of Capua
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น