วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

กษัตริย์โซโลมอนและพระนางชีบา

 


 
ในยุคที่ยุโรปออกล่าอาณานิคมนั้น โลกเรามีเพียงสามประเทศที่ปฏิรูปตัวเองทัน และสามารถเอาตัวรอดจากการครอบงำของตะวันตกสำเร็จ ได้แก่:
 
1. ญี่ปุ่น ผ่านการปฏิรูปในยุค จักรพรรดิเมจิ (1852 – 1912)
 
2. ไทย ผ่านการปฏิรูปในยุค รัชกาลที่ห้า (1853 – 1910)
 
3. เอธิโอเปีย ผ่านการปฏิรูปในยุค จักรพรรดิเมเนลิกที่สอง (1844 – 1913)
 
กษัตริย์สามคนนี้ร่วมสมัยกัน และมีแนวคิดเหมือนกัน คือล้วนรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง และนำวิทยาการตะวันตกเข้ามาปรับปรุงประเทศทั้งสิ้น
 
สำหรับจักรพรรดิเมเนลิกนั้น ได้สะสมอาวุธสมัยใหม่และเสริมศักยภาพกองทัพในระยะเวลาอันสั้น จนมีกำลังเหนือกว่าผู้รุกรานซึ่งตอนนั้นคืออิตาลี
 
พระองค์สามารถเอาชนะอิตาลีอย่างเด็ดขาดในสมรภูมิอัดวา ปี 1896 และต่อมายังได้ปฏิรูปเอธิโอเปียจนมีความเจริญรุ่งเรือง โดยเป็นผู้เลิกทาส สร้างทางรถไฟ และนำเข้าเทคโนโลยีหลายอย่างจากยุโรป
 
มีหลายคนเอาเรื่องนำเอธิโอเปียไปเปรียบเทียบกับ ประเทศวากานด้า ในหนังแบล็ค แพนเธอร์ (และถ้าดูแผนที่วากานด้าดีๆ มันก็วงไว้แถวๆ เอธิโอเปียนั่นแหละ) ในแง่ที่ฝรั่งสมัยก่อนนั้นเคยดูแคลนชาวแอฟริกาว่าป่าเถื่อน แต่เมื่อได้พบกับอาณาจักรเอธิโอเปียที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมานาน ก็ต้องตื่นตะลึงและพ่ายแพ้
 
ภาพแนบ: พระเจ้าเมเนลิกที่ 2
 
กษัตริย์เมเนลิกที่ 2 มีเชื้อสายมาจากกษัริย์โซโลมอนและพระนางชีบาแห่งเอธิโอเปีย
 
ราชินีแห่งชีบา (Queen of Sheba)
 
เชื่อกันว่าพระนางเป็นพระราชินีแห่งอะซัม (Axum) ในเอธิโอเปีย (Ethiopia) หรือว่าอาจจะเป็นอาณาจักรซาบา (Kingdom of Saba) ในเยเมน(Yemen) หรือว่าทั้งสองแห่งในเอธิโอเปีย ราชินีแห่งชีบา ถูกเรียกว่า มาเกด้า (Makeda)
 
ตำนานของเอธิโอเปีย เล่าว่าพระราชินีทรงตามหาสัจธรรมและปัญญา เมื่อพระนางได้ฟังคำบอกเล่าจากพ่อค้าชื่อ ตามริน (Tamrin) ที่เดินทางไปค้าขายถึงเยรูซาเล็ม ก็ทรงทราบว่ากษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลเป็นผู้ฉลาด ราชินีชีบา จึงได้เดินทางมายังเยรูซาเรมด้วยขบวนอูฐ พร้อมกับขนอัญมณี ทองคำมาด้วยจำนวนมาก และยังมีกำยาน (frankincense) ซึ่งเป็นของหายากในยุคนั้นมีปลูกแค่เพียงในดินแดนของพระนางเท่านั้น
 

ราชินีแห่งชีบาได้ทดสอบความเฉลียวฉลาดของกษัตริย์ของโซโลมอนด้วยการถามหลายข้อ ซึ่งคำตอบชองกษัตริย์โซโลมอนทำให้พระนางพอพระทัย กษัตริย์โซโลมอนยังได้เล่าเรื่องพระเจ้าที่พระองค์นับถือ คือ พระยาหเวห์ (Yahweh) จนทำให้ราชินีแห่งชีบาเลื่อมใสและหันมานับถือยูดาห์
 
พระราชินีแห่งชีบาได้รับการต้อนรับโดยอาศัยอยู่ในวังของกษัตริย์โซโลมอนในฐานะแขก
 

ต่อมาทั้งสองพระองค์ก็ร่วมบรรทมด้วยกัน
 
ในคืนนั้นกษัตริย์โซโลมอนก็นอนฝันเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเหนืออิสราเอล ก่อนที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องจากชาวยิว พระอาทิตย์จึงเปลี่ยนไปขึ้นที่เอธิโอเปียและโรมแทน
 
ก่อนที่ราชินแห่งชีบาจะเสด็จกลับ ทรงได้รับแหวนวงหนึ่งจากกษัตริย์โซโลมอน
 
เมื่อพระราชินีแห่งชีบากลับมายังอาณาจักรของพระนางเอง ก็ทรงตั้งครรภ์ และเมื่อเจ้าชายองค์น้อยประสูติมา ก็ได้พระนามว่า ไบนา-เลห์เคม (Baina-lekhem) หรือภายหลังเรียกกันว่า เมเนลิก (Menelik)
 
ซึ่งเมื่อเมเนลิกโตขึ้น ก็ทรงอยากพบพระบิดา จึงได้เดินทางมายังเยรูซาเล็มพร้อมกับแหวนที่พระบิดาเคยให้พระมารดาเอาไว้
 
เมื่อไปถึงเยรูซาเล็ม เมเนลิกได้รับการต้องรับอย่างสมเกียรติ และได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์โดยนักบวชชื่อซาด๊อก (Zadok) เมเนลิกได้รับชื่อใหม่ว่าเดวิด (David)
 
เมื่อเดวิดกลับมายังเอธิโอเปีย พระราชินีแห่งชีบาก็สละราชสมบัติ และเดวิดก็ได้สถาปนาราชวงศ์โซโลมอนขึ้นในเอธิโอเปีย
 
ชาวเอธิโอเปีย เชื่อกันว่าหีบแห่งพันธะสัญญา(the Ark of Covenant) ถูกขโมยและนำมาที่เอธิโอเปียเมื่อตอนที่เดวิดกลับจากเยรูซาเล็ม และยังถูกเก็บรักษาที่วิหารเซนต์แมรี่ (the Catherdral of St.Mary of Zion) ในเมืองเอซัม (Axum)
 
------------------------
 

มีนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับพระนางชีบาและกษัตริย์โซโลมอน ซึ่งผมได้อ่านมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน เรื่องมีว่า
 
พระนางชีบาทรงได้ยินกิติศัพท์ของกษัตริย์โซโลมอน จึงตั้งใจจะไปพบกับพระองค์ และก็ต้องการทดสอบด้วยว่ากษัตริย์โซโลมอนมีปรีชาญาณสมดังคำร่ำลือหรือไม่
 
ก่อนออกเดินทาง,พระนางชีบาทรงสั่งให้นักปราชญ์ของราชสำนักประดิษฐ์ดอกกุหลาบเทียมขึ้นมาดอกหนึ่งให้เหมือนกับดอกกุหลาบจริงมากที่สุดเพื่อนำไปทดสอบกษัตริย์โซโลมอน
 
ในวันที่พระนางชีบาเข้าเฝ้ากษัตริย์โซโลมอน พระนางได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียริต พระนางถวายบังคมกษัตริย์โซโลมอน และกษัตริย์เชื้อเชิญพระนางให้ประทับ และมีพิธีถวายเครื่องบรรณาการต่างๆที่พระนางนำมามอบแก่กษัตริย์โซโลมอน ในตอนสุดท้ายพระนางชีบาทรงบรรจงหยิบดอกกุหลาบสองดอกออกมาจากพระภูษาและทรงมอบแก่กษัตริย์โซโลมอนด้วยพระนางเอง และทูลกษัตริย์โซโลมอนว่า “ข้าแต่กษัตริย์ผู้ทรงปรีชาสามารถ ในดอกกุหลาบสองดอกนี้ มีดอกหนึ่งเป็นดอกกุหลาบจริง และอีกดอกหนึ่งเป็นของปลอม ด้วยพระปรีชาของพระองค์ ขอทรงบอกให้ทุกคนทราบได้ไหมว่า ดอกไหนเป็นของจริงและดอกไหนเป็นของปลอม”
 
ในท้องพระโรงของพระราชวังซึ่งมีข้าราชบริพารมากมาย ทุกคนต่างตกตะลึงนิ่งเงียบ เพราะเห็นดอกกุหลาบทั้งสองดอกเหมือนกันมากจนแยกไม่ออกว่า ดอกไหนเป็นของจริงและดอกไหนเป็นของปลอม
 
กษัตริย์โซโลมอนทรงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เพราะพระองค์ก็ทรงแยกไม่ออกเช่นกันว่าดอกไหนเป็นของจริง แลดอกไหนเป็นของปลอม
 
ในท่ามกลางความเงียบกริบอย่างยิ่งนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆเสียงนั้นดัง หึ่ง...หี่ง.. เนื่องจากใกล้กับพระราชวังเป็นสวนพืชพันธ์ต่างๆ
 
กษัตริย์โซโลมอนทรงได้ยินเสียงนี้และทราบทันทีว่านั่นเป็นเสียงของผึ้ง
 
พระองค์ตรัสสั่งให้ข้าราชการผู้หนึ่งไปเปิดหน้าต่างฝั่งที่อยู่ติดกับสวนนี้ และผึ้งตัวหนึ่งก็บินเข้ามา มันบินตรงไปที่ดอกกุหลาบในพระหัตถ์ของกษัตริย์โซโลมอนทันที
 
ในเวลานั้นเอง กษัตริย์โซโลมอนก็ทรงยกดอกกุหลาบที่มีผึ้งอยู่ชูขี้น และตรัสกับพระนางชีบา ว่านี่คือดอกกุหลาบของจริง
 
พระนางชีบา (ที่ทราบอยู่แล้วดอกไหนเป็นของจริง) จึงน้อมถวายบังคมต่อกษัตริย์โซโลมอนและชมพระองค์ว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาที่สุดสมดังคำเล่าลือ
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น