"พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะทรงสำแดงที่พำนักอันมืดมนของไฟชำระแก่วิญญาณผู้มีอภิสิทธิ์บางดวง พระองค์ทรงประสงค์ที่จะเปิดเผยความลึกลับอันน่าเศร้าของสถานที่ดังกล่าวเพื่อเพิ่มพูนความเชื่อให้แก่ผู้มีความเชื่อ ในจำนวนนี้มีนักบุญฟรานเซสผู้มีชื่อเสียง ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชหญิง Oblates,เธอเสียชีวิตในกรุงโรมในปี ค.ศ. 1440 พระเจ้าทรงประทานพระพรแก่เธอด้วยแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ให้เธอรู้เกี่ยวกับสภาพของวิญญาณในอีกภพหนึ่ง เธอเห็นนรกและการทรมานอันน่าสยดสยอง เธอเห็นสภาพภายในของไฟชำระและการจัดระเบียบลึกลับด้วย เธอเล่าว่า — “ฉันจะพูดถึงลำดับชั้นต่างๆของสถานที่แห่งการเนรเทศนี้ ซึ่งครอบครองในส่วนนี้ของพระศาสนจักรที่กำลังทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์”
อัครเทวดาราฟาแอลได้นำนักบุญฟรานเชสแห่งโรมไปยังไฟชำระและท่านได้แสดงให้เธอเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น สำหรับฟรานเชสแล้วที่นี่เป็น”อาณาจักรแห่งความเจ็บปวด”,มันถูกแบ่งเป็นบริเวณใหญ่สามบริเวณคือ บริเวณที่อยู่ด้านบนสุดบรรจุวิญญาณที่กำลังทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของบาดแผล,หมายความว่าความทุกข์ของพวกเขาคือการไม่สามารถเห็นพระเจ้าและพวกเขาทุกข์ทรมานจากบาปเบา สำหรับวิญญาณเหล่านี้,ไฟชำระประกอบด้วยความคิดถึง,ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดต่อพระเจ้าและพวกเขายังจดจำ,ระลึกถึงการได้เห็นความสวยงามของพระองค์ในครั้งแรกได้ ต่อมาบริเวณชั้นกลางของไฟชำระคือบริเวณของวิญญาณที่ทนทุกข์จากบาปที่หนักหนากว่า
บริเวณส่วนนี้ยังแบ่งออกเป็นสามโซน โซนแรกเป็นเหมือนแอ่งน้ำที่เย็นยะเยือก โซนที่สองเป็นเหมือนแอ่งน้ำที่มีน้ำมันเดือดพล่าน โซนที่สามเป็นเหมือนแอ่งฟองโลหะเดือดที่ดูเหมือนเป็นเงินและทองเหลว ทูตสวรรค์ 36 องค์ได้รับภารกิจจากพระเจ้าให้จุ่มวิญญาณลงในสระทั้งสามนี้ พวกเขาทำสิ่งนี้ด้วยความเคารพและเห็นอกเห็นใจต่อวิญญาณเหล่านั้น ไฟชำระชั้นที่ 3 ซึ่งต่ำที่สุดและใกล้นรกที่สุด เต็มไปด้วยไฟที่ทะลุผ่านกระดูกและไขกระดูก เป็นไฟที่แตกต่างจากไฟนรกเพราะมีอำนาจในการชำระล้างให้บริสุทธิ์และทำให้ศักดิ์สิทธิ์
และเช่นเดียวกัน,ในชั้นที่3นี้มีสามโซนที่แตกต่างกัน ในโซนแรกมีความทุกข์น้อยลงเล็กน้อยเพราะมีไว้สำหรับฆราวาส,ผู้ซึ่งเป็นคริสตชนที่อาศัยอยู่ในโลกและได้รับการลงโทษสำหรับความผิดร้ายแรงที่พวกเขายังไม่ได้แก้ไข; โซนที่สองคือความเจ็บปวดที่ร้ายแรงที่ถูกกำหนดให้กับสังฆานุกรที่ยังไม่ได้บวชเป็นพระสงฆ์และสำหรับบรรดานักบวชและบราเดอร์ฆราวาสด้วย ในที่สุดโซนที่สาม,มีความเจ็บปวดมากที่สุดที่ถูกกำหนดไว้สำหรับพระสงฆ์และพระสังฆราช
ผู้ที่ได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตและไม่ได้ดำเนินชีวิตโดยสัมพันธ์กับพระหรรษทานเหล่านั้น ทำให้พวกเขาคู่ควรกับความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง เฉกเช่นเดียวกับความทรมานของนรก เว้นแต่มีระยะเวลาที่ต่างกัน ประเภทของความเจ็บปวดนั้นไม่เหมือนกันสำหรับทุกคน แต่มันเปลี่ยนไปตามจำนวนและความหนักหนาของความผิดพลาดที่กระทำ,ความดีที่ไม่ได้กระทำและตามระดับศักดิ์ศรีของแต่ละคน เป็นเช่นเดียวกันสำหรับระยะเวลาและความรุนแรงของความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม,นักบุญฟรานเซสกล่าวอีกว่า พระเจ้าทรงรับการสวดภาวนาวอนขอและการสำนึกผิดและการทำกิจใช้โทษบาปที่คนบนโลกอุทิศให้สำหรับความทุกข์ของวิญญาณ ยกเว้นในกรณีที่มีแรงจูงใจเฉพาะที่ไม่สามารถนำความดีและคำอธิษฐานเหล่านั้นมาใช้กับวิญญาณเหล่านั้นได้ เช่น ถ้าหากวิญญาณไม่เคยมีความเคารพต่อพิธีมิสซาหรือไม่ไปร่วมพิธีหรือไม่ฟังในช่วงวันพระเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์
นักบุญฟรานเซสยืนยันว่าการสวดภาวนาและการทำความดีที่ถวายโดยผู้มีความเชื่อในการทนทุกข์เพื่อวิญญาณบางดวงในไฟชำระนั้น,จะไปถึงทันทีเพื่อช่วยเหลือวิญญาณนั้น และไม่เพียงสำหรับวิญญาณเท่านั้นแต่สำหรับคนอื่นๆทั้งหมดโดยอาศัยคุณธรรมของการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันด้วย ในกรณีที่วิญญาณที่ได้รับสง่าราศีในสวรรค์แล้ว,บุญกุศลของการสวดภาวนาและการทำความดีจะไปสู่วิญญาณอื่นๆที่ยังทนทุกข์อยู่ในไฟชำระ
รูปภาพนักบุญฟรานเซสแห่งโรมวิงวอนเพื่อกรุงโรมระหว่างเกิดโรคระบาดในปี ค.ศ. 1656 วาดโดยนิโคลัส ปูสซิน (ค.ศ. 1657) ซึ่งได้รับมอบหมายจากจิอูลิโอ คาร์ดินัล รอสปิกลิโอซี (ต่อมาคือพระสันตะปาปาเคลมองต์ที่ 9)
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น