วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ซิสเตอร์ลูซีอา,อามีเลีย,และไฟชำระ

 




ไม่ต้องสงสัยเลย,คุณคงจำคำที่แม่พระตรัสกับลูซีอาที่ฟาติมาได้ เมื่อพระนางถูกถามเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กหญิงสองคนจากหมู่บ้านที่เพิ่งเสียชีวิตไป ลูซีอาถามแม่พระว่า "มาเรีย ดาส เนเวสอยู่ในสวรรค์หรือไม่คะ?" แม่พระตอบว่า: "ใช่เธออยู่ในสวรรค์แล้ว"
 
ลูซีอาถามถึงเด็กหญิงอีกคนที่อายุราวสิบแปดหรือสิบเก้า: "แล้วอามีเลียล่ะคะ?"
 
คราวนี้แม่พระตรัสว่า “เธอจะอยู่ในไฟชำระจนกระทั่งอวสานของโลก”
 
อามีเลีย: จนกระทั่งอวสานของโลกหรือ!? แน่นอน,เป็นการแจ้งที่น่าตกใจและงุนงง! นักวิจารณ์บางคนพยายามไม่พูดถึง,แต่ไม่ใช่กับลูซีอา ในหนังสือเล่มสุดท้ายของเธอ,ซึ่งเธอเขียนไม่นานก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ซิสเตอร์ลูซีอาแบ่งปันความคิดของเธอเกี่ยวกับพระดำรัสอันน่าตกใจของแม่พระเกี่ยวกับระยะเวลาของอามีเลียในไฟชำระ ซึ่งอาจใช้เป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความลึกลับของไฟชำระได้ ต่อไปนี้เป็นการไตร่ตรองและคำอธิบายของซิสเตอร์ลูซีอา
 
ต่อมาลูซีอาได้เข้าอารามเป็นนักบวชในคณะคาร์เมไลต์ “ฉันถูกถามคำถามมากมายเกี่ยวกับคำตอบของแม่พระ และฉันก็ไม่รู้จะตอบพวกเขาอย่างไรดี ฉันไม่ได้ถามแม่พระเพื่อความกระจ่าง,ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิดเรื่องนี้ แต่ฉันได้คิดใคร่ครวญมากเกี่ยวกับรายละเอียดของสาส์นนี้
 

    Our Lady of Fatima

“หลังจากใคร่ครวญ—ฉันถามตัวเองว่า—ไฟชำระคืออะไร? ... เราเห็นว่าคำว่า"ไฟชำระ" หมายถึง "การชำระให้บริสุทธิ์" และเนื่องจากเราทุกคนเป็นคนบาปไม่มากก็น้อย เราทุกคนจำเป็นต้องได้รับการชำระให้บริสุทธิ์จากบาป,ข้อบกพร่อง,และความไม่สมบูรณ์ของเราเอง,เพื่อที่เหมาะสมจะได้รับความปิติสุขในการครอบครองอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์นิรันดร
 
เรายังคงสามารถตระหนักถึงการชำระล้างนี้ในเวลาที่มีชีวิตอยู่บนโลก,หากพระเจ้าให้เวลาแก่เรา: โดยการขอพระเจ้าให้ทรงอภัยเรา,ด้วยการกลับใจอย่างจริงใจและตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา,ด้วยการทำกิจชดเชยใช้โทษบาป,และรับศีลอภัยบาป
 
[เมื่อถึงจุดนี้ ซิสเตอร์ลูซีอาสรุปถึงบาปทุกประเภทและพูดต่อไป] :
 
“สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้และอื่นๆอีกมากมาย,ซึ่งมากเกินไปที่จะกล่าวถึง,เป็นสิ่งที่ขัดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าและต้องการการชำระให้บริสุทธิ์,แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกสารภาพและได้รับการอภัยแล้วแม้ว่าเขาจะทำกิจชดเชยตามโทษที่พวกเขาพึงได้รับ . . แต่อาจยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถูกไถ่ถอนในแง่ของการทำให้บริสุทธิ์; จนกระทั่ง [การไถ่ถอน] นี้ทำให้เรามีค่าควรแก่การเข้าสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่แห่งการดำรงอยู่ของพระเจ้า “การชำระให้บริสุทธิ์—ที่เรียกว่า“ไฟชำระ”—ระยะเวลาที่ต้องถูกชำระให้บริสุทธ์สามารถขยายออกไปได้ไม่มากก็น้อย,ขึ้นอยู่กับจำนวนบาป,ข้อบกพร่อง,และความไม่สมบูรณ์ของเรา,และตามความหนักเบา,ซึ่งเราไม่ได้ทำให้หมดสิ้นไปโดยสมบูรณ์ด้วยวิธีการชดเชยใช้โทษ,ด้วยการทำความดี,การทำงาน,การพลีกรรม,และการสวดภาวนาในเวลาที่เรามีชีวิตอยู่บนโลก
 
“และเราถูกชำระให้บริสุทธิ์ได้อย่างไรในไฟชำระ,หรืออะไรที่ทำให้เราบริสุทธิ์? ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ดีนัก ในอดีตพวกเขากล่าวว่าเราถูกทำให้บริสุทธิ์ด้วยการถูกไฟที่ร้อนจัดเผาไหม้และไฟนี้มีความรุนแรงเท่ากับไฟของนรก นักเขียนสมัยใหม่ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดแบบนี้อีกต่อไป
 


“สำหรับฉันแล้ว,ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้เราบริสุทธิ์คือความรัก ซึ่งเป็นไฟแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสื่อสารกับวิญญาณตามสัดส่วนที่วิญญาณตอบสนอง ว่ากันว่าถ้าหากวิญญาณได้รับพระหรรษทานที่จะตายด้วยการแสดงความรักที่สมบูรณ์ต่อพระเจ้า,ความรักนี้จะชำระล้างวิญญาณให้บริสุทธิ์ทั้งหมด,เพื่อที่จะไปสู่สวรรค์ได้โดยตรง นี่แสดงให้เราเห็นว่าสิ่งที่ชำระให้บริสุทธิ์คือความรัก ควบคู่ไปกับความสำนึกผิด,ความทุกข์เสียใจที่ทำให้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ขุ่นเคืองใจด้วยบาป,ความผิดพลาด,และความไม่สมบูรณ์ เพราะทั้งหมดนี้ขัดกับพระบัญญัติข้อแรกและข้อสุดท้ายแห่งพระบัญญัติของพระเจ้า: จงรักพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า,ด้วยสุดวิญญาณของเจ้า,และด้วยสุดกำลังของเจ้า ด้วยวิธีนี้,เปลวไฟแห่งความรักแม้เพียงไส้ตะเกียงที่ยังคุกรุ่นอยู่จะไม่ดับ แต่จะลุกเป็นไฟที่ลุกวาวขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์หมดจด และทำให้วิญญาณสง่างามเหมาะสมที่จะไปอยู่อาศัยในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แห่งการดำรงอยู่ของพระเจ้า เพื่อมีส่วนร่วมกับผู้ได้รับพระพรคนอื่นๆ,ในปรีชาญาณ,ฤทธิ์อำนาจ,ความรู้,และความรักของพระเจ้า ตามสัดส่วนที่พระเจ้าต้องการจะสื่อให้กับทุกวิญญาณ ขณะที่ทุกคนร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญความรักนิรันดร์,สรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า,พระผู้สร้าง,และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
 
“ฉันไม่รู้ว่าที่ฉันพูดไปทั้งหมดนี้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์พูดในอีกทางหนึ่ง จงเชื่อเธอและไม่ใช่ฉันผู้เป็นเพียงคนยากจนและโง่เขลา ฉันสามารถผิดพลาดได้ นี่คือสิ่งที่ฉันคิดและไม่ใช่สิ่งที่ฉันรู้ ... ดังนั้นเราจึงเห็นว่าไฟชำระของเราสามารถหนักเบา,ช้านานได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งปรับเปลี่ยนไปตามสถานะของพระหรรษทานและระดับความรักต่อพระเจ้าที่ทรงพบในตัวเราขณะที่ดำเนินผ่านจากชีวิตทางโลกสู่ขอบเขตแห่งชีวิตเหนือธรรมชาติจากกาลเวลาสู่นิรันดร”
 
(ความคิดเห็นเรื่องไฟชำระ โดยซิสเตอร์ลูซีอาได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Como vejo a Mensagem)
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น