วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2564

โควิด-19 มาเพื่อหยุดมนุษย์

 



โรคระบาดโควิด-19 ดูจะยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ เชื้อไวรัสได้กลายพันธ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการกำจัด บริษัทยาหลายบริษัทได้ผลิตวัคซีนต่อต้านและกำลังกระจายไปในประเทศต่างๆเพื่อฉีดให้แก่คนทั่วไปซึ่งจะทำให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ ทุกคนต่างหวังว่าเหตุการณ์โรคระบาดจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
 
สาเหตุของการระบาดมาจากน้ำมือมนุษย์
 
โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากมาย เช่น การทำแท้ง การฆาตกรรม ความลามก การคอร์รัปชั่น ความเห็นแก่ตัว สงคราม การก่อการร้าย การรวมตัวของกลุ่มรักร่วมเพศ ฯลฯ แม้แต่ในพระศาสนจักรเองก็ยังมีข่าวอื้อฉาวของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงมาก นอกจากนี้มนุษย์ยังได้ทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ด้วยการสร้างขยะจำนวนมหาศาลทิ้งลงในมหาสมุทร ขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ มนุษย์สร้างมลพิษในอากาศด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลให้เกิดความผันผวนของธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมใหญ่, ไฟไหม้ป่า, ความแห้งแล้ง
 
ถ้ามนุษย์ยังคงทำลายธรรมชาติต่อไป อีกไม่นานโลกนี้ก็คงจะพินาศ มนุษย์อาจไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกได้ โควิด-19 มาเพื่อหยุดยั้งมนุษย์จากการทำร้ายต่อธรรมชาติและทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง
 
ศาสตราจารย์ประเวศ วะสี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
 
“ก่อนโควิด-19 จะมา โลกเครียดจัดอยู่แล้ว
 
“ความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆ ทั้งภายในและระหว่างประเทศ ทำให้โลกเครียดจัด สมทบด้วยความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ ลัทธิ อุดมการณ์ ศาสนา สีผิว เกิดสภาพขัดแย้งที่รุนแรงยุ่งเหยิงจนไม่มีทางออก ดังที่เห็นได้ในตะวันออกกลาง ระดับความแค้นของโลกมุสลิมที่มีต่อการที่มหาอำนาจตะวันตกผลักดันให้มีการตั้งประเทศอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์พุ่งสุดขีดปรอท พร้อมที่จะทำให้ทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดฆ่าตัวตาย สงครามยิฮาร์ด ขับเครื่องบินชนตึก ก่อการร้ายสากล หรือทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถ้ามี การพยายามสร้างและสะสมอาวุธนิวเคลียร์เป็นภัยที่คุกคามโลกทั้งใบ.......
 
โลกที่เครียดจัดขนาดนี้จะต้องระเบิดไปทางใดทางหนึ่ง เช่น เกิดมิคสัญญีกลียุค หรือสงครามล้างโลกหลายๆ ครั้ง จนกระทั่งโลกลดระดับความเครียดลง
 
โควิด-19 มาช่วยป้องกันสงครามโลกครั้งใหญ่ สู่ทิศทางใหม่
 
เพราะวิกฤติโควิด-19 คราวนี้ กระทบหมดทั้งโลกทุกมิติ และไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้
 
โลกยุคใหม่ หลังวิกฤติโควิด-19
 
วิกฤติโควิด-19 สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ ทุกมิติ ข้ามชาติ ข้ามศาสนา ข้ามลัทธิอุดมการณ์ ข้ามเผ่าพันธุ์ ก่อให้เกิดจิตสำนึกใหม่ระดับโลก เดิมแม้รุนแรงขนาดทิ้งระเบิดปรมาณูที่ประชาชนลูกเด็กเล็กแดงตายทันทีเป็นแสนคน ก็ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นจิตสำนึกที่ใหญ่พอ เพราะสงครามมีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ แต่วิกฤตโควิด-19 ทุกฝ่ายแพ้หมด ทำให้เกิดจิตสำนึกใหม่ระดับโลกที่ใหญ่พอที่จะทำให้โลกเปลี่ยน เมื่อจิตสำนึกของโลกเปลี่ยนโลกก็เปลี่ยน โลกใหม่คือโลกที่มีจิตสำนึกใหม่ (New Consciousness World)
 

(ราษฎรอาวุโส. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ประเวศ วะสี แพทย์ชาวไทย นักวิชาการด้านสาธารณสุข และ นักวิชาการเกี่ยวกับการศึกษา ทั้งเป็นผู้สนับสนุนงานค้นคว้าวิจัย ...)
 
******
 
วิกฤติโควิด-19 ทำให้มนุษย์ได้มีเวลามากขึ้นที่จะพิจารณาไตร่ตรองถึงการกระทำของตน ทำให้พวกเราสำนึกว่า เราไม่ได้มีความสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้จะมีวิทยาการก้าวหน้าสักเพียงใดก็ตาม เราจำเป็นต้องพึ่งพาพระเมตตาของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งและควบคุมทุกสิ่งไว้ พระเมตตาของพระองค์มีไม่สิ้นสุด ถ้าเพียงแต่เราจะกลับใจหันมาหาพระองค์เท่านั้น
 
วิกฤติโควิด-19 เป็นการเตือนครั้งแรกใช่หรือไม่? เราคิดว่าอาจจะเป็นเช่นนั้น
 
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2019 ซิสเตอร์อักเนส ซาซากาว่า แห่งอะกิตะ ในญี่ปุ่น ก็ได้รับสาส์นจากอารักขเทวดาของเธอซึ่งแจ้งกับเธอว่า
 
“จงโรยด้วยขี้เถ้า และขอให้สวดสายประคำเพื่อการสำนึกผิดชดเชยใช้โทษบาปทุกวัน เธอ(ซิสเตอร์อักเนส) จงกลับกลายเป็นเหมือนเด็กและขอให้ทำพลีกรรมทุกวัน"
 
อีกคำเตือนหนึ่งมาจากการาบังดัล แม่พระทรงบอกคอนชิตาว่า จะมีการประชุมซีนอดก่อนที่เหตุการณ์การเตือนของแม่พระจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า???
 
มีการประชุมซีนอดอะเมซอนระหว่างวันที่ 6-27 ตุลาคม 2019 เดือนเดียวกับที่ซิสเตอร์อักเนสได้รับสาส์นจากทูตสวรรค์
 
แต่จะมีการประชุมซีนอดอีกในประเทศต่างๆ ตามที่พระสันตะปาปาทรงกำหนดให้เปลี่ยนแปลงวิธีการประชุมสภาแห่งพระศาสนจักรครั้งใหม่ โดยให้พระศาสนจักรท้องถิ่นแต่ละประเทศเริ่มต้นกระบวนการของการประชุมซีน็อดของบรรดาบิชอป
 
ในเดือนตุลาคมนี้ พระสันตะปาปาฟรานซิสจะเปิดการประชุมซีน็อดแบบสามปีต่อเนื่องกันในสามระดับ กล่าวคือ สังฆมณฑล ทวีป และสากล เพื่อการปรึกษาหารือและการไตร่ตรองซึ่งจะกระทำด้วยการประชุมใหญ่ในเดือนตุลาคม 2023 ณ กรุงโรม
 
เพื่อที่จะทำให้การก้าวเดินไปด้วยกันดังที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปรารถนาตั้งแต่เริ่มสมณสมัยให้เป็นรูปธรรมและมองเห็นได้ การประชุมซีน็อดของบรรดาบิชอปครั้งต่อไปซึ่งมีกำหนดการในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งจะไม่กระทำเพียงแค่ที่นครรัฐวาติกันเท่านั้น แต่ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องกระทำทุกสังฆมณฑลของทั้งห้าทวีปโดยใช้เวลาสามปี ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระดับ กล่าวคือ ระดับสังฆมณฑล ระดับทวีป และระดับสากลรวมทั้งพระศาสนจักรคาทอลิกจารีตตะสันออกด้วย อันประกอบด้วยสภาซีน็อดต่าง ๆ พระศาสนจักรที่รวมกันภายใต้การปกครองด้วยกฎหมายของตนเอง “sui iuris” และยังครอบคลุมไปถึงสภาบิชอปของแต่ละประเทศ ทุกภูมิภาค ทั่วทุกทวีป
 
การประชุมซีน็อดเปลี่ยนรูปแบบเป็นการกระจายอำนาจ (A decentralized Synod)
 
******************
 
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนงำบางอย่างจากคอนชีต้า ถึงเหตุการณ์การเตือนที่จะเกิดขึ้น
 
คอนชีต้าแห่งการาบังดัลเคยพูดว่า “เมื่อคอมมิวนิสต์จะมาอีก,ทุกสิ่งก็จะเกิดขึ้น” (นำมาจากหนังสือเยอรมันเขียนโดย Albrecht Weber, Garabandal—Der Zeigefinger Gottes (Garabandal—The Finger of God):
 
คอนชีต้าบอกกับผู้เขียนหนังสือในปี 1965 ว่าเมื่อไรทุกสิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
 
“เมื่อคอมมิวนิสต์จะมาอีก,ทุกสิ่งก็จะเกิดขึ้น”
 
ผู้เขียนถามว่า “เธอหมายความว่าอย่างไรคำว่า จะมาอีก”
 
คอนชีต้าตอบว่า “ใช่ค่ะ,เมื่อมันจะมาอีก”
 
“หมายความว่าคอมมิวนิสต์จะไปก่อนหน้านั้นใช่ไหม?” ผู้เขียนถาม
 
“ฉันไม่ทราบ” คอนชีต้าตอบ “แม่พระบอกแต่เพียงว่า เมื่อคอมมิวนิสต์จะมาอีก”
 
************
 
โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างใหญ่หลวง ทางด้าน สาธารณสุข, ธุรกิจ,การศึกษา,ศาสนาและสังคม องค์การอนามัยโลกประกาศว่า เราอาจต้องอยู่กับโควิด-19 ต่อไปอีกเป็นเวลานาน อาจเป็น 1 ปี,2 ปี,หรือ 3 ปี โควิด-19 ส่งสัญญาณเตือนมาให้มนุษย์แล้ว มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่? มีภัยพิบัติอย่างอื่นอีกหรือไม่? ขอให้เราสังเกตดูและอ่านเครื่องหมายแห่งกาลเวลาเหล่านี้ และเตรียมจิตใจไว้โดยไม่ประมาท เพื่อเมื่อถึงเวลาที่แม่พระทรงแจ้งไว้ล่วงหน้าที่ฟาติมา, การาบังดัล,เมดจูกอเรจ์ ฯลฯ. เราจะไม่หวาดกลัว แต่จะมีความเชื่อที่มั่นคงยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นให้เราทำตามที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ “เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ท่านจงลุกขึ้นเงยหน้ามองเถิด เพราะความรอดของท่านใกล้มาถึงแล้ว”(ลก. 21:28)
 
ขอพระเมตตาของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ทรงปกป้องรักษาทุกท่านเทอญ
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น