from Mary’s Blog
ผมรู้สึกเหมือนถูกชกที่ท้องเมื่อได้ยินว่าอาจมีฉากในภาพยนตร์เรื่อง Padre Pio ที่กำลังจะมาเข้าฉายและนาย Shia LaBeouf แสดงเป็นคุณพ่อปีโอ ในภาพยนตร์นี้มีบทที่คุณพ่อปีโอสาปแช่งผู้หญิงคนหนึ่งในการฟังสารภาพบาปของเธอ อย่าเข้าใจผมผิด,ผมดีใจที่นาย Shia LaBeouf กลับใจเป็นคาทอลิกเมื่อแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ และนี่เป็นโอกาสแห่งความปิติยินดีอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม,ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่ได้ยินว่านาย Shia ค่อนข้างมั่นใจว่าคุณพ่อปิโอพูดสาปแช่งในการฟังสารภาพบาปเมื่อเขาถูกสัมภาษณ์โดยบิชอปบาร์รอน แต่ผมคิดว่านี่อาจเป็นความเข้าใจผิดของเขา ผมยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และผมหวังว่าคำว่า "สาปแช่ง" จะไม่หมายถึงการที่คุณพ่อปีโอใช้คำพูดหยาบคายหรือดูหมิ่น มีคนที่ถามผมว่า "แล้วคุณพ่อปีโอเคยสาปแช่งไหม" คำตอบคือไม่ คุณพ่อปิโอไม่เคยสาปแช่งผู้ที่มาสารภาพบาปกับท่านเลย และไม่มีบันทึกว่าท่านเคยสาปแช่งใครตลอด 81 ปีในชีวิตของท่านตั้งแต่เกิดในปี 1887 จนเสียชีวิตในปี 1968 ตอนที่ท่านยังเป็นเด็ก,แม่ของท่านยอมรับความเจ็บปวดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายของเธอจะไม่สาปแช่งผู้ใด ต่อมา,เมื่อท่านบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว,คุณพ่อปีโอใช้คำดูถูกบางคำเพื่อชี้นำผู้สำนึกผิดบางคนเมื่อพวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าท่าน แต่ท่านมีเหตุผลที่ดีเสมอในการทำเช่นนั้น อันที่จริงแล้ว,อย่างน้อยก็มีครั้งหนึ่งที่คุณพ่อปีโอตะโกนและพูดคำดูถูกเพื่อช่วยชีวิตของคนผู้หนึ่ง
ในอิตาลีตอนใต้ของทศวรรษที่1890,ช่วงเวลาที่คุณพ่อปีโอยังเป็นเด็ก การสาปแช่งและการพูดดูหมิ่นในบางครั้ง,เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้คน,อันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เป็นเช่นนั้น บางครั้งผู้คนอธิษฐานภาวนาอย่างแรงกล้า แต่เมื่อคำอธิษฐานของพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนอง,พวกเขาก็พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าในที่สาธารณะ ในวัยเด็ก,คุณพ่อปีโอถูกเรียกว่า "Franci" (Fran'chee) มารดาของท่าน,จูเซปปา ฟอร์จิโอเน,มีนิสัยอย่างหนึ่งที่ทำเสมอ นั่นคือเมื่อเธอได้ยินคำพูดดูหมิ่นพระเจ้าหรือคำพูดหยาบคาย,เธอจะคุกเข่าลงทันทีและพูดออกมาดังๆว่า "สาธุการแด่พระเจ้า!" การชดใช้นี้เป็นการตำหนิผู้ที่พูดสาปแช่งในที่ทำงานของเธอและมันอาจจะชนะใจศัตรูของเธอ เธอทำเช่นนี้เสมอ เธอไม่ใช่แม่ที่เข้มงวดมากแต่จะเข้มงวดในเรื่องนี้เพื่อทำให้แน่ใจว่าลูกชายของเธอ Franci จะไม่พูดคำสาปแช่งใดๆและเธอสั่งเขาอย่างจริงจังให้หลีกหนีใครก็ตามที่พูดคำพูดสาปแช่งหรือคำพูดดูหมิ่นประมาทต่อผู้อื่นโดยไม่คำนึงว่าพวกเขาเป็นใคร เพราะมันแสดงถึงความไม่เคารพต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์
ครอบครัว Scocca เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของครอบครัวนางฟอร์จิโอเน,มารดาของคุณพ่อปีโอ และทั้งสองครอบครัวต่างก็พึ่งพาอาศัยกันมาก เพื่อนที่ดีที่สุดของ Franci ในช่วงวัยเด็กคือ Mercurio Scocca และวันหนึ่ง,พวกเขาทั้งคู่ไปเลี้ยงแกะและเมื่อพวกเขาเบื่อพวกเขาก็เริ่มเกมมวยปล้ำ ขณะที่เด็กชายทั้งสองพยายามจะตรึงอีกฝ่ายไว้กับพื้น เมอร์คิวริโอก็พูดคำสาปแช่ง ฟรานซีกระโดดขึ้นและหนีไปทันที สิ่งนี้อาจทำให้ครอบครัว Scocca รู้สึกว่าถูกดูถูก (หากพวกเขาหลงตัวเองพวกเขาจะไม่พอใจ Franci ตัวน้อยที่ไม่พอใจที่ Mercurio พูดคำสาปแช่ง) แต่กลับทำให้ Mercurio รู้สึกประทับใจและรับรู้ว่าการพูดสาปแช่งและพูดหมิ่นประมาทนั้นเป็นบาปที่น่าสยดสยอง
นางจูเซปปารู้สึกไม่สบายใจกับการพูดดูหมิ่นศาสนาและจะลงโทษอย่างรุนแรงต่อลูกๆของเธอมากกว่าการทำผิดอื่นๆ เธอรู้สึกว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าอาชญากรรม
เมื่อคุณพ่อปีโอบวชเป็นพระสงฆ์,ท่านเห็นว่าปีศาจจะอยู่ใกล้กับผู้ที่พูดดูหมิ่นและพูดสาปแช่ง ท่านรู้เรื่องนี้เพราะท่านเห็นซาตานสบายใจเมื่อใครบางคนใช้คำหยาบคายต่อพระเจ้าโดยเจตนา สิ่งนี้ถูกเปิดเผยในนิมิตของซิสเตอร์มารีย์แห่งนักบุญเปโตร เธอได้รับการไขแสดงให้เห็นว่าซาตานเองเป็นผู้นำของวิญญาณที่พูดจาหมิ่นประมาทต่อพระเจ้า ในส่วนของภาพยนตร์ที่มีภาพของคุณพ่อปีโอใช้คำพูดสาปแช่งนั้น,นี่เป็นภาพที่ผิดพลาดของคุณพ่อปีโอที่ทำให้ดูเหมือนว่าท่านอยู่ภายใต้อิทธิพลของปีศาจ
แต่ในขณะที่คุณพ่อปีโอไม่เคยสาปแช่งใคร,ท่านก็อาจมีอารมณ์โกรธได้ในการฟังสารภาพบาป ในฐานะพระสงฆ์หนุ่ม,เมื่อตอนที่ท่านเพิ่งมีชื่อเสียงและได้ฟังสารภาพบาปนานเป็นเวลา 19 ชั่วโมงต่อวัน ท่านปรึกษากับผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของท่านว่า บางครั้งท่านควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม,อารมณ์ที่ปะทุขึ้นเหล่านี้ทำให้คุณพ่อปีโอถ่อมตนลง เพราะท่านรู้สึกถึงความอ่อนแอของมนุษย์ในตัวท่าน และด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความเห็นอกเห็นใจต่อคนบาปมากขึ้น แต่ช่วงเวลาแห่งความโกรธนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการพูดสาปแช่งและ/หรือพูดดูหมิ่นศาสนา คุณพ่อปีโอไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียและท่านก็รู้สึกเสียใจอย่างมากในภายหลังและสำนึกผิด ยิ่งไปกว่านั้น,เมื่อคุณพ่อปีโอใช้คำศัพท์เปรียบเปรย,สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การดูหมิ่นหรือคำสาปแช่งเลย เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คำตำหนิด้วยความโกรธของคุณพ่อปีโออาจถูกมองว่าเป็นการดูหมิ่นหรือการสาปแช่ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ความโกรธของคุณพ่อปีโอเป็นสิ่งชอบธรรม - และท่านโยนชายคนหนึ่งที่วางแผนจะฆ่าภรรยาของเขาด้วยคำพูดว่า - "ไปให้พ้น, ไปให้พ้น! ไปให้พ้น! คุณไม่รู้ว่าการฆ่าผู้อื่นเป็นเรื่องต้องห้าม?” บางครั้งคุณพ่อปีโอก็ใช้การตำหนิอย่างระมัดระวัง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านเรียกชายคนหนึ่งที่คบชู้ - เขาเป็นสามีที่นอกใจภรรยาของเขา - ท่านเรียกเขาว่า "แมลงสกปรก" สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความโสโครกของบาปของผู้ชายเมื่อเขาเล่นชู้กับผู้หญิงสองคน - ภรรยาที่ต้องอดกลั้นไว้นานที่บ้านและผู้หญิงอีกคน ผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ แต่ชีวิตส่วนตัวของเขานั้นสกปรกมากจนทำให้ชีวิตของเขาพังยับเยินด้วยขยะแห่งการนอกใจของเขาและให้ตัวอย่างที่เลวร้ายแก่สามีคนอื่น
มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจเมื่อคุณพ่อปีโอตะโกนด่าว่า Mary Pyle ลูกศิษย์สุดที่รัก วันหนึ่ง,เมื่อ Mary Pyle คุกเข่าต่อหน้าคุณพ่อปีโอเพื่อสารภาพบาป ท่านตะโกนให้ทุกคนได้ยินว่า " SCIAGURATA!" ซึ่งหมายความว่า "คนชั่วช้าสามานย์" เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อปีโอจึงทำให้ Mary Pyle ได้รับความอับอายด้วยวิธีนี้และทำไมท่านจึงตั้งใจให้ผู้หญิงคนอื่นๆที่กำลังรอสารภาพบาปกับท่านจะได้ยินคำพูดของท่าน Mary Pyleเกิดที่แมนฮัตตัน,นิวยอร์ก และเป็นผู้มั่งคั่ง เธอมาอาศัยอยู่ใกล้กับคุณพ่อปีโอและมอบมรดกส่วนใหญ่ของเธอให้กับการกุศล ซึ่งรวมถึงการสร้างสามเณราลับในเมือง Pietrelcina บ้านเกิดของคุณพ่อปีโอด้วย แต่ช่วงเวลาที่คุณพ่อปีโอตะโกนด่าเธออย่างนั้นคือในปี 1933 "การถูกสั่งห้าม" ของท่านเพิ่งจะสิ้นสุดลง ขณะนั้นเป็นเวลา 2 ปีที่ท่านเหมือนถูกขังอยู่ ท่านถูกห้ามมิให้ฟังสารภาพบาป,และอนุญาตให้ประกอบพิธีมิสซาเฉพาะส่วนตัวทุกวันเท่านั้นซึ่งไม่มีสัตบุรุษคนใดสามารถเข้าร่วมได้ ในหนังสือเรื่อง Padre Pio ของผมที่กำลังจะออกจำหน่ายนั้น,ผมได้กล่าวถึงพระสงฆ์ที่อยู่เบื้องหลังการกดขี่ข่มเหงนี้ Mary Pyleเข้ามามีส่วนในการกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมต่อคุณพ่อปีโอ,การกล่าวโทษอย่างไม่ยุติธรรมต่องานรับใช้ของคุณพ่อปีโอ ทำให้ท่านถูกสั่งห้ามการอภิบาลสัตบุรุษเป็นเวลา 2 ปี และสตรีในท้องถิ่นบางคนคิดว่าเธอช่วยทำให้เกิดการกดขี่ข่มเหงต่อคุณพ่อปีโอ เธอยังเป็นเป้าหมายของความอิจฉา ต่อมาคุณพ่อปีโออธิบายกับ Mary Pyle ว่าทำไมท่านถึงพูดจาใส่ร้ายเธอต่อหน้าผู้หญิงที่ตำหนิเธออย่างไม่ยุติธรรมว่า "ผู้หญิงบางคนคงจะฆ่าเธอเพราะความขุ่นเคืองในใจที่พวกเขามีต่อเธอ"
*******************
บทความนี้นำมาจากหนังสือ Padre Pio ของ Ruffin, The True Story และ The Golden Arrow ซึ่งมีจำหน่างที่ร้านหนังสือ Spirit Daily และมาจากหนังสือ Padre Pio and America ของ Frank M. Rega ที่ร้านหนังสือ Tan Books
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น