วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2566

แม่ชีผู้ช่วยชีวิตพระสันตปาปายอห์นปอลที่2(ต่อ)

 


ซิสเตอร์ริต้ายังได้รับพระพรในการทำนายและเห็นล่วงหน้าเหตุการณ์ในอนาคตด้วย เธอทำนายถึงแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นใน Ancona เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 1972 ซิสเตอร์Paola Caciari คณะธิดาแห่งพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล, เธอมีน้องสาวชื่อจิโอวานนา(Giovanna) อาศัยอยู่ใน Ancona ซิสเตอร์ริต้าบอกให้จิโอวานนาย้ายจากอันโคนาไปโบโลญญา โดยระบุว่าเธอและครอบครัวควรออกจากอันโคนาไม่เกินวันที่ 13 มิถุนายนก่อนเวลาเย็น ในคืนนั้นเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซึ่งทำให้อาคารที่จิโอวานนาอาศัยอยู่เสียหาย
 
คุณพ่อทิโอฟิโล
ซิสเตอร์ริต้ารู้ด้วยว่าคุณพ่อทีโอฟิโล,ผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของเธอ,จะตกลงไปในคูน้ำลึก 12 เมตร,ซึ่งเป็นการแก้แค้นของซาตานสำหรับกระแสเรียกใหม่ที่คุณพ่อทีโอฟิโลได้รับ คุณพ่อกำลังเดินไปตามถนนหลังจากไปเยี่ยมคอนแวนต์ ซิสเตอร์ริต้าปรากฏตัวในลักษณะอยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน,ในขณะที่คุณพ่อตกลงไปในคูน้ำทำให้ศีรษะและหลังของท่านได้รับบาดเจ็บ แต่คุณพ่อไม่ได้เสียชีวิตเพราะซิสเตอร์ริต้าช่วยชีวิตท่านไว้ แว่นตาและไข่ที่ท่านถืออยู่ไม่แตกหักแม้แต่น้อย ท่านถูกนำกลับบ้านในสภาพบาดเจ็บโดยซิสเตอร์ริต้าซึ่งมองไม่เห็น ท่านรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มท่านอยู่ และท่านยังได้กลิ่นหอมลึกลับที่โชยออกมาจากซิสเตอร์อีกด้วย ต่อมาคุณแม่อธิการถามซิสเตอร์ริต้าว่าจริงหรือไม่ที่เธอช่วยคุณพ่อ เธอตอบว่า “ดูเอาเองเถิด,เครื่องแบบของดิฉันเต็มไปด้วยโคลน” เธอยังขอให้พระเจ้าอนุญาติให้เธอรับความทุกข์ทรมานของคุณพ่อบางส่วนหลังจากที่ท่านได้รับบาดเจ็บ และเธอได้รับตามคำขอ,เธอทรมานอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งความทุกข์นั้นหายไปในทันที
 
ซิสเตอร์ริต้า แห่งพระจิตเจ้า -การเข้าสู่อาราม
 
ช่วยวิญญาณบิดาออกจากไฟชำระ
 
เมื่อคริสตีน่า อายุ 15 ปีเธอมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าอาราม,แต่บิดาของเธอต่อต้านและไม่อนุญาติ ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม 1940 บิดาของเธอ,นายลุยจิ มอนเตลลา(Luigi Montella)ได้ล้มป่วยและเสียชีวิตในวันฉลองแม่พระแห่งภูเขาคาร์เมล คริสตีน่า,ต่อมาได้เล่าว่า “พระเยซูทรงเรียกพ่อของฉันไปหาพระองค์เพราะท่านต่อต้านกระแสเรียกของฉันที่จะเข้าอาราม” เธอเล่าต่อไปว่า “ในวันถัดมาจากวันที่พ่อของฉันเสียชีวิต,ฉันสวดภาวนาอย่างมากเพื่อวิญญาณพ่อของฉัน ในวันที่เจ็ด,พระเยซูทรงประทานพระหรรษทานแก่ฉันในการปลดปล่อยพ่อออกจากไฟชำระ ท่านโอบกอดและจูบฉันแล้วไปสู่สวรรค์พร้อมกับพระเยซูเจ้า”
 
คริสตีน่าเข้าสู่คอนแวนต์
 
วันที่ 10 สิงหาคม 1940,เธอได้เข้าสู่อารามคณะออกุสตีเนียนที่ Santa Croce sull’ Arno’s (Pisa, Italy) และเธออยู่ที่นี่เป็นเวลานาน 51 ปีจนกระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1992
 
ในระยะแรกเข้าที่อาราม,คริสตีน่าในฐานะโนวิสทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกอย่างอย่างดี และเพราะความเฉลียวฉลาดของเธอ,ทำให้คุณแม่อธิการต้องการให้เธอเป็นแม่ชีขับร้อง(choir nun)ซึ่งเป็นฐานะที่สูงกว่าซิสเตอร์ฆราวาส(โนวิส) แม่ชีบางคนรู้สึกอิจฉาและต่อต้านการตัดสินใจของคุณแม่อธิการ,ดังนั้นคุณแม่อธิการจึงตัดสินใจส่งซิสเตอร์ริต้าไปอยู่ที่อาราม Radicondoli in Siena เมื่อเธออยู่ที่นั่นไม่นาน,เธอได้กลับมาอยู่ที่อาราม Santa Croce อีก เพราะเธอรู้สึกว่าเป็นที่ซึ่งพระเยซูทรงประสงค์ให้เธออยู่ เธอยื่นคำขอมาอยู่ใหม่ในฐานะโนวิสเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้นไม่นาน,เธอก็ป่วยหนักขณะที่มีอายุ 21 ปี เธอมีเนื้องอกที่กระดูก นี่เป็นอุปสรรคทำให้เธอไม่สามารถทำงานหนักและอยู่ใกล้กับโนวิสคนอื่นๆ
 
ตุลาคม 1941,คุณพ่อกุยตีนี(Giuntini)ได้มาที่อารามและบอกซิสเตอร์ริต้าว่า ถ้าเธอต้องการเป็นแม่ชี,เธอควรวอนขอพระเยซูให้รักษาเธอ เธอเชื่อฟังและได้รับการรักษาให้หายในทันทีทันใด เธอสามารถปฏิญาณตนชั่วคราวในวันที่ 27 เมษายน 1942,เธอได้รับชุดเครื่องแบบซิสเตอร์ออกุสตีเนียนและได้รับศาสนนามว่า “ริต้า” ต่อมาในวันเดียวกันนั้นเอง,เธอได้รับประสบการณ์การสมรสอันลึกลับกับพระเยซูเจ้า ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่คุณพ่อฟรังโก ดิ อานาสตาซีโอ ที่สัมภาษณ์ซิสเตอร์ริต้าในอายุหกสิบเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้:
 
“-การสมรสอันลึกลับกับพระเยซูเกิดขึ้นเมื่อไร? มันเริ่มเวลา2:00(ตีสอง)วันที่ 27 เมษายน วันเดียวกับที่ฉันปฏิญานตน
 
-เวลาก่อนที่คุณจะทำ”ชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์”พร้อมกับคุณพ่อปีโอใช่ไหม? ใช่ค่ะ,ท่านได้มาในคืนนั้นด้วย
 
-ผู้ที่มาจากสวรรค์มีใครบ้าง? บุคคลเดียวกับที่ฉันเคยบอกคุณพ่อมาก่อนแล้วค่ะ
 
-พวกเขาคือ พระแม่มารีย์,นักบุญโยเซฟ,คุณพ่อปีโอ,นักบุญออกุสติน,นักบุญคริสตีน่า,นักบญแคลร์,นักบุญคัทรีนแห่งเซียนนา,นักบุญกาเบรียลแห่งความทุกข์,และนักบุญเกมม่า กัลป์กานีใช่ไหม?ใช่,ใช่ค่ะ
 
-คุณได้รับแหวนแต่งงานด้วยไหม?ใช่ค่ะ,พระเยซูทรงสวมแหวนให้ฉันและฉันสวมแหวนให้พระองค์
 
-พวกเขา(นักบุญ)แสดงความยินดีกับคุณไหม?พวกเขาเพียงแต่สวมกอดฉันและอวยพรให้ฉันมีความศักดิ์สิทธิ์ค่ะ
 
-สำหรับพ่อดูเหมือนว่านี่จะเกี่ยวกับการเป็นคู่สมรสที่ถูกตรึงกางเขนใช่ไหม? ใช่ค่ะ,แน่นอน,ถ้าเป็นอย่างอื่น,มันก็ไม่สมเหตุสมผล
 
ขณะที่มีการสมรสอันลึกลับ,พระเยซูทรงแสดงให้ซิสเตอร์เห็นพระสงฆ์ผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณในอนาคตของเธอ,ตุณพ่อทีโอฟิโล ดัล ปอสโซ,พระสงฆ์คาปูชิน ท่านได้เป็นผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณเป็นเวลาสิบห้าปี ซิสเตอร์ริต้าได้ปฏิญาณตนตลอดชีพเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1946
 
การตรวจสอบ
 
พระเยซูตรัสกับซิสเตอร์ริต้าว่า “พวกเขาจะตระหนักถึงขุมสมบัติที่พวกเขามีในท่ามกลางพวกเขาก็ต่อเมื่อมันสายเกินไป พวกเขาจะตระหนักก็ต่อเมื่อมีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว” คุณพ่อทีโอฟิโลมีความประทับใจในประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณของซิสเตอร์ริต้ามาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เธอเชื่อมโยงกับคุณพ่อปีโอในการบรรเทาพระมหาทรมานของพระคริสต์ และภารกิจการไปทั่วโลกด้วยการอยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น,คุณพ่อจึงสั่งให้ซิสเตอร์เขียนไดอารี่ทุกวัน ในเวลาสิบห้าปีในฐานะผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของเธอ,คุณพ่อได้อ่านสมุดบันทึกอัตชีวประวัติหนึ่งร้อยห้าเล่มที่เขียนโดยซิสเตอร์ริต้า สมุดบันทึกเหล่านี้ถูกอ่านโดยคุณแม่อธิการมาทิลด้า กัสซารินีและแม่ชีอื่นๆบางคนในคอนแวนต์ที่เหมาะสม สมุดบันทึกเหล่านี้ยังคงถูกเก็บไว้ที่อาราม Santa Croce ซิสเตอร์Maria Grazia Giunti ซึ่งได้เห็นในเวลาที่เธอเขียนบันทึกได้กล่าวว่า “อารักขเทวดาจะพูดให้เธอเขียน,ขณะที่เธอนั่ง,เธอเขียนโดยไม่ได้ดูที่สมุดแต่จ้องมองที่อารักขเทวดา เธอเขียนอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเขียนเสร็จ,เธอไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ”
 
คุณพ่อทีโอฟิโลเชื่อมั่นในความถูกต้องของพระพรของเธอและต้องการให้ผู้อื่นตรวจสอบเธอ คุณพ่อปีโอได้แสดงความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับซิสเตอร์ริต้าเมื่อมีการสนทนาระหว่างคุณพ่อปีโอกับคุณพ่อทีโอฟิโล นอกจากนี้ยังมีคุณพ่อ Giovanni da Baggio ที่ทำการตรวจสอบเธอ คุณพ่อ Giovanni ทดสอบเธอเพราะท่านต้องการทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ที่เธอได้พบกับคุณพ่อปีโอ ทุกวันในห้องพักหมายเลข 4 ของเธอ ในปี 1949, Fr. Giovanni ขอให้ซิสเตอร์ริต้ามอบหนังสือที่ลงนามโดยท่านให้แก่คุณพ่อปีโอ ไม่กี่เดือนต่อมา คุณพ่อ Giovanni ไปที่ San Giovanni Rotondo เพื่อเยี่ยมคุณพ่อปีโอ ท่านลืมหนังสือนี้ไปแล้ว แต่เมื่อท่านกำลังจะจากไป คุณพ่อปีโอบอกท่านว่า “คุณพ่อ หนังสือเล่มนี้เป็นของท่าน แต่ท่านไม่ควรเล่นตลกแบบนี้”
 
ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1949 พวกเขาเริ่มการประเมินทางการแพทย์และจิตเวชของซิสเตอร์ริต้าซึ่งจะกินเวลาเจ็ดเดือน การตรวจทางการแพทย์ไม่สามารถอธิบายสาเหตุของอาการต่างๆของเธอ เช่น ไมเกรน อาเจียน และนอนไม่หลับ การประเมินทางจิตเวชพบว่าเธอเป็นปกติ ไม่มีรายงานทางการแพทย์เกี่ยวกับรอยแผลเพราะนอกจากบาดแผลที่สีข้างของเธอแล้ว รอยแผลอื่นๆถูกซ่อนไว้ และแผลที่สีข้างก็หายไปเมื่อเธอถูกตรวจ
 
ซิสเตอร์ริต้ามีพระพรลึกลับที่เรียกว่า inedia หรือ “โรคอะนอเร็กเซียลึกลับที่เรียกว่า“mystical anorexia” ซึ่งเธอได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตโดยศีลมหาสนิทแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ท้องของเธอไม่สามารถเก็บอาหารไว้ได้ ในช่วงอายุ 70 เธอได้รับคำสั่งให้ทานอาหารทุกวัน และเธอก็เชื่อฟัง ซึ่งทำให้เธอทุกข์ทรมานอย่างมาก เพราะการกินอาหารจะทำให้เธอป่วยและเธอต้องอาเจียนออกมา อารักขเทวดาของเธอจะเช็ดน้ำตาและพูดกับเธอว่า “ลูกสาวผู้น่าสงสาร ช่างเป็นการชดเชยใช้โทษบาปอะไรเช่นนี้!” พระแม่มารีย์บอกเธอว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเธอเพราะร่างกายของเธอไม่ต้องการอาหารอีกต่อไป” เธอไม่ได้นอนเช่นกันและยังสามารถทำงานในครัวและโรงพยาบาลต่อไปได้ เธอยังทนทุกข์ทรมานจากภาวะตัวร้อนเกินไป ซึ่งเป็นโรคลึกลับอีกชนิดหนึ่งที่อุณหภูมิร่างกายสูงมาก เธอมีไข้สูงถึง 52 องศาเซลเซียส
 
ซิสเตอร์เอเลโอโนรา ปิเอโรนี(Eleonora Pieroni) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคุณแม่อธิการแห่ง Santa Croce ให้เป็นเหมือนเลขานุการจดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีของซิสเตอร์ริต้าที่เรียกว่า“Montella Case’’ เธอได้ เขียนจดหมายหลายฉบับถึงคุณแม่อธิการแห่ง Radicondoli โดยบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับซิสเตอร์ริตา ในจดหมายที่ส่งเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1950 ซิสเตอร์เอเลโอโนราเขียนว่า “ดิฉันเคยบอกคุณแม่อธิการเกี่ยวกับคุณพ่อปีโอแล้วหรือยังคะ? เมื่อวันฉลองของท่าน (วันฉลองการปฏิญาณตน) ท่านกินไอศกรีมที่คุณแม่อธิการของเรา (Abbess Gazzarrini) เตรียมไว้ในห้องพัก (ของซิสเตอร์ริต้า)? ลองนึกดูสิ! “ไอศกรีม- ท่านบอกว่า- พ่อกินอย่างมีความสุขเพราะลูก (ซิสเตอร์ริต้า) และพ่อร้อนรุ่มอยู่ข้างใน เราทั้งคู่เกิดใกล้กับวิสุเวียส(ภูเขาไฟ)”
 
การทดสอบที่พวกเขาทำกับเธอมีแต่จะทำให้สุขภาพของเธอแย่ลง ในปี 1949 เธอถูกส่งไปที่คลินิกในฟลอเรนซ์เป็นเวลาสองสามวันเพื่อตรวจสอบ "อาการป่วยลึกลับ" ของเธอ ในจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ซิสเตอร์เอเลโอโนราเขียนว่า “เมื่อคืนก่อน,คุณพ่อปีโอและทูตสวรรค์มาจัดที่นอนให้เธอ และให้บทเรียนที่ดีกับการดูแลของเราที่ลืมทำสิ่งนี้ เช้านี้พระสงฆ์นำศีลมหาสนิทมาให้เธอหลังจากอดอาหารมาสี่วัน แต่จริงๆแล้วเธอได้รับศีลมหาสนิททุกเช้าจากทูตสวรรค์ของเธอหรือจากพระเยซูเอง ในการเดินทางไปฟลอเรนซ์สองครั้งเพื่อตรวจสุขภาพ,คิดดูเถิด,คุณแม่,จะทุกข์ทรมานเพียงใด พวกเขาต้องฉีดน้ำยาเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้างของเธอซึ่งทำให้เธอทรมานมากและไม่สามารถมองเห็นได้หนึ่งวัน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะลูกสาวของเราไม่ได้นอนเลย และดวงตาของเธอต้องสัมผัสกับแสงเหนือธรรมชาติเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากแสงธรรมชาติอย่างมาก” การทดสอบนี้ทำโดยแพทย์ที่ให้เหตุผลว่ารูม่านตาของเธอขยายมากเกินไป

 จบ..
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น