วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

อัศจรรย์ครั้งที่ 70 ของลูรดส์

 

ในปี 2018 ในวันครบรอบ 160 ปีของการประจักษ์ของแม่พระแก่นักบุญแบร์นาแด็ต ซูบีรุส,ที่ลูรดส์,การเยียวยารักษาให้หายจากโรคของซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ได้รับการประกาศว่าเป็นอัศจรรย์อย่างเป็นทางการ นับเป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 70 ซึ่งได้รับการรับรองที่เกิดขึ้นที่เมืองลูรดส์
 
นำมาจากบล็อกของโจแอน ฟราวลี่ย์ เดสมอนด์,
วันที่ 10 พ.ค. 2021
 
เมื่อซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ โมเรียน นักบวชคณะฟรังซิสกันแห่งดวงพระหฤทัย(Franciscan Oblate Sister of the Sacred Heart Bernadette Moriau) เดินทางไปแสวงบุญที่เมืองลูรดส์(Lourdes) ในปี 2008 เธอถูกเคลื่อนย้ายจากคอนแวนต์ในฝรั่งเศสโดยทางรถไฟในตู้ "รถพยาบาล" ที่กำหนดไว้สำหรับผู้ป่วยที่ไปเยี่ยมอาสนวิหารแม่พระแห่งลูรดส์ ซึ่งพระแม่มารีย์ประจักษ์มาในปี 1858
 

ถ้ำแม่พระแห่งลูรดส์,ฝรั่งเศส
 
ค่ำคืนบนรถไฟเป็นความทุกข์ทรมาน,มีการพักผ่อนเพียงเล็กน้อย,ขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงแคบๆชั้นบน เป็นเวลา 42 ปีที่โรคกระดูกสันหลังเสื่อมซึ่งทำให้เจ็บปวดค่อยๆกลืนกินร่างกายของซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์อย่างช้าๆ และในปี 2008 ซิสเตอร์ที่มีความฝันที่จะนำความรักของพระเจ้าไปสู่ผู้ยากไร้และได้รับการฝึกฝนให้เป็นพยาบาล, เธอได้เจ็บป่วยไร้เรี่ยวแรงทำให้ต้องพึ่งพาผู้อื่น
 
My Life is a Miracle เป็นชื่อของหนังสือจากไดอารี่ของเธอซึ่งเพิ่งออกมาใหม่ เป็นบันทึกของเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ที่นำกรณีของเธอไปสู่ความสนใจของคนทั่วโลก เป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 70 ที่เกิดขึ้นที่เมืองลูรดส์ เธออธิบายว่าเท้าซ้ายของเธอมีอาการบิดเบี้ยวไปอยู่ในสภาพ "หันกลับไปข้างหลัง" และ “กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานเป็นเหมือนเยลลี่” ซึ่งต้องถูกยึดไว้โดย “เหล็กรัดคอกับเอว” ร่างกายของเธอเจ็บปวดทั้งกลางวันและกลางคืน,เหมือนมีไฟฟ้าช็อตกระเพื่อมผ่านขาของเธอ
 
การฉีดด้วยมอร์ฟีนอย่างต่อเนื่องทำให้ลด"ความเจ็บปวดเหมือนถูกแทงด้วยหนามที่มองไม่เห็น” และช่วยให้ทนได้บ้าง ความเจ็บปวดทำให้สติปัญญา,ความคิดความเข้าใจของเธอบกพร่องไป และมีการฝัง "เครื่องกระตุ้นประสาทกระดูกสันหลังไว้ใต้ผิวหนังเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่แสนสาหัส"
 
มากกว่าหนึ่งครั้ง,ที่การต่อสู้ในชีวิตประจำวันกับโรคร้ายทำให้จิตใจของเธอตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง แต่เธอก็ทำใจให้สงบกับสภาพนี้มานานแล้ว ที่ลูรดส์,เธอไม่ได้สวดอธิษฐานเพื่อให้ตัวเองหายดี แต่สวดเพื่อให้จิตวิญญาณของเธอได้รับการเสริมกำลัง ในขณะที่เธอเข้าร่วมในขบวนแห่ประจำวันและอาบน้ำในถ้ำที่นั่น,ที่ซึ่งพระรูปพระแม่มารีย์ทรงอุ้มพระกุมารประดิษฐานอยู่ เป็นช่วงที่เวลาและสถานที่หยุดนิ่ง,ค่านิยมของโลกถูกยึดไว้และศักดิ์ศรีอันสดใสของแต่ละบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าก็ปรากฏให้เห็น
 
ขณะที่ซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์เดินทางกลับด้วยความทุกข์ทรมาน,เธอสวดวอนขอพระเมตตาการเยียวยารักษาเพื่อเพื่อนแสวงบุญที่เดินทางมาด้วยกัน และเมื่อขบวนรถพยาบาลไหวไปมาขณะที่รถไฟความเร็วสูงเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว,ก็มีเสียงกระจายบอกเธอให้รู้ว่าเธอได้จากลูรดส์ไปแล้ว, “มันแล่นผ่านไปเร็วมากโดยที่เราดูไม่ทัน”
 
แต่ในไม่ช้าชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ภายในไม่กี่วันหลังจากที่เธอกลับจากลูรดส์,ซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ก็หายจากความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน ร่างกายของเธอได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์หรือที่เธอเรียกมันว่า "การสร้างร่างกายขึ้นใหม่" เท้าที่บิดเบี้ยวของเธอกลับมาอยู่ในสภาพปกติและหลังของเธอก็แข็งแรงจนเธอสามารถถอดเครื่องรัดตัวและเดินได้อย่างอิสระ โรคความเสื่อมของสันหลังและร่างกาย,ที่กำหนดชีวิตของเธอมานานกว่าสี่ทศวรรษ,ได้หมดสิ้นไปด้วยอัศจรรย์
 
น้ำตาแห่งความปิติยินดีหลั่งไหลออกมา เธอรีบบอกข่าวดีนี้กับซิสเตอร์ท่านอื่นๆที่มาร่วมสวดภาวนาขอบพระคุณสำหรับความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงประทานให้เปล่าๆ
 
เธออธิบายด้วยความยินดีอย่างท่วมท้นว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกถึงชัยชนะ สำหรับฉันซึ่งต่อสู้กับโรคนี้ เพราะการรักษานั้นได้รับมาจากพระหรรษทานล้วนๆ"
 
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2018 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 160 ปีของการประจักษ์,การหายจากโรคของซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ได้รับการประกาศว่าเป็นอัศจรรย์อย่างเป็นทางการ,เป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 70 ที่ลูรดส์
 
การหายจากโรคที่ไม่ธรรมดา,ความเจ็บปวดมานานแรมปี,การต่อสู้กับโรคก่อนหน้านี้,และการสืบสวนทางการแพทย์ที่ยาวนานกว่า10 ปีที่ตามมา ทั้งหมดนี้ถูกเล่าไว้ในหนังสือของเธอ
 
เธอเขียนว่า “การน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นนั้น,เราไม่ควรมองข้ามคนที่ไม่ได้รับพระหรรษทานแบบเดียวกันหรือลืมความทุกข์และความลำบากของผู้อื่น”
 
“ฉันรอดชีวิตจากการต่อสู้สี่สิบสองปี แต่นั่นเป็นสัญญาณจากพระเจ้า,เป็นสัญญาณที่มองเห็นได้ของความรักที่พระองค์มีต่อเราทุกคน”
 
ด้วยเหตุนี้เรื่องราวของเธอจึงเป็นคำเชื้อเชิญให้ผู้อ่านเข้าใกล้หัวใจที่เต้นแรงของพระผู้ช่วยให้รอด,ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่ ในทำนองเดียวกัน,ซิสเตอร์ได้นำเสนอมุมมองที่โดดเดี่ยวและซ่อนเร้น: นั่นคือ การต่อสู้ประจำวันของผู้ที่ต้องแบกรับความทุกข์จากความเจ็บป่วยเรื้อรังและความพิการและผู้ที่ดำรงอยู่ด้วยความหวังเพียงอย่างเดียว
 
เธอยังไม่ลืมว่าการได้รับความทุกข์ทรมานนั้นเป็นอย่างไร,การไปที่คลินิกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด,เพื่อได้รับการยืนยันว่าอาการของผู้ป่วยแย่ลงอีก และแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจร่าเริง แต่เธอก็บอกเล่าถึงความรู้สึกของคนทั่วไปที่มักจะใจเร็วเกินไปและใจร้อนเกินไปในการอยู่ร่วมกับผู้ที่อ่อนแอและผู้มีจิตใจที่ไม่มั่นคง
 
หนังสือเล่มนี้ยังเล่าถึงรายงานการสืบสวนกรณีของซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์โดยทีมแพทย์ของเธอเองและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คนอื่นๆ เป็นพยานถึงลักษณะการหายจากโรคอย่างถาวรที่ไม่สามารถอธิบายได้
 
การไต่สวนอย่างกว้างขวางถูกปิดกั้นเป็นความลับ,จนกว่าเจ้าหน้าที่ศาสนจักรจะยืนยันว่าเป็นอัศจรรย์อย่างเป็นทางการ หลังจากเฝ้าสังเกตช่วงเวลาหนึ่งและประกาศต่อสาธารณะในปี 2018
 
ตั้งแต่นั้นมาซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ก็กลายเป็นคนดัง แม้แต่สำหรับสื่อทางโลกส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส เธอได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวและพูดคุยกับกลุ่มเยาวชน และแม้ว่าสาธารณชนจะสนใจกับเรื่องอัศจรรย์เหนือธรรมชาติและกระบวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เสียเป็นส่วนมาก แต่ซิสเตอร์เบอร์นาเด็ตต์ก็พยายามที่จะเติมเต็มแก่ประชาชนถึงสิ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นจุดประสงค์ของพระเจ้าในการนำเธอมาสู่เหตุการณ์เช่นนี้
 
เรื่องราว “ในเรื่องราวของฉัน” เธอเขียนว่า “ความเชื่อ,ความหวังและความรัก,เป็นหัวใจสำคัญที่เป็นพละกำลังให้กับชีวิตในอดีตของฉันมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในชีวิตปัจจุบันของฉัน,และฉันหวังว่าจะเป็นสิ่งรับประกันชีวิตในอนาคต,ชีวิตนิรันดร์ของฉันในสวรรค์ด้วย”
 
ด้วยภาษาแห่งความเชื่อของเธอ,ได้สร้างความตกใจให้กับเพื่อนร่วมชาติชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ของเธอ และเธอได้บอกผู้อ่านของเธอว่า เธอได้เตือนพวกเขาแล้วเกี่ยวกับความเชื่อและค่านิยมของคริสตชนที่อ่อนแอในยุคนี้
 
แต่สำหรับผู้ที่ทนทุกข์,ผู้ที่พยายามรักษาเปลวไฟแห่งความหวังให้คงอยู่,สำหรับผู้ที่ถูกเผาผลาญด้วยความเกลียดชังหรือสงสัยเกี่ยวกับความหมายของชีวิต, เธอคือทูตของพระเจ้า
 
เธอกล่าวถึงอัศจรรย์การรักษาที่เปลี่ยนชีวิตของเธอว่าเป็น “สัญญาณของความรักที่มากล้นขององค์พระผู้สร้างต่อสิ่งสร้างของพระองค์”
 
พระเจ้าองค์นี้ไม่ได้ "เกลียดชังหรืออาฆาตแค้น" พระบิดาผู้เปี่ยมด้วยความรักผู้สร้างเธอขึ้นมาใหม่พยายามชำระล้างเราแต่ละคนให้บริสุทธิ์ในมหาสมุทรแห่งพระเมตตาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ "บูรณะ ... รัก,วอนขอ,ช่วยเหลือ,ถ่อมพระองค์,ในความยิ่งใหญ่,ทรงฤทธานุภาพในความรักและเหนือสิ่งอื่นใด ในความสัตย์ซื่อ"
 
หมายเหตุ - Joan Desmond เป็นสมาชิกของ Order of Malta สมาคมสามแห่งในสหรัฐอเมริกาของ The Order มีส่วนร่วมในการแสวงบุญประจำปีที่เมือง Lourdes สำหรับในฤดูใบไม้ผลิปีนี้เป็นการแสวงบุญแบบเสมือนจริงทางอินเตอร์เน็ตเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น