From the Philippines Sun-Star:
เป็นเวลานานถึง 40 ปีแล้วที่แม่พระทรงประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ ถึงแม้พระศาสนจักรจะไม่ได้ประกกาศรับรองอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ส่งผู้แทนพระสันตะปาปาคือ Archbishop Henryk Hoser ให้มาเป็นผู้ตรวจสอบ และท่านได้รับรองการประจักษ์ห้าครั้งแรก อันมีนัยบอกว่ามีการประจักษ์ของแม่พระจริง และอนุญาต์อย่างเป็นทางการให้สามารถจัดการแสวงบุญได้
แม่พระประจักษ์มาที่เมดจูกอเรจ์ในฐานะ “ราชินีแห่งสันติภาพ” พระนางทรงเตือนและวอนขอต่อมนุษยชาติเป็นเวลายาวนานให้มีการกลับใจ แม่พระตรัสว่า
“โลกกำลังอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดเป็นอย่างมาก มันกำลังอยู่บนชายขอบของหายนะ...จงบอกโลกทั้งมวลโดยไม่รอช้าว่า แม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งให้มีการกลับใจ จงกลับใจ,จงอย่ารอต่อไปอีก แม่จะวอนขอต่อองค์พระบุตรของแม่ไม่ให้ทรงลงทัณฑ์โลก จงกลับใจและอย่าปฏิเสธสิ่งที่แม่ขอร้อง จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น”
นี่เป็นสาส์นในปี 1984 และมีสาส์นอื่นๆที่สวรรค์ได้มอบแก่คริสตชนคาทอลิกที่ได้รับพระพรพิเศษคนอื่นๆอีกหลายคน ซึ่งเผยให้เห็นถึงการเลื่อนเวลา(ของการลงทัณฑ์), การเลื่อนภัยพิบัติที่จะเกิดตามคำทำนายแบบมีเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาส์นที่เตือนถึงความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่ สวรรค์ได้ส่งสาสน์มาอย่างต่อเนื่องแก่บุคคลบางคนทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การลงทัณฑ์นั้นจะเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์ มีเพียงพระเมตตาของพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้ และแม่พระทรงช่วยเหลือเพื่อให้ได้มาซึ่งการกลับใจ และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเลื่อนเวลาแห่งการลงทัณฑ์ออกไป แต่ถึงแม้จะเกิดโรคระบาดโควิด-19ในขณะนี้, โลกก็ยังคงไม่รู้สึกตัวและคำเตือนจากสวรรค์ดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญและไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด
สาส์นคำทำนายเกี่ยวกับความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่บางสาส์นสืบย้อนไปเมื่อหลายศตวรรษก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจริงแล้ว ตัวอย่างเช่น นักบุญเซนานัส (St. Senanus d. 560) ได้เตือนว่า "ภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้นกับทุกชาติพันธ์ของอาดัม" ในขณะที่ St. Columba (d. 597) ทำนายว่า "พายุและเฮอริเคนที่น่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้นกับพวกเขา โรคภัยไข้เจ็บนับไม่ถ้วนจะมีชัย”
สมณสาส์น motu propio ของพระสันตะปาปาฟรังซิสได้อ้างถึงคำทำนายของนักบุญมาลาคีแห่งไอร์แลนด์ (1095-1148) กล่าวว่า "ในช่วงเวลาของการเบียดเบียนพระศาสนจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้าย พระสันตปาปาเปโตรชาวโรมัน(Peter the Roman)จะเลี้ยงฝูงแกะท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากใหญ่หลวง และเมื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านพ้นไป นครแห่งเนินเขาเจ็ดลูก Seven Hills (กรุงโรม) จะถูกทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง และพระผู้พิพากษาจะทรงพิพากษาประชาชน”
และยังมีคำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจากดาวหางด้วย ดังที่ St. Hildegard ได้พยากรณ์ไว้ (1098-1179) ดังนี้: "ก่อนที่ดาวหางจะมาถึง, หลายประเทศ,ยกเว้นคนดี,จะถูกเฆี่ยนด้วยความขาดแคลนและความอดอยาก ดาวหางจะทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาล,จะพัดพาน้ำออกจากมหาสมุทรและท่วมหลายประเทศทำให้เกิดความขาดแคลนและภัยพิบัติมากมาย เมืองชายฝั่งทะเลทั้งหมดจะตกอยู่ในความหวาดกลัวและหลายแห่งจะถูกทำลายโดยคลื่นยักษ์และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะถูกฆ่าตายและ แม้แต่ผู้ที่หลบหนีก็ยังตายด้วยโรคร้าย”
คำพยากรณ์ที่เลวร้ายซึ่งจะเกิดขึ้นในสมัยของเราดูเหมือนจะได้รับการยืนยันในคำทำนายของ Mother Shipton ในศตวรรษที่ 16 เธอบอกว่า:
“การลงโทษครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อรถม้าจะเคลื่อนไปโดยไม่มีม้าลาก และเกิดอุบัติเหตุมากมายทำให้โลกเต็มไปด้วยความวิบัติ มันจะเกิดขึ้นเมื่อความคิดแล่นไปทั่วโลกในพริบตาของทุกคน เมื่ออุโมงค์ยาวถูกสร้างขึ้นสำหรับเครื่องจักรที่ไม่มีม้า,เมื่อมนุษย์สามารถบินได้ ในอากาศและขับเคลื่อนอยู่ใต้ทะเล เมื่อเรือทำด้วยโลหะทั้งหมด เมื่อไฟและน้ำทำให้เกิดอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ แม้แต่คนยากจนก็อ่านหนังสือได้ และเมื่อมีการเก็บภาษีจำนวนมากเพื่อทำสงคราม”
สิ่งนี้สอดคล้องกับคำทำนายของ Blessed Rembordt ในศตวรรษที่ 18 เมื่อท่านพยากรณ์ว่า:
“พระเจ้าจะทรงลงโทษโลกเมื่อมนุษย์ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์อันน่าอัศจรรย์ที่จะนำพวกเขาไปสู่การลืมพระเจ้า พวกเขาจะมีรถที่ปราศจากม้าและบินได้เหมือนนก”
นักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล (ค.ศ. 1580-1660) ก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยของเราเช่นกัน ท่านบอกว่า “เมืองและหมู่บ้านหลายแห่งจะต้องพังทลาย และคนตายเป็นจำนวนมากทั้งคนชั่วและคนดี” เช่นเดียวกับ Blessed Anna Maria Taigi (ง) . 1837) ที่กล่าวว่า: "นักบวชจะถูกข่มเหง, พระสงฆ์จะถูกสังหารหมู่, โบสถ์หลายแห่งจะถูกปิด, แต่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น; พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะถูกบังคับให้ละทิ้งกรุงโรม"
และนี่คือสิ่งที่ Marie-Julie Jahenny ผู้ได้รับพระพรพิเศษ(mystic)ชาวฝรั่งเศส (d. 1941) กล่าวว่า:
“มหาสมุทรจะเหวี่ยงคลื่นฟองออกเหนือแผ่นดิน โลกจะเปลี่ยนเป็นสุสานขนาดมหึมา ซากศพของคนชั่วและคนชอบธรรมจะปกคลุมพื้นพิภพ ความอดอยากที่ตามมาจะยิ่งใหญ่ พืชผักทั้งหมดก็จะถูกทำลายเช่นกัน ! สามในสี่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ วิกฤตการณ์จะเกิดขึ้นทันทีและการลงโทษจะเกิดขึ้นทั่วโลก”
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 1947 คุณแม่เอเลนา ไอเอลโล(Mother Elena Aiello)ในอิตาลีได้พูดถึงคำเตือนจากแม่พระว่า
“เมฆที่มีแสงวาบวาบบนท้องฟ้าและพายุเพลิงจะตกลงมาเหนือโลก ความหายนะอันน่าสยดสยองนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มันจะคงอยู่เจ็ดสิบชั่วโมง”
เทเรซา นอยมันน์ ผู้ได้รับรอยแผลลึกลับชาวเยอรมัน (1898-1962) ผู้ทำให้อดอล์ฟ ฮิตเลอร์เกรงกลัวกล่าวว่า “เวลานี้ความโกรธเกรี้ยวของนรกได้โหมกระหน่ำ การลงโทษของพระเจ้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
วันที่ 2 มีนาคม 1975 พระมารดาตรัสกับเอเลนา ปาตริอาร์กา เลโอนาร์ดี(Mother Elena Patriarca Leonardi)ในกรุงโรมว่า “ไฟอันน่าสยดสยองถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว มันจะชำระล้างโลกที่เต็มไปด้วยบาปหนักมากมายและร้ายแรง มันจะห่อหุ้มโลกไว้ราวกับความมืดมิด”
แม่พระทรงเปิดเผยแก่ซิสเตอร์ Agnes Sasagawa ในเมืองอาคิตะ, ประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นทศวรรษ 1970 เธอกล่าวว่า: “พระบิดาสวรรค์จะทรงส่งการลงโทษที่น่ากลัวต่อมนุษยชาติไปทั่วโลก ถ้าหากผู้คนยังไม่กลับใจและเปลี่ยนแปลงวิถึชีวิตของพวกเขา: การลงโทษจะเลวร้ายยิ่งกว่าสมัยน้ำท่วมใหญ่ เป็นการลงโทษที่โลกไม่เคยได้รับ ไฟจะตกลงมาจากสวรรค์และทำลายมนุษยชาติส่วนใหญ่ ไม่ละเว้นแม้แต่พระสงฆ์หรือฆราวาส ผู้รอดชีวิตจะต้องทนทุกข์มากจนอิจฉาคนที่ตายไปแล้ว”
การประจักษ์ที่อาคิตะพร้อมกับสาส์นได้รับการรับรองจากพระสังฆราชของซิสเตอร์อักเนสว่าน่าเชื่อถือ
จุดประสงค์หนึ่งของสาส์นคำเตือนเหล่านี้ได้รับการกล่าวย้ำอีกครั้งโดยแม่พระที่ประทานแก่เทเรซาผู้ได้รับพระพรพิเศษแห่งเวียดนามเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1982 ว่า "จงกลับใจ เพราะการชำระล้างครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง"
โลกทุกวันนี้มีความโศกเศร้ามากมาย และสิ่งนี้สามารถเห็นได้จากสิ่งที่พระมารดาทรงาตรัสกับผู้เห็นแมพระในเมดจูกอเรจ์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 1982: “วันนี้หลายคนได้ไปนรก พระเจ้ายอมให้ลูกๆของพระองค์ต้องทนทุกข์ทรมานในนรกเนื่องจากพวกเขาได้ทำบาปร้ายแรงที่ไม่สามารถอภัยได้ ผู้ที่อยู่ในนรกไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว”
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น