พระเยซูตรัสว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระให้บริสุทธิ์ แม้อาจดูเหมือนไม่สะอาด ก็เป็นวิญญาณที่แสวงหาพระเจ้าด้วยความมุ่งหมายที่บริสุทธิ์.
เราได้บอกลูกแล้ว และโดยทางลูก,เราได้บอกกับคนจำนวนมากที่แม้ว่าพวกเขาจะประกาศพระวรสารของเราน้อยกว่าลูก ลูกก็ต้องไม่ไปตัดสินเขา พระเจ้าเท่านั้นคือผู้พิพากษา
จากพระบัลลังก์สูงสุดของเรา,เมื่อเราเห็นวิญญาณที่เที่ยงธรรมพยายามทำตามความปรารถนาของเขาในการแสวงหาพระเจ้าด้วยทุกวิถีทาง แสวงหาที่จะรับใช้และรักพระเจ้าองค์นี้อย่างสุดกำลัง เราก็จะทำให้พวกเขาบริสุทธิ์และเป็นที่ชื่นชอบในสายตาของเรา ในฐานะที่พวกเขาเป็นลูกของเรา และในที่ซึ่งมีมนุษย์ล้มลง,เราก็จะชดเชยโดยให้แสงสว่างแก่วิญญาณอื่นที่เหมาะสม
โอ้ คาทอลิกที่เฉื่อยชาเอ๋ย,บ่อยครั้งที่วาจาของเราส่องแสงและเป็นความสว่างให้แก่จิตใจของผู้ที่ไม่ใช่พี่น้องของลูกซึ่งไม่ได้เป็นคาทอลิก แต่พวกเขาเป็นผู้ที่เหนือกว่าลูกในความรักต่อพระคริสต์ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักพระคริสต์ แต่พวกเขารักพระเจ้าเที่ยงแท้ตามความรู้สึกของพวกเขา ถึงแม้พระองค์จะไม่ทรงเป็นที่รู้จักของเพวกเขาก็ตาม เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่กับสิ่งสร้างของพระองค์เสมอ! แท้จริงเราขอบอกกับลูกว่าพระจิตของพระเจ้าไม่มีข้อจำกัดใดๆ และพระองค์ทรงเป็นอาจารย์แห่งความจริงของหลายๆ คนที่ลูกคิดว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงพอพระทัย
ดุจกระแสน้ำที่ไหลคลุมฝั่งหนึ่งในขณะที่ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่าซึ่งเนื่องจากถูกห่อหุ้มด้วยทรายมากเกินไป จึงไม่ปล่อยให้คลื่นซัดขึ้นมาชำระล้างและหล่อเลี้ยงตัวมันเอง พระจิตของพระเจ้าผู้ทรงเสด็จมาหาพวกลูกซึ่งคาทอลิก,ถูกพวกลูกขัดขวางด้วยวิถีชีวิตของพวกลูกเอง พระองค์จึงทรงฉายแสงสว่างของพระองค์ให้แก่คนอื่นๆที่สมควรได้รับมากกว่า และทรงชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ทรงเป็นผู้จัดเตรียม และทรงเป็นผู้สมบูรณ์แบบในกิจการขององค์พระวจนาตถ์
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ,พระจิตเจ้า,โดยทางปากของบรรดาประกาศก,ทรงเตรียมมนุษย์ให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาของเรา และหลังจากที่เรากลับไปหาพระบิดา พระจิตทรงทำให้ลูกสามารถเข้าใจพระวาจาของเราได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น,จึงทรงเป็นพระองค์,พระบุคคลที่สามในพระตรีเอกภาพ,ที่ทรงเตรียมทางสำหรับเราในดวงใจที่ยังไม่ได้รับเราในฐานะองค์ความจริง และพระองค์ทรงรดน้ำในใจของพวกเขาเพื่อเรา เพื่อว่าสัจธรรมของเราที่สะสมไว้ดั่งเมล็ดพืชที่เกิดจากลมศักดิ์สิทธิ์ จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ในพวกเขาและทำให้ คุณธรรมอาจดำรงอยู่ในพวกเขาได้
เพื่อเรา,พระจิตทรงโปรดศีลล้างบาปแก่คนนอกศาสนาในปัจจุบันนี้ (คำว่า 'คนนอกศาสนา' ฉันหมายถึงคนทั้งหมดที่ไม่ใช่ชาวคาทอลิก) และถ้าเพียงความปรารถนาของลูกที่ต้องการ,พระองค์ก็จะทรงโปรดศีลล้างบาปแก่ลูกด้วย, เพราะลูกก็กำลังกลายเป็นหรือกลับไปเป็นคนนอกศาสนา, พระองค์ก็จะทรงโปรดศีลล้างบาปแก่ลูกอีกครั้งด้วยไฟแห่งความรักแท้
ดังนั้นเราขอบอกลูกอีกครั้งหนึ่งว่า จงอย่าตัดสินสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำให้บริสุทธิ์แล้ว และจงมีใจเมตตาต่อพี่น้องทุกคน” […]
จากสมุดบันทึกของมาเรีย วอลทอร์ทา (Maria Valtorta – (CEV) “The Notebooks 1944”, p. 74)
พบกับพระเจ้า
“อีวอนน์(Yvonne)เป็นปาฏิหาริย์” ดร.โลกล่าว “โดยปกติ เป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ป่วยเช่นเธอที่จะฟื้นตัวอย่างอัศจรรย์และถึงจุดที่เธอสามารถกลับไปสู่ชุมชนและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน”
“ฉันป่วยมาประมาณสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งรู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่” อีวอนน์เล่า “และฉันก็คิดกับตัวเองว่า “เอาละ,ฉันต้องไปหาหมอและแค่ไปรับยาปฏิชีวนะ” ฉันแค่ยังไม่ได้ทำเท่านั้นเอง””
อีวอนน์ สคลาร์(Yvonne Sklar)ไม่ได้มีไข้หวัดใหญ่ เธอเป็นโรคปอดบวมและอาการเริ่มแย่ลง
“ฉันตระหนักว่าการหายใจของฉันตื้นมากจนฉันไม่ได้ยินเสียงหายใจเลย และฉันก็พูดว่า 'เกิดอะไรขึ้นพระเยซูเจ้าข้า' และพระองค์ตรัสกับฉันว่า 'จงวางใจในเรา'”
จากนั้นร่างกายของอีวอนน์ก็ทรุดลงกับพื้น เธอถูกนำตัวไปที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโลมาลินดา(Loma Linda University Medical Center) ซึ่งดร.ทักกิน โล(Dr. Takkin Lo) ได้ค้นพบความรุนแรงของการเจ็บป่วยของเธอ
“จากหกกลีบในปอดของเธอ มีสี่กลีบที่เกี่ยวข้องกับโรคปอดบวมจริงๆ” ดร. โลพูด จากการทดสอบพบว่าการติดเชื้อแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดของเธอ และอีวอนน์ก็เข้าสู่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ดร.โล บอกกับเธอว่าเธอจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจและการรักษาโดยทำให้เธออยู่ในอาการโคม่าเพื่อที่พวกเขาจะได้รักษาการติดเชื้อได้ แต่อีวอนน์ปฏิเสธ
“ฉันไม่คิดว่าฉันจะตื่นขึ้นมาได้” อีวอนน์เล่า “และฉันก็บอกหมอเสมอว่า 'ฉันมีชีวิตที่ดีจริงๆ และฉันรู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน และไม่เป็นไร แค่ปล่อยให้ฉันไปเท่านั้น'”
“เธอกับผมพูดคุยกันอย่างจริงใจ” ดร. โลกล่าว “เราพูดคุยกัน จากนั้นผมก็มองเข้าไปในดวงตาของเธอและบอกอีวอนน์ว่า 'มองมาที่ผมสิ ผมนี่แหละจะเป็นคนสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นก่อนที่คุณจะตื่นขึ้นในครั้งต่อไป'”
ในขณะเดียวกัน, อนุศาสนาจารย์ Donna Herrick ผู้เป็นเพื่อนที่ปรึกษาของอีวอนน์ได้ระดมผู้คนให้ช่วยกันสวดอธิษฐาน
“ผมเป็นผู้นำในเรื่องนั้นและรวบรวมนักเรียนของผม เพื่อให้ทุกคนสามารถไปอธิษฐานกับเธอได้ทุกวัน” อนุศาสนาจารย์ดอนน่ากล่าว “เรามารวมกันเหมือนเป็นครอบครัวของเธอ”
จากนั้นอวัยวะของอีวอนน์ก็เริ่มล้มเหลว เธอสลบสามครั้งในสองสัปดาห์ต่อมา
"สำหรับแต่ละอวัยวะที่ล้มเหลว มีโอกาสตายประมาณ 20%" ดร. โลอธิบาย "ดังนั้น ปอดของเธอล้มเหลว หัวใจล้มเหลว ไตล้มเหลว ระบบต่อมไร้ท่อของเธอ ซึ่งก็คือน้ำตาลในเลือด กำลังจะออกจากการควบคุม ดังนั้นในขณะนั้น เธอมีโอกาสตายประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์”
เนื่องจากอีวอนน์ไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย แพทย์และเพื่อนๆ จึงมาพบกันเพื่อพิจารณายุติการใช้เครื่องช่วยชีวิต ในฐานะที่เป็นอนุศาสนาจารย์มานาน ดอนน่าเคยเห็นสิ่งนี้มาหลายครั้งแล้ว
“เมื่อคุณสวมเครื่องช่วยหายใจแบบนั้น วันแล้ววันเล่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณฟื้นตัวได้” ดอนน่ากล่าว “เราไม่ได้คาดหวังสิ่งนั้น ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าเธอจะไม่รอด”
ต่อมา ดอนน่ารู้สึกว่าพระเจ้าบอกให้เธอไปอยู่เคียงข้างเพื่อนของเธอ
“ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มาอยู่กับผม แต่เธอก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน” ดอนน่าเล่า “และผมจับมือเธอและพูดกับเธอว่า 'อีวอนน์ ผมรักคุณ และไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็ขอให้คุณไปอยู่กับพระเจ้าก็ได้ ผมจะคิดถึงคุณ; เราจะคิดถึงคุณ.มันโอเค.'"
ดอนน่าไม่รู้ว่าตอนนั้นอีวอนน์อยู่บนสวรรค์แล้ว
“ฉันจำได้เมื่อออกจากร่างกายว่าฉันอยู่ในทุ่งที่สวยและงดงาม” อีวอนน์เล่า “ดอกไม้นั้นสดใสและมีชีวิตชีวามาก ไม่มีคำใดที่จะบรรยายได้ว่ามันเป็นอย่างไรเมื่อได้อยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้า ความรัก ความสว่าง และความบริสุทธิ์ ความรักนั้นไม่สามารถเอาชนะได้ มันครอบคลุมทั้งหมด ดนตรีไพเราะยิ่งกว่าคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์หรือวงออเคสตราใดๆ ดูเหมือนผู้คนนับแสนเปล่งเสียงสรรเสริญพระเจ้า ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกอื่นใดนอกจากความสุข”
อีวอนน์บอกว่าพวกเขาเดินไปในสวรรค์
“และพระองค์ทรงบอกฉันว่า 'เราได้บอกลูกในพระวาจาของเราว่าให้ลูกขอทุกสิ่งไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่'” อีวอนน์กล่าว “และผู้คนกลับรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่าควรหรือรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังรบกวนพระองค์ หรือพวกเขาขอมากเกินไปหรือว่าพวกเขาไม่มีความเชื่อในพระคริสต์หรือสวรรค์เลย แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า 'อย่าลืมบอกคนอื่นว่า 'จงวอนขอ'”
จากนั้นพระเยซูทรงบอกเธอว่าเธอต้องกลับไปและขอให้เธอส่งสาส์นนี้
“เราต้องการให้ลูกบอกคนอื่นทุกอย่างที่เราแสดงให้ลูกเห็น'” อีวอนน์กล่าว “'เราต้องการให้ลูกบอกพวกเขาเกี่ยวกับความรักของเรา, การให้อภัยของเรา, และพวกเขาสามารถจะมาตามอย่างที่เขาเป็น เราต้องการให้พวกเขากลับใจด้วยใจจริงและปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา'”
จากนั้นสามวันก่อนที่จะถอดเครื่องช่วยชีวิตออกจากร่างกายของเธอ, อีวอนน์ก็ตื่นขึ้น
“สิ่งที่น่าทึ่งมากก็คือการเปลี่ยนจากความตายมาเป็นชีวิตในทันที” ดอนน่ากล่าว “คุณรู้ไหม แค่ใส่ท่อช่วยหายใจ,ตัวซีด,แค่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์เมื่อถูกใส่ท่อช่วยหายใจนานขนาดนั้น พวกเขาแค่…ไม่มีชีวิต แล้ว เมื่อเดินเข้าไปในห้อง,เธอไม่ได้เต้น แต่เธอคืออีวอนน์ เธอไปที่ห้องตามปกติอย่างรวดเร็วและจากนั้นเธอก็ไปทำกายภาพบำบัด มันเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ! น่าทึ่ง”
“การกลับมาเป็นเรื่องที่หวานอมขมกลืน” อีวอนน์กล่าว “อย่างแรกเลย คุณกลับมาอยู่ในร่างนี้อีกครั้ง ซึ่งยุ่งยากมากและมีข้อจำกัดมาก ในสวรรค์ไม่มีข้อจำกัด และฉันกำลังพูดถึงสวรรค์ในขณะที่พวกเขาเอาอุปกรณ์เล็กๆมาใส่คอของฉัน”
ในขณะที่การฟื้นตัวของอีวอนน์นั้นยาวนานและยากลำบาก และดร. โลก็ประหลาดใจกับความก้าวหน้าของเธอ
“อีวอนน์เป็นปาฏิหาริย์” ดร.โลกล่าว “โดยปกติ เป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ป่วยเช่นเธอที่จะฟื้นตัวอย่างอัศจรรย์และถึงจุดที่เธอสามารถกลับไปสู่ชุมชนและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน”
ต่อมาเธอแต่งงานกับริค เพื่อนผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งที่สวดอ้อนวอนขอให้เธอหายจากโรค อีวอนน์เชื่อว่าเธอถูกนำตัวกลับมาด้วยเหตุผลพิเศษ
“ฉันคิดว่าภารกิจทั้งหมดของฉันบนโลกคือการแบ่งปันสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในสวรรค์ ความรักของพระองค์และการให้อภัยของพระองค์ และมันเป็นอย่างไรที่นั่น” อีวอนน์กล่าว “ฉันไม่มีคำพูดใดหรือคำบรรยายใดที่มากพอที่จะอธิบายได้ มันเป็นเพียงสถานที่ที่ฉันตั้งตารอที่จะกลับไปอีก และฉันต้องการให้ผู้คนจำนวนมากไปกับฉันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น