นักบุญเยอร์ทรูดมีชื่อเสียงเพราะเธอได้เห็นนักบุญหลายองค์และรู้ว่าใครเป็นใครในสวรรค์ พระเยซูเจ้าได้ประทานนิมิตแก่เธอ,ให้เธอเห็นสถานะที่สูงและที่ต่ำกว่าของประชากรสวรรค์,พร้อมคำอธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับตำแหน่งนั้น เมื่อเยอร์ทรูดถามถึงนักบุญฟรังซิส,เธอก็ได้เห็นท่านนักบุญเป็นวิญญาณที่ได้รับสง่าราศีอันรุ่งโรจน์ในสวรรค์,ประดับด้วยดอกกุหลาบและถือคทาของกษัตริย์
เธอได้รับการไขแสดงให้เห็นว่าในขณะที่นักบุญฟรังซิสมีความ"เท่าเทียมกับ"นักบุญออกัสตินในด้านคุณธรรม แต่มีความแตกต่างกันอย่างหนึ่ง นั่นคือ นักบุญฟรังซิสมี"รางวัลพิเศษ"ที่มอบให้กับท่านเนื่องจาก "ความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างลึกซึ้ง" นักบุญฟรังซิสเสียชีวิตในปี 1226 เพียง 30 ปีก่อนที่เยอร์ทรูดจะเกิดและไม่ใช่คนร่วมสมัยกับเธอ แต่นักบุญฟรังซิสเป็นผู้บุกเบิกทางที่ใกล้ชิดให้กับเธอ ในเวลาอีกเพียง 4 ปีข้างหน้า,เราจะฉลองครบรอบ 800 ปีการเสียชีวิตของนักบุญฟรังซิส
ฟรังซิสได้ไปสวรรค์เป็นเวลานานแล้ว แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนของท่านยังคงตรึงตราตรึงใจ และผมอยากจะเล่าเรื่องการทรมานตนเองบางอย่างที่ฟรังซิสได้กระทำ อันเป็นวิธีที่ท่านใช้ในการฝึกความอ่อนน้อมถ่อมตน
ฟรังซิสไม่ยอมกินอาหารที่ปรุงสุกแล้ว แต่เมื่อเขาจำเป็นต้องกิน,เขาจะใช้ขี้เถ้าจำนวนมากมาโรยในจานจนทำให้อาหารเสียรสชาติของมันไป หรือไม่เขาก็เติมน้ำลงไปในอาหารมากๆจนไม่มีรสชาติ เมื่อมีความอยากอาหารบางอย่างและได้รับมา,แล้วกินเข้าไป ในภายหลัง,เขาก็จะงดเว้นจากอาหารนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฟรังซิสป่วยหนัก,เขาถึงได้กินไก่บ้าง แต่เมื่อสบายดี,เขาก็ให้บราเดอร์ท่านหนึ่งเอาเชือกผูกคอของเขา,แล้วลากจูงเขาผ่านตัวเมืองอัสซีซีราวกับเขาเป็นอาชญากร พร้อมทั้งให้บราเดอร์ท่านนั้นร้องตะโกนว่า "ดูเถิด,นี่คือคนตะกละที่อ้วนขึ้นจากการกินเนื้อไก่โดยที่พวกท่านไม่รู้เรื่องนี้" การร้องตะโกนและการกล่าวโทษของบราเดอร์ในเรื่องความตะกละของฟรังซิสดึงดูดผู้คนให้มาดู แต่มีเพียงคนไม่กี่คนที่ตำหนิฟรังซิส พวกเขากลับรู้สึกว่าตนเองก็เป็นทาสของท้องของตนเองหรือมึนเมาด้วยการดื่มสุรา และพวกเขาพยายามกินและดื่มน้อยลง
ส่วนในเรื่องการนอนนั้น,ฟรังซิสมักจะนอนในท่านั่ง,และเมื่อยอมให้ตัวเองนอนลงกับพื้น,เขาก็จะใช้ก้อนหินหรือท่อนไม้เพื่อพักศีรษะ
เขาถ่อมตัวลงต่อหน้าคนอื่น ขณะกำลังเทศนา,เขาเล่าถึงความบาปของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาคิดไม่ดีเกี่ยวกับใครบางคน,เขาก็ไปหาคนเหล่านั้นและสารภาพกับพวกเขาถึงความคิดที่ไม่ดีของเขาแล้วจึงขอให้พวกเขาให้อภัย นี่เป็นผลมาจากการถ่อมตัวลงต่อผู้อื่นเพราะพวกเขารู้ว่าฟรังซิสมองพวกเขาในแง่ลบ และพวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะไม่ชอบฟรังซิสมากขึ้น แต่เมื่อฟรังซิสได้ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาปที่ได้ทำผิดต่อพวกเขาในใจ,เมื่อฟรังซิสวิงวอน,พวกเขาก็ให้อภัยฟรังซิส
โธมัส เซลาโน(Thomas Celano) ผู้เขียนชีวประวัติของฟรังซิสเขียนถึงเขาว่า "เขาเพียงคนเดียวที่ถือว่าตัวเองเลวทรามที่สุดในหมู่มนุษย์ เขาดูหมิ่นตัวเองอย่างร้ายแรงที่สุดเพียงคนเดียว" การดูถูกตัวเองของฟรังซิสเพิ่มมากขึ้นแม้ในขณะที่เขาได้รับการยกย่องมากขึ้นเรื่อยๆ ในอิตาลี,ในศตวรรษที่ 13,และในขนาดที่เท่าเทียมกับคำเยินยอที่เขาได้รับ,เขาพยายามที่จะดูถูกตัวเอง เขาบอกว่าคำพูดเยินยอที่เขาได้รับคือ"การโกหก" และเขาเคยขอให้บราเดอร์ท่านหนึ่งทำท่าเยาะเย้ยเขา ในการเชื่อฟังฟรังซิส,บราเดอร์ท่านนั้นเรียกเขาว่า "คนไร้ค่า" และ "คนเลว" เหนือสิ่งอื่นใด,เมื่อฟรังซิสรู้สึกขุ่นเคืองในคำพูดของบราเดอร์คนหนึ่ง,เขาบอกบราเดอร์คนนั้นว่า "ขอพระเจ้าอวยพรคุณ,เพราะคุณพูดได้ถูกต้องอย่างแท้จริงที่สุด" Celano แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าฟรังซิสพยายาม "หลีกหนีจากการเยินยอและความชื่นชมของผู้คนในทุกวิถีทาง"
อย่างไรก็ตาม,ความอ่อนน้อมถ่อมตนของฟรังซิสยังฉายแสงเจิดจ้าในอัศจรรย์ที่เขากระทำ ฟรังซิสไม่เคยยอมให้ผู้คนคิดว่าอำนาจแห่งการเยียวยารักษามาจากเขา แต่เขาทำอัศจรรย์อย่างเงียบๆในลักษณะที่พวกเขาทั้งหมดตระหนักถึงฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์มากขึ้น เมื่อหญิงตาบอดคนหนึ่งเข้ามาหาเขาเพื่อวิงวอนให้เธอเห็น ฟรังซิสไม่ได้พึ่งพาตัวเอง,แต่เขาเขียนเครื่องหมายกางเขนบนดวงตาของเธอและเธอก็มองเห็นได้ทันที มีหญิงที่เป็นภรรยาและแม่คนหนึ่งมาหาฟรังซิสและแสดงมือที่พิการของเธอให้เขาดู เธอไม่สามารถทำอะไรกับมือได้เลย ฟรังซิสนิ่งเงียบ แต่เขาสัมผัสมือของเธอและมือนั้นก็หายเป็นปกติ หญิงคนนั้นรีบวิ่งกลับบ้าน,ทำเค้กชีสชั้นดี,และมอบเป็นของขวัญให้ฟรังซิส แทนที่จะปฏิเสธ,ฟรังซิสหั่นแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆแล้วสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นนำกลับบ้านไปให้คนในครอบครัวของเธอได้รับประทาน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันฉลองของนักบุญฟรังซิส
***
บทความนำมาจาก The Revelations of St Gertrude the Great และชีวประวัติของนักบุญฟรังซิสเขียนโดย โธมัส เซลาโน
ภาพวาดคลาสสิกของนักบุญฟรังซิสข้างบน,วาดโดย Philip Fruytiers
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น