วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

คำแนะนำสู่ชีวิตศรัทธา 3/3

 


คำแนะนำสู่ชีวิตศรัทธา 
โดยนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์  
ตอนที่3,บทที่3 
ความอดทน
 
“ท่านจำเป็นต้องมีความอดทน,เพื่อว่าหลังจากที่ท่านทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าแล้ว,ท่านจะได้รับพระสัญญา” นักบุญเปาโลกล่าว;และพระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “ในความอดทนของท่าน ท่านจะได้ครอบครองวิญญาณของท่าน” ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้ใดไม่ว่าก็คือ "การครอบครองจิตวิญญาณของเขา" และยิ่งความอดทนของเราสมบูรณ์มากเท่าไร,เราก็จะยิ่งครอบครองจิตวิญญาณของเรามากเท่านั้น พึงระลึกไว้เสมอว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงไถ่เรามาด้วยการแบกรับความทุกข์ และในลักษณะเดียวกัน,เราต้องแสวงหาความรอดของเราเองท่ามกลางความทุกข์และสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ อาทิเช่น อดทนต่อการดูหมิ่น,อดทนต่อความขัดแย้ง,และปัญหาต่างๆ,ด้วยความสุภาพอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ อย่าให้ความอดทนของท่านจำกัดไว้เพียงแค่ความทุกข์แบบนี้หรือแบบนั้นเท่านั้น,แต่ขยายให้ครอบคลุมถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าอาจส่งมาหรือยอมให้เกิดขึ้นกับท่าน บางคนจะอดทนต่อบททดสอบที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของตนเองเท่านั้น เช่น ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ,กลายเป็นเชลยศึก,ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบเพื่อเห็นแก่ศาสนาของพวกเขา,ยากจนเพราะการทะเลาะวิวาท คนเหล่านี้ไม่ได้รักความทุกข์ยาก,แต่ยอมรับความทุกข์เพื่อเกียรติของตนเท่านั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่อดทนจริงๆต้องพร้อมที่จะแบกรับความทุกข์ยากลำบากที่ไร้ศักดิ์ศรีเหมือนดังเช่นคนที่มีเกียรติ ผู้กล้าหาญต้องสามารถทนต่อการถูกสบประมาท,การพูดให้ร้าย,การถูกกล่าวหาอย่างผิดๆจากโลกที่ชั่วร้าย แต่การทนรับความอยุติธรรมด้วยน้ำมือของคนดี,หรือเพื่อนและญาติ,เป็นการทดสอบความอดทนที่ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้ามีความเคารพในความสุภาพอ่อนโยนซึ่งนักบุญชาร์ลส์ บอร์โรมิโอผู้ยิ่งใหญ่,ที่ได้ทนรับคำตำหนิจากสาธารณชนเป็นเวลายาวนาน,และจากนักเทศน์ผู้มีชื่อเสียงของคณะปฏิรูปศาสนาที่กล่าวโจมตีท่าน,มากกว่าการโจมตีในกรณีอื่นๆทั้งหมดที่ท่านนักบุญแบกรับไว้ เพราะการถูกผึ้งต่อยนั้นเจ็บมากกว่าถูกแมลงวันต่อยฉันใด,บาดแผลหรือความขัดแย้งที่เรายอมอดทน,ที่มาจากคนดีนั้นก็ยากที่จะทนมากกว่าจากคนอื่นๆฉันนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมาก,และบางครั้งชายสองคน,ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีเจตนาดีตามรสนิยมของตัวเอง,แต่กลับสร้างความรำคาญต่อกันหรือแม้กระทั่งกลั่นแกล้งและต่อสู้กันอย่างสาหัส
 
จงอดทน,ไม่เพียงแต่ในส่วนที่เกี่ยวกับการทดลองใหญ่ที่มาก่อกวนท่าน,แต่ให้อดทนต่อเรื่องอันน่ารำคาญอื่นๆที่มาจากการทดลองเหล่านั้นด้วย บ่อยครั้ง,เรามักพบคนที่จินตนาการว่าตนเองพร้อมที่จะยอมรับการทดลองทั้งที่ตัวเองไม่มีความอดทนต่อผลที่ตามมา เราได้ยินชายคนหนึ่งพูดว่า "ฉันไม่ควรใส่ใจในความยากจน,ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกๆหรือต้อนรับเพื่อนอย่างสมเกียรติตามต้องการได้” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า "ฉันไม่ควรใส่ใจ,ถึงแม้ว่าโลกจะถือว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง" ในขณะที่อีกคนหนึ่งจะอดทนอดกลั้นต่อการถูกใส่ร้ายโดยไม่มีใครเชื่อคำแก้ต่างของเขา และเช่นกัน,อีกคนยอมรับปัญหาที่สร้างความยากลำบากเพียงด้านเดียว,แต่กลุ้มอกกลุ้มใจกับเรื่องอื่นๆ เช่น เชื่อว่าตนเองสามารถอดทนต่อความเจ็บป่วยได้,แต่กลับกลัวว่าตนจะไม่สามารถรับคำแนะนำในการรักษาที่ดีที่สุดได้,หรือกลัวว่าจะไม่มีความสะดวกกับเพื่อนของตน แต่ท่านจงแน่ใจเถิดว่าเราต้องยอมรับด้วยความอดทน,ไม่เพียงแต่ความเจ็บป่วยเท่านั้น,แต่ความเจ็บป่วยทุกอย่างที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะส่งมา,ในสถานที่ใดที่หนึ่ง,ในท่ามกลางผู้คน,และในสภาวการณ์ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ - นั่นคือเราต้องอดทนรับความยากลำบากอื่นๆทั้งหมด หากมีความยากลำบากใดๆมาสู่ท่าน,ให้ใช้การเยียวยาที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ท่าน การไม่ทำเช่นนี้เป็นการทดลองพระองค์ แต่เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว,ให้รอผลลัพท์ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม,ตามพระประสงค์ของพระองค์,ด้วยการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ หากพระองค์ทรงประสงค์ให้ความชั่วได้รับการเยียวยาแก้ไข,ก็จงขอบพระคุณพระองค์ด้วยความถ่อมตน แต่ถ้าพระองค์ประสงค์ให้ความชั่วเติบโตมากกว่าได้รับการเยียวยาแก้ไข,ก็จงถวายพระพรพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วยความอดทน
 
จงทำตามคำแนะนำของนักบุญเกรโกรี่ซึ่งกล่าวว่า: เมื่อท่านถูกตำหนิอย่างยุติธรรมสำหรับความผิดบางอย่างที่ท่านได้ทำ,จงถ่อมตัวลงอย่างที่สุดและสารภาพว่าท่านสมควรได้รับการตำหนินั้น ถ้าข้อกล่าวหาเป็นความเท็จ,ก็ให้ปกป้องตัวเองอย่างเงียบๆ,ปฏิเสธด้วยข้อเท็จจริง:โดยถือว่านี่เป็นเพียงการเคารพต่อความจริงและเป็นการสั่งสอนของเพื่อนบ้าน แต่ถ้าหลังจากที่ท่านได้แก้ต่างด้วยความจริงและความถูกต้องแล้ว,ท่านยังคงถูกกล่าวหาอยู่อีก,จงอย่าวิตกกังวลและอย่าพยายามดิ้นรนด้วยการป้องกันตัวเอง ท่านได้เคารพต่อความจริงตามสมควรแล้ว,ตอนนี้ก็ขอให้มีความถ่อมตนด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยการกระทำเช่นนี้,ท่านจะไม่ได้ทำการละเมิดทั้งการรักษาชื่อเสียงที่ดีของท่าน,หรือการที่ท่านผูกพันกับความสงบสุข,ความอ่อนน้อมถ่อมตน,และความสุภาพอ่อนโยนในหัวใจ
 
จงบ่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เกี่ยวกับความผิดของท่าน เพราะตามกฎทั่วไป,ท่านอาจแน่ใจได้ว่าการบ่นนั้นเป็นบาป เพราะการรักตัวเอง(ด้วยการบ่น)มักจะทำให้บาดแผลของเราใหญ่ขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด,จงอย่าบ่นกับคนที่โกรธง่ายและตื่นเต้นง่าย หากจำเป็นต้องบ่นกับใครสักคน,เพื่อเยียวยาความบาดเจ็บของท่าน,หรือเพื่อบรรเทาจิตใจของท่าน,ก็ขอให้เป็นบุคคลที่มีจิตใจสงบและอ่อนโยนซึ่งเต็มไปด้วยความรักของพระเจ้าเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นแล้ว,แทนที่จะบรรเทาใจของท่าน,คนสนิทของท่านจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น แทนที่จะเอาหนามที่ทิ่มแทงออกไป,พวกมันกลับจะถูกผลักลึกเข้าไปในเท้าของท่าน
 
บางคน,เวลาที่พวกเขาป่วย,ได้รับความเดือดร้อน,หรือได้รับบาดเจ็บจากใครก็ตาม,เขาพยายามระงับยับยั้งการบ่นของพวกเขา เพราะพวกเขาคิดว่าการพร่ำบ่นนั้นทำให้เกิดความอ่อนแอหรือจิตใจที่คับแคบ(ซึ่งก็ถูกต้อง) แต่กระนั้น,พวกเขาก็ยังปรารถนาและอุตสาหะอย่างยิ่งที่จะให้ผู้อื่นสงสารเขา,โดยปรารถนาให้ผู้อื่นคิดว่าเขาแบกรับความทุกข์ด้วยความอดทนและกล้าหาญ แน่นอนว่านี่เป็นความอดทนชนิดหนึ่ง แต่มันคือความอดทนที่หลอกลวง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว,มันไม่ได้เป็นมากไปกว่ารูปแบบของความทะเยอทะยานและความไร้สาระที่ละเอียดอ่อน เราอาจใช้ถ้อยคำของอัครสาวกสำหรับพวกเขาว่า "เขาได้รับเกียรติของเขาแล้ว,แต่ไม่ใช่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า" ชายผู้อดทนจริงๆ,ไม่บ่นหรือพยายามทำให้ดูน่าสงสาร เขาจะพูดถึงความทุกข์ยากลำบากของเขาอย่างเรียบง่ายและตามความจริง โดยไม่พูดเกินจริงหรือคร่ำครวญถึงความทุกข์ของตัวเอง ถ้าคนอื่นสงสารเขา,เขาจะยอมรับความเห็นอกเห็นใจอย่างอดทน เว้นเสียแต่ว่า,พวกเขาจะสงสารเขาสำหรับโรคบางอย่างที่เขาไม่สามารถทนได้ ในกรณีนี้,เขาจะพูดด้วยความสุภาพ,ดำรงอยู่ในความอดทนและความสัตย์จริง,ต่อสู้กับความเศร้าโศกของเขาและไม่บ่นถึงเรื่องนั้น
 
สำหรับการทดสอบที่ท่านจะต้องเผชิญเกี่ยวกับความศรัทธา(และจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน),ให้ระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูที่รักของเราว่า "ผู้หญิงคนหนึ่ง,เมื่ออยู่ในความทุกข์,ย่อมคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด,เพราะเวลาของนางมาถึงแล้ว; แต่ทันทีที่เธอคลอดบุตร,เธอก็ไม่จดจำความเจ็บปวดนั้นอีกต่อไป,เพราะมีความยินดีที่เด็กได้บังเกิดมาในโลก" ท่านเองก็เช่นเดียวกัน,ได้ให้กำเนิดลูกที่สง่างามที่สุดในจิตวิญญาณของท่าน แม้แต่พระเยซูคริสต์,และก่อนที่พระองค์จะทรงนำท่านออกมา,พระองค์ก็จะต้องเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จงมีกำลังใจเถิด,เพราะเมื่อความทุกข์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว,ท่านจะมีความปิติยินดีตลอดไป,จากการที่ได้นำชายผู้หนึ่งมาสู่โลก และพระองค์ทรงบังเกิดมาเพื่อท่านอย่างแท้จริง,เมื่อพระองค์ทรงทำให้หัวใจของท่านดีครบครันด้วยความรัก,และดีครบครันในการกระทำของท่านโดยการเลียนแบบชีวิตของพระองค์
 
เมื่อท่านป่วย,จงมอบความเจ็บปวดและความอ่อนแอทั้งหมดของท่านแด่พระเยซูเจ้าที่รักของเรา และขอให้พระองค์ทรงรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับความทุกข์ทรมานที่พระองค์ทรงแบกรับไว้เพื่อท่าน จงเชื่อฟังแพทย์ของท่าน,และใช้ยา,การเยียวยารักษา,และการบำรุงเลี้ยงทั้งหมดเพื่อความรักของพระเยซูเจ้า จงระลึกถึงน้ำส้มสายชูและน้ำดีที่พระองค์ทรงลิ้มรสเพื่อความรักต่อเรา จงปรารถนาการฟื้นตัวของท่านเพื่อมารับใช้พระองค์ อย่าละเลยจากความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนแอจากการเชื่อฟังพระองค์ และพร้อมที่จะตายหากพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้ท่านเข้าสู่สง่าราศีของพระองค์และเพื่อท่านจะได้เข้าสู่ที่ประทับของพระองค์
 
พึงระลึกไว้เสมอว่า ผึ้งขณะทำน้ำผึ้งจะมีชีวิตอยู่บนอาหารที่มีรสขม ในทำนองเดียวกัน,เราไม่สามารถกระทำกิจการแห่งความสุภาพอ่อนโยนและความอดทน,หรือรวบรวมน้ำผึ้งแห่งคุณธรรมที่แท้จริง,ได้ดีไปกว่าการรับประทานขนมปังแห่งความขมขื่นและยอมรับความยากลำบาก และเช่นเดียวกับน้ำผึ้งที่ดีที่สุดซึ่งทำจากไทม์(โหระพา),ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีรสขม,ดังนั้นคุณธรรมที่ปฏิบัติท่ามกลางความขมขื่นและความเศร้าโศกเป็นคุณธรรมที่ดีที่สุด
 
จงเพ่งมองพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงกางเขนบ่อยๆเถิด,พระองค์ทรงเปลือยเปล่า,ถูกดูหมิ่น,ถูกใส่ร้าย,ถูกทอดทิ้ง,ท่วมท้นไปด้วยความเศร้าโศกและโทมนัสทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ และจำไว้ว่า,ไม่มีความทุกข์ใดของท่านที่จะเทียบได้กับความทุกข์ของพระองค์ ไม่ว่าในชนิดใดหรือระดับใดก็ตาม, และท่านไม่สามารถทนรับความทุกข์ใดๆเพื่อพระองค์อย่างเหมาะสมคู่ควรกับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงแบกรับไว้เพื่อท่าน
 
จงพิจารณาถึงความเจ็บปวดที่บรรดามรณสักขีต้องทนรับเถิด,และคิดดูว่าแม้แต่ในเวลานี้,ผู้คนมากมายกำลังแบกรับความทุกข์ยากสาหัสซึ่งยิ่งใหญ่กว่าความทุกข์ของท่าน,และจงกล่าวว่า "ความจริงแล้ว,ความทุกข์ของฉันคือการปลอบโยน,การทรมานของฉันเป็นเหมือนดอกกุหลาบเมื่อเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้นที่ชีวิตของเขาเหมือนเป็นการตายอย่างต่อเนื่อง,โดยปราศจากความบรรเทา,หรือได้รับความช่วยเหลือหรือการปลอบประโลม พวกเขาแบกรับความทุกข์โศกหนักหนากว่าฉันเป็นสิบเท่า"
 


************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น