จาก Forums of the Virgin Mary :
การเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนทางศีลธรรมของพระศาสนจักรคาทอลิกจะเกิดขึ้นโดยผ่านการประชุมไซนอดและนั่นจะทำให้เกิดความแตกแยก
ในช่วง 2 หรือ 3 ปีที่ผ่านมา,พระสันตปาปาฟรังซิสทรงจัดให้มีการประชุมไซนอดขึ้นในพระศาสนจักรท้องถิ่นทั่วโลก เป็นการประชุมที่ถือว่าฆราวาสและพระสังฆราชจะตัดสินใจเกี่ยวกับหลักคำสอนและการดูแลอภิบาลของพระศาสนจักร และสิ่งต่างๆเกี่ยวกับหลักคำสอนอาจสามารถเปลี่ยนแปลงได้
พระศาสนจักรเยอรมันได้กระทำสิ่งนี้แล้ว
และยังได้รับการสนับสนุนทางอ้อมจากไซนอดทั่วไปของพระศาสนจักรหลายแห่งด้วย โดยได้มีการแต่งตั้งผู้รายงานความก้าวหน้าทั่วไป(general rapporteur)คือ พระคาร์ดินัล ฌอง-คล็อด ฮอลเลอริช(Cardinal Jean-Claude Hollerich) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าท่านรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนเรื่องศีลธรรมทางเพศที่เป็นแบบประเพณีดั้งเดิมของพระศาสนจักรซึ่งมีที่มาจากพระคัมภีร์
แต่การเคลื่อนไหวที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนนี้ไม่ได้ส่งผลเฉพาะต่อพระศาสนจักรเยอรมนี,ยุโรป,หรือผู้นำในวาติกันเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวนี้มีผลในระดับต่างๆทั่วทั้งพระกายของพระคริสต์
และสวรรค์ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม? เพราะควรจะได้บอกจุดยืนในเรื่องนี้อย่างที่เคยมีมาตลอดประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร
ในที่นี้เราจะพูดถึงสิ่งที่สวรรค์กำลังบอกกับผู้ได้รับนิมิตบางคนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของการเปลี่ยนแปลงในพระศาสนจักรนี้และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มีการเตือนไว้
การประชุมไซนอดในเยอรมนี,ได้มีการเสนอให้เปลี่ยนแปลงหลักคำสอนทางศีลธรรมของพระศาสนจักรเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยของเราและให้นำมาใช้ทันที,การประชุมไซนอดของเยอรมนีได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2022
ในการประชุมนี้,ผู้แทนหลายคนกล่าวถึงการที่คริสตชนจำนวนมากที่ละทิ้งพระศาสนจักรในเยอรมนีไปและกล่าวว่าการละทิ้งนั้นจะหยุดได้ด้วยการปฏิรูปที่เด็ดขาดในหลักคำสอนของพระศาสนจักรเท่านั้น
คนอื่นๆยังพูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศของพระสงฆ์และแย้งว่าพระศาสนจักรเป็นหนี้เหยื่อเหล่านี้ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหลักคำสอนเพื่อไม่ให้เกิดกรณีนี้ขึ้นอีก
ดังนั้น,ทางแก้สำหรับปัญหาที่สำคัญที่สุดของพระศาสนจักรจึงจำเป็นต้อง(สำหรับพระศาสนจักรเยอรมัน)ละทิ้งหลักคำสอนที่พระเยซูคริสต์ทรงประกาศแก่เหล่าอัครสาวกและเข้าร่วมในการเทศนาด้วยจิตวิญญาณแห่งกาลเวลา
พวกเขา(พระสังฆราชชาวเยอรมันหลายคน)ลืมนึกถึงผลลัพท์ที่น่าเศร้าของการประยุกต์ใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าจิตวิญญาณของสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง
เอกสารในจดหมายของสังคายนาไม่ได้ให้อำนาจอย่างชัดเจนในการตีความของพวกนิยมลัทธิสมัยใหม่ ซึ่งเสนอให้ตัดขาด/ยกเลิกธรรมประเพณีดั้งเดิมของพระศาสนจักรที่มาจากอัครสาวกผู้ดำรงชีวิตอยู่กับพระเยซูเจ้า
และพวกเขาก็ใช้จิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติที่จะเปลี่ยนแปลงพระศาสนจักรอย่างรุนแรงด้วยความช่วยเหลือจากสื่อสารมวลชน
ปัญหาในปัจจุบันของพระศาสนจักรสากล อาทิเช่น มีการแพร่กระจายอย่างมากของนักบวชชายหญิงและพระสงฆ์ที่เลิกสวมใส่เครื่องแบบของพวกเขา,กระแสเรียกที่ลดลงอย่างรวดเร็วในการเป็นนักบวชและพระสงฆ์,และจำนวนของผู้เข้าร่วมพิธีมิสซาที่ลดลง - ปัญหาเหล่านี้พระศาสนจักรสากลยังไม่สามารถกระทำการในระดับใดๆเพื่อพลิกฟื้นให้กลับคืนมาได้.
อย่างไรก็ตาม,ทางวาติกันนั้นค่อนข้างอนุรักษ์นิยมมากกว่าหากเราเปรียบเทียบกับสิ่งที่พระศาสนกรเยอรมันกำลังจัดทำขึ้น (หรือพยายามทำ)
ในเซสชั่นการประชุมของเดือนกันยายน 2022,ทางไซนอดของเยอรมันได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนเกี่ยวกับคน"ข้ามเพศ"ที่อยู่ในพระศาสนจักร,ศีลธรรมทางเพศ,และพระสงฆ์ที่ไม่แน่ใจในเพศสภาพของตน(non-heterosexual priests)
เอกสารดังกล่าวเสนอให้มีการยอมรับผู้ที่ไม่แน่ใจในเพศของตนว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพระสงฆ์,และเสนอการปฏิรูปคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งกล่าวว่าการกระทำของพวกเขาหาใช่ความไร้ระเบียบโดยเนื้อแท้(intrinsically disordered), เลขที่ 2357 ถึง 2359
นอกจากนี้ยังรับเอาข้อความเกี่ยวกับบทบาทของสตรีในพระศาสนจักร, นอกเหนือไปจากการประกาศพระวรสารโดยฆราวาส (ซึ่งมีสตรีอยู่ด้วย) ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการเข้าถึงฐานะพระสงฆ์ของสตรีในท้ายที่สุด
และในที่สุด,ชาวเยอรมันก็อนุมัติให้จัดตั้งสภาไซนอดถาวรที่จะดูแลพระศาสนจักรในเยอรมนี ซึ่งหมายความว่าจากนี้ไปการประชุมร่วมกันระหว่างฆราวาสและพระสงฆ์จะตัดสินว่าอะไรดีและไม่ดีสำหรับหลักคำสอนคาทอลิกและการดูแลอภิบาล
บางคนอาจบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะอยู่ในพระศาสนจักรของเยอรมันเท่านั้น
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น,มันคือการเคลื่อนไหวของโลกทั้งโลกที่จะระเบิดปะทุขึ้นในสถานที่อื่นๆ เมื่อมันได้รับความแข็งแกร่งขึ้น
ในการประชุมสมัชชาไซนอดเยอรมันในสมัยนั้น,มีการอนุมัติให้จัดพิธีอวยพรคู่รักเพศเดียวกันด้วย
และในขณะนั้นเอง พระสังฆราชชาวเฟลมิช-เบลเยียม กล่าวคือ พระสังฆราชที่พูดภาษาดัตช์,ได้อนุมัติให้สามารถอวยพรและอนุมัติรูปแบบพิธีกรรมพระวาจาและการสวดภาวนา,สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน อันเป็นการท้าทายคำสั่งของทางวาติกันที่ไม่ให้กระทำ
พระศาสนจักรสามารถอวยพรคู่รักที่ไม่แน่ใจในเพศของตนได้เสมอ แต่การอวยพรแก่สหภาพคู่รักเพศเดียวกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการบอกเป็นนัยถึงการกระทำที่ไม่เป็นระเบียบ
เพราะพระศาสนจักรไม่สามารถอวยพรคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันอย่างไม่ถูกต้องได้(ไม่ได้ประกอบพิธีศีลสมรสจากพระศาสนจักร)
การอนุญาติให้อวยพรคู่สามีภรรยาที่อยู่นอกศีลสมรสมีความเสี่ยงสูงที่จะบ่อนทำลายการอวยพรและบ่อนทำลายคำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับศีลธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงาน
และในกรณีของคู่รักที่ไม่แน่ใจในเพศของตน,มันยังหมายความถึงการบ่อนทำลายจริยธรรมทางเพศของพระศาสนจักรด้วย
การเคลื่อนไหวของพระศาสนจักรแห่งเยอรมนีและพระสังฆราชเฟลมิช-เบลเยียมเหล่านี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากพระสังฆราชหลายองค์และจากการประชุมสภาสังฆราชของประเทศต่างๆ ซึ่งเรียกร้องให้พระสันตะปาปาปฏิเสธการเคลื่อนไหวเหล่านี้และตำหนิพวกเขา [ซึ่งในหลายกรณีพระองค์ทรงกระทำ]
แต่อย่างไรก็ตาม,บนเว็บไซต์ Facebook ของ Synod of Synodality of the Church นั่นคือกระบวนการที่วาติกันกำลังดำเนินการและจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2023 ,รูปภาพที่ส่งเสริมเรื่องดังกล่าวนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2022 โดยแสดงรูปภาพของผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัว เป็นพระสงฆ์และชายหนุ่มที่ส่งเสริมกลุ่มของคนรักร่วมเพศ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง,ข้อเสนอของพระศาสนจักรแห่งเยอรมนีและพระศาสนจักรที่พูดภาษาเฟลมิชแห่งเบลเยียมนั้นกำลังได้รับการส่งเสริมโดยสภาไซนอดของพระศาสนจักร ถึงแม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่าจะไม่ได้มีการตัดสินใจในเรื่องนี้
และสวรรค์มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? มีข้อความส่งถึงผู้ได้รับสาส์นนิมิตเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
มีทั้งทางตรงและทางอ้อม,และเนื่องจากสาส์นเหล่านั้นได้มอบให้แก่ผู้ได้รับนิมิตที่น่าเชื่อถือหลายคน,จึงต้องถือว่าสาส์นเหล่านั้นเป็นสาส์นเดียวกัน
เพราะในความเป็นจริง พระแม่มารีย์และพระเยซูคริสต์ทรงมอบสาส์นเดียวให้แก่โลก ซึ่งประทานแก่ผู้รับสาส์นต่างๆกันเพื่อที่พวกเขาจะได้เผยแพร่มัน
ผู้ได้รับสาส์นทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกประณามหรือได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากทางพระศาสนจักร และพระสังฆราชของพวกเขาได้แต่งตั้งพระสงฆ์เพื่อให้คำแนะนำแก่พวกเขา.
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2022,พระกุมารเยซูแห่งปาร์กทรงบอกกับมานูเอลา สตาร์ค,ชาวเยอรมันว่า “ความมืดจะปกคลุมพระศาสนจักร,เราอนุญาติให้การทดลองครั้งใหญ่มาถึงพวกลูกในปีนี้”
แต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พระกุมารเยซูทรงบอกกับเธอว่า “เพื่อนที่รัก,เราต้องยอมรับว่าเป็นผู้ถวายตัวแล้วที่ได้กระผิดในประเทศเยอรมนี พวกเขากำลังสร้างหอคอยแห่งบาเบลขึ้นใหม่ แต่เราคือพระเจ้า” และพระองค์ตรัสอีกว่า “พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นพระวจนะของพระบิดานิรันดร์ พระบัญญัติของพระองค์เป็นบัญญัติของเราด้วย จงปฏิบัติตาม
“ซาตานพยายามหลอกลวงวิญญาณ,ลูกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์เวทนา
“เป็นบุญของผู้ที่ยึดมั่นในพระวาจาของเรา!จงตรวจสอบทุกสิ่งที่ลูกได้ยินและอ่าน, เพราะในเวลานี้ซาตานกำลังล่อลวงวิญญาณ”
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2021,พระองค์ทรงตรัสชัดเจนยิ่งขึ้น,พระองค์ตรัสกับมานูเอลลาว่า “การทดสอบที่เราประกาศแก่ลูกก็คือไซนอดที่จะมาถึง จงสวดภาวนา,ทำพลีกรรฒ,ทำกิจใช้โทษบาปเถิด!”
และมานูเอลาก็แสดงความคิดเห็นว่า
“พระเยซูเจ้าแสดงให้ฉันเห็นว่าพระศาสนจักรของพระองค์กำลังถูกศัตรูทำลายที่ฐานราก อย่างไรก็ตาม,มันจะถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งโดยคนที่เชื่อในพระองค์”
นอกจากนี้,ในวันที่ 26 มิถุนายน 2022,แม่พระแห่งซาโรแห่งอิตาลี,ซึ่งปัจจุบัน,ผู้ได้รับนิมิตคนหนึ่งได้บวชเป็นพระสงฆ์แล้วและยังคงร่วมกิจกรรมกับผู้ได้รับนิมิตคนอื่นๆ พระแม่ได้แสดงให้ผู้เห็นนิมิตชื่อแองเจลาเห็นโบสถ์ซานปิเอโตรในกรุงโรม(San Pietro in Rome)ถูกปกคลุมไปด้วยควันดำมหึมาและต่อเนื่องมาเป็นภาพของโบสถ์หลายแห่งถูกปิดตาย
และพระนางตรัสว่า “พระศาสนจักรจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จะมีการแตกแยกครั้งใหญ่”
และในเวลานั้น,ราวกับเสาทั้งหมดรอบๆโบสถ์เซนต์ปีเตอร์สั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2022,แม่พระราชินีแห่งสันติภาพตรัสกับคริสตินา กัลลาเกอร์แห่งไอร์แลนด์ว่า “พระบุตรของแม่จะถูกลิดรอนจากตำแหน่งของพระองค์ในพระศาสนจักรของพระองค์ พระองค์จะถูกขับไล่ออกไป แอนตี้ไครส์มีอิทธิพลเรียบร้อยแล้วต่อสิ่งที่ต้องทำและเตรียมที่จะนั่งบัลลังก์ของเปโตร ในบรรดาคนวงใน,การทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นไม่อาจบรรยายได้” [ด้วยความเข้าใจที่รอบคอบของเรา]
ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2022,แม่พระทรงประทานสาส์นต่างๆแก่เปโดร เรจิส,ผู้ได้รับสาส์นอีกคนหนึ่งในบราซิล โดยบอกเขาว่า “ลูกกำลังก้าวไปสู่อนาคตแห่งการทำลายล้างทางวิญญาณครั้งใหญ่ และน้อยคนนักที่จะยืนหยัดในความเชื่อ”
และพระนางตรัสอีกว่า “หลายคนจะถูกลากเข้าไปในหล่มของหลักคำสอนเท็จเพราะพวกเขาหลงทางจากความรักแห่งความจริง ความสับสนครั้งใหญ่จะกระจายไปทุกหนทุกแห่ง แต่ผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระเยซูจะได้รับชัยชนะ”
พระนางยังบอกเขาด้วยว่า “การเพิกเฉยต่อความจริงจะทำให้ความตาบอดฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นในผู้ถวายตัวหลายคน กฎแห่งสวรรค์จะถูกดูหมิ่นและความมืดทางวิญญาณจะปรากฏทุกที่ สิ่งที่เป็นความเท็จจะได้รับการยอมรับ และพระสงฆ์,บุตรที่น่าสงสารของเราจะเดินเหมือนคนตาบอดนำทางคนตาบอดคนอื่นๆ”
และในวันที่ 15 สิงหาคม 2021,พระแม่มารีบอกกับ Gisella Cardia ในอิตาลีว่า “อีกไม่นานจะเกิดความแตกแยกในพระศาสนจักร ทุกสิ่งจะพังทลาย พระบิดาของแม่จะทรงเขย่ารากฐาน
“บรรดาพระสงฆ์,ลูกชายสุดที่รักของแม่,ที่ติดตามหลักคำสอนที่แท้จริง(true Magisterium) อย่ากลัวเลย,เพราะลูกจะทำให้พระศาสนจักรที่กลับฟื้นคืนชีพของแม่รุ่งเรืองยิ่งขึ้น,ร่วมกับผู้ซื่อสัตย์ทั้งหลายของแม่”
และพระนางตรัสอีกว่า “แต่ลูกน้อยทั้งหลาย,ในเวลานี้ลูกจะถูกเพื่อนและครอบครัวข่มเหง แต่ทูตสวรรค์ของแม่จะปกป้องลูกเสมอ จำไว้ว่าความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่มอบให้ในจิตวิญญาณแห่งความเชื่อนั้นเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า,เพื่อการชำระล้างลูกให้บริสุทธิ์”
เรานำเสนอ,ท่านเป็นผู้พิจารณา
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น