วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565

การประจักษ์ที่เยอรมนี

 



“สามปีแห่งความยากลำบากกำลังมาถึง” พระเยซูเจ้าตรัสในการประจักษ์ครั้งหนึ่ง,ทรงตรัสเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกเวลานี้ 
ในวิดีโอนี้ เราต้องการนำเสนอการประจักษ์ที่กำลังเกิดขึ้นของพระแม่มารีย์และพระเยซูเจ้าในเยอรมนี ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จัก 
มีสาส์นที่ให้คำทำนายถึงช่วงเวลานี้ และพระสังฆราชท้องถิ่นก็สนใจมาก 
ขอบคุณพระเจ้าที่แม่พระทรงพบพระสังฆราชที่ไม่ใช่คนทันสมัยเกินไป, ไม่เช่นนั้นพระนางอาจไม่ทรงได้รับความน่าเชื่อถือ 
ในสาส์นของพระเยซู,พระองค์ทรงอธิบายถึงช่วงเวลาที่เรากำลังมีชีวิตอยู่ ทรงตรัสถึงการชำระล้างมนุษยชาติ ที่ได้กระทำบาปที่ขัดต่อความเชื่อและชีวิต, มนุษย์เหินห่างจากพระเจ้าและตรัสถึงความยากลำบากในอีกสามปีข้างหน้า พระองค์ยังทรงแสดงความไม่พอใจกับวิถีการประชุมซีนอดของเยอรมัน 
พระองค์ได้เตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางด้านสุขภาพ(โรคระบาด),สงครามในยูเครน,การดำรงตำแหน่งของพระสันตปาปาองค์สุดท้าย และสิ่งอื่นๆอีกหลายอย่าง 
ในที่นี้เราจะพูดถึงสิ่งที่ได้มีการทำนายไว้แล้วและก่อนการประกาศแต่ละครั้งได้มีการขอร้องให้พวกเราสวดภาวนา,กลับใจและทำการชดเชยใช้โทษบาป, เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามที่ได้กล่าวทำนายไว้
 

นางมานูเอลา สแเตร็ค ผู้ได้รับการประจักษ์และได้รับสาส์น
รับชมวีดีโอการประจักษ์ได้ที่นี่ http://www.kath-zdw.ch/maria/Download/juni05german.mp4
 
ในเยอรมนี ในเมืองเล็กๆแห่ง Sievernich,มีการประจักษ์ที่แทบจะไม่มีใครรู้ข่าวนี้เลย และมีสาส์นคำทำนายสำหรับทศวรรษที่ผ่านมา 
พระมารดาของพระเจ้า นักบุญต่างๆ อาทิเช่น พระสันตะปาปาปีอุสที่12 เทวสวรรค์กาเบรียล นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลลาได้ประจักษ์ที่ซีแวร์นิช(Sievernich)ระหว่างเดือนมิถุนายน 2000 ถึงเดือนตุลาคม 2005 แก่หญิงธรรมดาคนหนึ่งชื่อมานูเอลา สแเตร็ค(Manuela Strack) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2548 พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์แก่เธอเป็นครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตามพระนางทรงสัญญาว่าจะอยู่ที่ Sievernich เสมอ
 
เนื่องจากผู้เห็นการประจักษ์ได้กล่าวถึงการก่อการร้ายของกลุ่มอิสลามิสต์ไว้ล่วงหน้า มีการทำนายถึงการเบียดเบียนพระศาสนจักร,สงคราม,แผ่นดินไหว,พายุเฮอริเคน,และมีสาส์นการเตือนด้วยว่าถ้าหากมนุษยชาติไม่กลับใจก็จะได้รับการลงโทษ 
พระสังฆราชท้องถิ่น,ท่านไฮน์ริช มุสซิงฮอฟฟ์แห่งอาเคน(Bishop Heinrich Mussinghoff of Aachen)พบว่าการประจักษ์นั้นน่าเชื่อถือมากจนท่านขอให้นักเทวศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและพระสังฆราชผู้ช่วย ดร. โยฮันเนส บุนด์เกนส์(auxiliary bishop Dr. Johannes Bündgens)มาเป็นผู้แนะนำฝ่ายจิตวิญญาณของท่าน 
และตั้งแต่นั้นมา,บิชอปบุนด์เกนส์ก็เชื่อมั่นในความถูกต้องของการประจักษ์ แม้ว่าตามปกติแล้ว การตัดสินครั้งสุดท้ายของพระศาสนจักรจะมีได้ก็ต่อเมื่อการประจักษ์สิ้นสุดลงเท่านั้น 
ผู้เห็นการประจักษ์ชื่อมานูเอลล่า สแตร็ก(Manuela Strack) เธอเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ ที่อาศัยอยู่ในบ้านในชนบทเก่ากับสามีที่เกษียณอายุแล้ว และพวกเขามีลูกชายคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอาเค่น 
ระหว่างปี 2000 ถึง 2005 เธอได้รับการประจักษ์จากพระนางพรหมจารีย์มารีย์ และตั้งแต่ปี 2018 พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์มาในฐานะพระกุมารเยซูแห่งกรุงปราก 
ในเดือนมิถุนายน 2000 ขณะที่เธออยู่เบื้องหน้าพระรูปแม่พระแห่ง Einsiedeln เธอได้ยินเสียงเชิญชวนให้เธอเริ่มก่อตั้งกลุ่มสวดภาวนา "สายประคำแห่งชีวิต" 
และระหว่างการประชุมอธิษฐานภาวนาครั้งแรกของกลุ่ม เธอรู้สึกมีความอบอุ่นภายใน 
ครั้นแล้วพระมารดาก็เสด็จมาปรากฏแก่เธอ,พระภูษาสีขาว,มีหัวใจสีแดงที่อกล้อมรอบด้วยมงกุฎหนาม 
สาส์นของพระนางเกี่ยวข้องกับการแตกแยกภายในพระศาสนจักรและการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ในสมัยของเรา 
และเพื่อแก้ปัญหานี้,แม่พระทรงขอให้สวดสายประคำ เหมือนที่แม่พระทรงขอให้ทำที่ฟาติมาและเมดจูกอเรจ์ 
นับแต่นั้นมา เป็นเวลาห้าปี มานูเอลาก็ได้รับการประจักษ์จากแม่พระทุกวันแรกของเดือน 
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปและในไม่ช้าผู้แสวงบุญหลายร้อยคนก็มาถึง 
ในปี 2001,เธอได้เห็นว่า เมฆที่พระแม่มารีย์ทรงประทับยืนกลายเป็นทรงกลมเหมือนลูกบอลลูน,ซึ่งมันได้เข้าไปใกล้รองเท้าบู๊ตของอิตาลี(ประเทศอิตาลีในแผนที่เหมือนรองเท้าบู๊ต),ทำให้เห็นโรมและวาติกัน 
และเธอได้เห็นนิมิตห้องประชุมที่มีพระคาร์ดินัลหลายองค์กำลังนั่งสนทนาถกเถียงกันเกี่ยวกับการประกอบพิธีมิสซาโดยไม่มีศีลมหาสนิท เพราะหลายคนไม่เชื่อในศีลมหาสนิทอีกต่อไป 
ในเดือนมกราคม 2001 พระแม่มารีย์ทรงวางดอกกุหลาบสามดอกบนแผนที่ โดยแต่ละดอกหมายถึงประเทศหนึ่งประเทศ ได้แก่ประเทศ เยอรมนี อาร์เจนตินา และอิตาลี 
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญตีความก็คือ สิ่งนี้บ่งบอกถึงคำแถลงการณ์ของสภาพระสังฆราชชาวเยอรมันและชาวอาร์เจนตินา 
และในช่วงเวลานั้น,เธอได้เห็นการปรากฏขึ้นมาของกลุ่มหัวรุนแรงมุสลิมISIS และการเบียดเบียนกดขี่ข่มเหงคริสตชนในตะวันออกกลาง 
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2002, มานูเอลาได้รับความลับ 3 ประการที่แม่พระทรงเรียกว่ากุญแจ เป็นความลับเกี่ยวกับอนาคตของโลกและพระศาสนจักร 
และพระนางตรัสว่า 
«กุญแจจะทำหน้าที่เป็นอาวุธต่อต้านความมืดทั้งหมด ลูกรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฉพาะพระสันตบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงโรม,องค์อภิบาลสุดที่รักของแม่เท่านั้น,ที่จะได้รับกุญแจเหล่านี้จากแม่ 
โปรดรักษาความลับนี้ไว้,พวกเขาจะไม่เชื่อลูก แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ 
ความลับเหล่านี้ถูกจดบันทึก,ให้การรับรอง และต่อมาถูกส่งไปยังพระสันตปาปายอห์นปอลที่2 ในระหว่างการเข้าเฝ้าในปี 2002 
และเมื่อมานูเอลาอยู่ต่อหน้าพระคาร์ดินัลรัธซิงเกอร์,เธอคุกเข่าลงและเรียกท่านว่า "พระสันตบิดร" ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเวลา 3 ปีก่อนที่พระคาร์ดินัลจะได้รับการเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา
 

เห็นได้ชัดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการกล่าวถึงกิจกรรมของปีศาจในโลก,ซึ่งมีมากขึ้น,กระตือรือร้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน,ทำให้ทางวาติกันเกิดความสนใจ 
ปีศาจกำลังแทรกซึมเข้าไปในพระศาสนจักร มันล่อลวงนักเทววิทยาและแม้แต่บรรดาพระสังฆราชให้สงสัยในเรื่องคำสอนของพระศาสนจักร 
และมันต้องการลากพวกเราทุกคนไปสู่ความบาปและความหายนะในสงครามโลกครั้งที่สาม 
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2004, มีผู้แสวงบุญหลายสิบคนได้เห็นการประจักษ์มาของพระกุมารเยซูแห่งกรุงปราก,ปรากฏเบื้องหน้าศีลมหาสนิทในระหว่างพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ 
และในปี 2005, พระแม่มารีย์ได้บอกลากับมานูเอลา, แต่ทรงรับรองว่าเมืองซีเวอร์นิชจะเป็นสถานที่แห่งพระหรรษทานและเป็นที่ลี้ภัยเสมอไป 
เป็นเวลาสิบสามปีที่ไม่มีการประจักษ์ของแม่พระต่อสาธารณะ จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2018,การประจักษ์อย่างต่อเนื่องของพระกุมารเยซูแห่งปรากก็ได้เริ่มขึ้น 


เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2018 พระกุมารเยซูแห่งปรากได้ประจักษ์แก่มานูเอลา,ทรงสวมมงกุฏทองคำและเสื้อคลุมผ้าทองคำ,ทรงประทับอยู่ในแผ่นศีลที่อยู่ในรัศมี 
แล้วพระกุมารก็ตรัสกับมานูเอลาว่า 
«เวลาที่ร้ายแรงจะมาถึง,มันจะลำบากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา,วิญญาณจำนวนมากจะทำผิดพลาดและสูญเสียความเชื่อ» 
และตรัสเสริมอีกว่า 
«เรามาเพื่อทำให้คนบาปกลับใจ,เราเป็นกษัตริย์แห่งพระเมตตา». 
และในช่วงวันที่ 11 มีนาคม 2019 มีการประจักษ์ในระหว่างพิธีมิสซา มีผู้ที่เห็นพระกุมารเยซู 20 คน และอีกสิบสองคนสังเกตถึงกลิ่นหอมอันเข้มข้นของดอกลิลลี่ในโบสถ์ 
ลักษณะเช่นนี้ปรากฏซ้ำทุกเดือน
 
และในการประจักษ์ครั้งหนึ่ง,มานูเอลาเห็นสองด้านของโบสถ์,ด้านหนึ่งถูกเผาด้วยไฟของพระจิต, อีกด้านหนึ่งคือไฟแห่งการคอร์รัปชั่น 
พระสังฆราชบางองค์นำผู้มีความเชื่อของพวกท่านมาที่พระจิตเจ้า แต่พระสังฆราชองค์อื่นๆนำผู้คนของพวกเขาไปสู่ความพินาศ 
ดูเหมือนนิมิตนี้เป็นลางสังหรณ์ของความแตกแยกซึ่ง "การประชุมซีนอด" จะทำให้เกิดขึ้นและคุกคามต่อพระศาสนจักรในเยอรมนี 
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2019 พระกุมารเยซูทรงประกาศถึง "สามปีแห่งความยากลำบาก" ในขณะนั้นไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ แม้แต่เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติในช่วงฤดูร้อนปี 2021 ที่ประเทศเยอรมนี 
พระกุมารตรัสว่า 
“เราจะนำพวกลูกผ่านความทุกข์ยากนี้, ผ่านความมืดมิด, แต่ด้วยพระโลหิตอันล้ำค่าของเรา,เราได้ไถ่พวกเขาไว้แล้ว». 
และพระองค์ทรงเจ็บปวดมากจากการหยุดยั้งการตั้งครรภ์ซึ่งแพร่หลายเป็นอย่างมาก,คุณเข้าใจไหม? พระองค์ตรัสถึงวัฒนธรรมแห่งความตาย 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2020 พระกุมารตรัสว่า “ช่วงเวลาแห่งชดเชยใช้โทษบาปและการพินิจไตร่ตรองจะเสริมกำลังให้แก่ผู้มีความเชื่อของเรา เพราะมนุษยชาติถูกเรียกร้องให้กลับใจจากบาปของพวกเขา 
ถ้ามนุษยชาติไม่กลับใจหลังจากเวลาแห่งการกลับใจนี้,เราจะวางคทาของเราลงเหนือมนุษยชาติ 
นี่เป็นการเรียกของเราเพื่อลูกทั้งหลาย,ไม่ใช่เพื่อลงโทษพวกลูก,เราต้องการช่วยพวกลูกให้รอดและได้รับชีวิตนิรันดร์ 
เราได้ให้เวลาสำหรับการสำนึกผิดกลับใจและผู้ที่อยู่ห่างไกลจะได้เข้ามาและตระหนักว่าพวกเขาไม่ใช่พระเจ้า”
 
(หมายเหตุ - สามปีแห่งความทุกข์ยาก,ถ้าเริ่มตั้งแต่ปี 2019 นั่นหมายถึงจะสิ้นสุดในปี 2022 ดังนั้นเรายังอยู่ในช่วงเวลานี้)
 
และในวันที่ 8 ธันวาคมของปีนั้น พระศาสนจักรได้ประกาศให้เป็นปีพิเศษที่อุทิศให้กับนักบุญยอแซฟ 
วันที่ 5 ตุลาคม 2020 ผู้มีความเชื่อและนักบวชบางคนประมาณ 60 คนได้เห็นอัศจรรย์ของดวงอาทิตย์ขณะสวดภาวนากับมานูเอลา 
และพระกุมารได้ตรัสอย่างชัดเจนถึงการเตือนที่ได้มีการทำนายไว้ที่การาบังดัล,ซึ่งมานูเอลาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน,พระองค์ตรัสว่า 
“เมื่อเราเตือนโลก, มันจะเหมือนกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งสำหรับพวกลูก, ดังนั้นลูกจะได้เห็นจิตวิญญาณของลูกเอง 
พระดำรัสนี้เป็นการตอกย้ำคำพูดของคอนชิต้าแห่งการาบังดัลว่าการตือนเป็นการลงโทษแบบจำกัด 
ในการประจักษ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021,พระกุมารทรงบอกเธอว่า 
“โลกจะสั่นสะเทือน 
เพราะประชาชนไม่รู้จักพระบิดานิรันดรของเราและต้องการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระองค์, ทุกสิ่งจะถูกชำระให้บริสุทธิ์ 
สิ่งนี้ต้องทำตามที่มีเขียนไว้ 
อีกไม่นานก็จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่, ความโกลาหลที่จะกลายเป็นขุมนรกของใครหลายคน 
ลูกมีความหวังว่าในไม่ช้าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม 
วิญญาณที่รัก,มันจะไม่เป็นเช่นนั้น, จงสวดภาวนาและทำพลีกรรม! จงสัตย์ซื่อต่อเรา!”
 
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พระกุมารตรัสว่า 
“ปีนี้จะมีการพิจารณาคดีครั้งใหญ่” และเรียกร้องให้มีการสวดภาวนาเป็นเวลาสามชั่วโมงเพื่อชดเชยใช้โทษบาปในวันที่ 13 พฤษภาคม 
พระกุมารตรัสว่า 
“การอธิษฐานภาวนา, การทำพลีกรรม, การใช้โทษบาป, จงสวดภาวนาพร้อมกับเราต่อพระบิดานิรันดร!” 
จากนั้นมานูเอลาอธิบายว่าพระเยซูเจ้าตรัสกับเธอว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีพายุรุนแรงและประชาชนควรสวดภาวนาให้มากๆ 
และหลังจากกล่าวคำอำลาแล้ว พระกุมารก็ตรัสเสริมว่า 
“จงรู้ไว้เถิดว่าลูกกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ และโรคระบาดที่ลูกกำลังประสบอยู่นี้จะไม่ใช่โรคระบาดครั้งสุดท้าย 
ลูกกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งทุกขเวทนา 
แต่เราจะปกป้องลูกด้วยเสื้อคลุมแห่งพระโลหิตอันล้ำค่าของเรา”
 
และในวันที่ 9 และ 10 พฤษภาคม มีเหตุการณ์ที่พระสงฆ์ชาวเยอรมันได้ทำการอวยพรหมู่แก่คู่รักเพศเดียวกันจำนวนมากในโบสถ์ต่างๆหลายแห่งของเยอรมนี 
และในคืนวันที่ 14-15 กรกฎาคม ประตูระบายน้ำแห่งสวรรค์ได้เปิดออกทางตะวันตกของเยอรมนี และเกิดน้ำท่วมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ 
ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในหลายส่วนของโลก 
และในวันที่ 12 เมษายน 2021, ระหว่างพิธีมิสซา, พระกุมารทรงจุ่มคทาลงในถ้วยพระโลหิตของพระเยซู, ซึ่งพระสงฆ์กำลังถืออยู่ในมือของท่าน 
แล้วพระกุมารทรงประพรมพระโลหิตไปยังบางประเทศในโลก ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน สหรัฐอเมริกา .และยุโรป 
และตรัสว่า: 
“ประชาชนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา, และพวกเขาไม่ตระหนักว่าซาตานกำลังพยายามนำพวกเขาไปสู่สงคราม 
ประกายไฟของศัตรูสามารถลุกลามไปทั่วโลก 
ประกายไฟนี้อาจกลายเป็นหายนะสำหรับโลกทั้งใบ 
และทรงขอร้องว่า 
“สวดภาวนา,ทำพลีกรรม,สำนึกผิดกลับใจ,ทำความดี” 
และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 รัสเซียก็บุกยูเครน
 
* * * * * * *  
พระเยซูกุมารแห่งปราก ประจักษ์ในวันที่ 25 มีนาคม 2022 
เป็นเวลาก่อน 17.00 น (เวลาที่Sievernich,เยอรมนี เป็นช่วงเวลาก่อนที่พระสันตปาปาฟรังซิสประกอบพิธีถวายรัสเซียและยูเครนแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระ)  
 
มานูเอลา – ฉันเห็นทรงกลมทองคำขนาดใหญ่ที่มีทรงกลมเล็กกว่าสองดวงลอยอยูในท้องฟ้า พระเยซูกุมารแห่งปรากประทับอยู่ในทรงกลมทองคำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยแสงสว่างอันน่าอัศจรรย์ใจ พระองค์ทรงสวมมงกุฎทองคำที่สวยงาม,นัยน์ตาสีฟ้าและผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มสั้นๆ พระองค์ทรงสวมเสื้อยาวและเสื้อคลุมแห่งพระโลหิตอันทรงคุณค่า ที่พระหัตถ์ขวาทรงถือคธาทองคำใหญ่ที่สวยงาม บนคธา,ฉันเห็นกางเขนทองคำใหญ่ ในพระหัตถ์ซ้าย,ทรงถือหนังสือทองคำ พระเยซูทรงอวยพรพวกเรา 
 
“ในพระนามพระบิดา,และพระบุตร –ซึ่งคือเรา – และพระจิต อาแมน”  
 
บัดนี้,ทรงกลมเล็กกว่าสองดวงได้เปิดออกและทูตสวรรค์สององค์อยู่ในทรงกลมนี้ ทูตสวรรค์สวมอาภรณ์สีขาวและมีผมสีบลอนด์ยาวถึงบ่า พวกท่านถือเสื้อคลุมของพระมหากษัตริย์แห่งสวรรค์และแผ่เสื้อคลุมนี้เหนือพวกเราเหมือนกับเต็นท์ และทูตสวรรค์คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์พระเยซูเจ้า,ท่านลอยอยู่ในอากาศ นี่เป็นการถวายบังคมอย่างสูงของทูตสวรรค์ต่อองค์พระมหากษัตรย์แห่งสวรรค์ แล้วนั้นพระมหากษัตรย์ตรัสกับพวกเราว่า 
 
“ณ.ที่แห่งนี้ เราได้เรียกพวกท่าน,เราได้เลือกสถานที่แห่งนี้ นี่คือสถานที่ลี้ภัยของพวกท่าน เราทำสิ่งนี้ในพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเรา 
 
จงอ่านพระคัมภีร์!พระวาจาของพระบิดานิรันดร ผู้ใดก็ตามที่รู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเรียกเราด้วยนามของเรา ผู้ใดก็ตามที่รู้จักพระคัมภีร์ก็จะรู้ว่ามีพระบิดาในสวรรค์,พระองค์คือพระบิดานิรันดร ผู้ใดก็ตามที่รู้จักพระคัมภีร์ก็รู้จักเรา ท่านจะเรียกเราด้วยนามของเราได้อย่างไร ถ้าท่านปฏิเสธพระคัมภีร์? พระบิดานิรันดรมิได้ทรงจารึกทุกคำของพระคัมภีร์หรอกหรือ?  
 
ถึงตอนนี้พระเยซูทรงถือคธาไว้เหนือดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และคธาก็ได้กลายเป็นที่พรมพระโลหิตอันทรงคุณค่า พระกุมารเยซูผู้ทรงเมตตาได้พรมพระโลหิตที่พวกเราและประชาชนจำนวนมากที่ระลึกถึงพระองค์ในความคิดของพวกเขา พระเยซูทรงชี้ให้เห็นในเรื่องนี้ ประชาชนที่กำลังสวดภาวนาตามคำขอในจดหมายก็ได้รับการพรมพระโลหิตเช่นกัน 
 
“ในพระนามพระบิดา,และพระบุตร –ซึ่งคือเรา – และพระจิต อาแมน”  
 
ถ้าพวกท่านไม่สำนึกผิดกลับใจ,ท่านจะไม่มีอนาคต จงสวดภาวนา,ทำพลีกรรม,สำนึกผิด!ชดเชยใช้โทษบาป! จงใส่ใจในวาจาของเราอย่างจริงจัง ถ้าพวกท่านทำตามสิ่งที่เราบอก,จะไม่มีโรคระบาดและไม่มีสงคราม สำนึกผิดในบาปของท่าน!อันเนื่องมาจากการไม่เชื่อในพระเจ้าของพวกท่าน สงครามนี้ได้เริ่มขึ้น จงสวดภาวนาสำหรับประชาชนชาวยูเครนที่ถูกกดขี่ สวดภาวนาสำหรับการกลับใจของรัสเศีย เด็กๆจำนวนมากถูกฆ่าที่นั่น”  
 
พระกุมารเยซูผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้บอกดิฉํนว่าในรัสเซียมีการทำแท้งเกิดขึ้นมากมายและตรัสว่า 
 
“ถ้าพวกท่านยังคงทำบาปต่อไป,จะมีสงครามที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอีก มันขึ้นอยู่กับพวกท่าน, วิญญาณทั้งหลายที่รัก,จงคุกเข่าวอนขอต่อพระบิดานิรันดรสำหรับพระเมตตาเถิด! สิ่งที่เราพูดกับพวกท่านเป็นการกระทำแห่งพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเรา เพราะเราคือพระมหากษัตริย์แห่งพระเมตตา”  
 
พระองค์ตรัสกับดิฉันเกี่ยวกับอนาคตของสังฆมณฑลอาเคน ดิฉันต้องเงียบไม่เปิดเผยในเรื่องที่ได้สนทนากัน พระเยซูทรงบอกดิฉันว่าพระรูปปั้นพระกุมารในรูปแบบของปรากนี้,วันหนึ่งจะได้รับการสวมมงกุฏในอาสนวิหารโคโลญจน์ พระกุมารเยซูยื่นพระบาทขวาออกมาให้ดิฉันนมัสการ ดิฉันจุมพิตที่พระบาทขวาและวอนขอพระเมตตาจากพระองค์ แล้วพระองค์ก็ทรงแสดงพระเมตตาต่อดิฉัน 
 
ดิฉันนอนลงที่พื้นและกางแขนออกเป็นรูปกางเขนและสวดภาวนาว่า 
 
"ข้าแต่พระเยซู,โปรดทรงพระเมตตาต่อพวกเราและต่อโลกทั้งมวลด้วยเทอญ”(แปดครั้ง)  
 
ดิฉันวอนขอต่อพระกุมารเยซูให้ทรงประทานสันติภาพแก่โลก,การกลับใจของคนบาปที่น่าสงสาร,และการสิ้นสุดของโรคระบาดและสงครามและการทำแท้ง 
 
พระมหากษัตริย์แห่งสวรรค์ทอดพระเนตรมาที่พวกเราและตรัสว่า“เราจะกลับมา,ลาก่อน(Adieu!)"  
 
พระกุมารเยซูผู้เปี่ยมด้วยเมตตาก้าวกลับเข้าไปในลูกบอลแสงสีทอง และทูตสวรรค์ก็กลับเข้าไปในทรงกลมแห่งแสงของพวกท่าน ทั้งหมดก็เล็กลงจนหายไป 
 
นี่คือสิ่งที่เราอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับการประจักษ์ของแม่พระและพระกุมารเยซูแห่งปรากแก่มานูเอลา สแเตร็ค ในเมืองซีเวอร์นิช 
และอยากจะถามคุณว่าคุณเชื่อไหมว่าพระเจ้ากำลังทรงชำระโลกให้บริสุทธิ์?และคุณได้ปฏิบัติตามที่พระเยซูเจ้าและแม่พระทรงขอร้องแล้วหรือไม่?
 

 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น