วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2566

คำทำนายของนักบุญยอห์น บอสโก

 


คำทำนายของนักบุญยอห์น บอสโกเกี่ยวกับพระศาสนจักรและพระสันตะปาปา
 
ในคำทำนายของนักบุญยอห์น บอสโก เตือนว่าจะถึงเวลาที่ปีศาจจะหว่านความบาดหมางในบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับพระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ และได้แนะนำสิ่งที่พระสันตะบิดรจะต้องกระทำ:
 
“เวลานี้สวรรค์ส่งเสียงถึงผู้เลี้ยงแกะแห่งบรรดาคนเลี้ยงแกะ ขณะนี้พระองค์อยู่ในการประชุมกับที่ปรึกษาของพระองค์ ศัตรูของความดีไม่ได้อยู่นิ่งเฉยแม้แต่ครู่เดียว เขาศึกษาและฝึกฝนศิลปะทั้งหมดเพื่อต่อต้านพระองค์ เขาจะหว่านความขัดแย้งในหมู่ที่ปรึกษาของพระองค์ เขาจะก่อศัตรูขึ้นในบรรดาลูกๆของพ่อ ผู้มีอำนาจของโลกจะพ่นไฟออกมา และพวกเขาต้องการให้คำพูดนั้นทำให้หายใจไม่ออกในลำคอของผู้พิทักษ์ธรรมนูญคณะของพ่อ แต่สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น พวกเขาจะไม่ทำอันตรายใดๆเลยนอกจากตัวพวกเขาเอง พระองค์ต้องรีบ ถ้าพระองค์ยังแก้ปมไม่ได้ ให้ตัดเชือกออก ถ้าหากพระองค์พบว่ากำลังลำบาก อย่ายอมแพ้ แต่จงทำต่อไปจนกว่าหัวของไฮดราแห่งความผิดพลาดจะถูกตัดออก การตีนี้จะทำให้โลกและนรกเบื้องล่างสั่นสะเทือน แต่โลกจะปลอดภัยและความดีทั้งหมดจะชื่นชมยินดี จงให้ที่ปรึกษาของพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอ แม้ว่าจะมีเพียงสองคนก็ตาม ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ใด จงทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไปและทำให้เสร็จ วันเวลาผ่านไป,ปีของพระองค์จะถึงจำนวนที่กำหนดไว้ แต่ราชินีผู้ยิ่งใหญ่จะคอยช่วยเหลือพระองค์เหมือนในอดีต ดังนั้นในอนาคต,พระนางจะเป็นป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักรตลอดไป [ในที่นี้ นักบุญบอสโกหมายถึงพระนางมารีย์นิรมล]
 
คุณพ่อบอสโกพูดต่อไป: ย่อหน้านี้ดูเหมือนท่านจะพูดถึงความผิดพลาดของบรรดาผู้เลี้ยงแกะ.... “ปังแห่งความเชื่อ” ไม่ได้ถูกนำมาเลี้ยงดูพวกเรา และแท้จริงแล้ว มันกำลังถูก “ทำให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
 
“อา, แต่เจ้า, อิตาลี, ดินแดนแห่งพระพร! ใครทำให้เจ้าจมอยู่ในความอ้างว้าง! อย่าโทษศัตรูของเจ้า แต่โทษบรรดาเพื่อนของเจ้า เจ้าไม่ได้ยินลูกๆของเจ้ากำลังร้องขอปังแห่งความเชื่อและพบแต่ผู้ที่ทุบมันเป็นชิ้นๆหรอกหรือ? เราควรทำอะไร? เราจะเฆียนตีคนเลี้ยงแกะ เราจะทำให้ฝูงแกะกระจายไป จนกว่าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ของโมเสสจะหาทุ่งหญ้าดีๆ และฝูงแกะก็ตั้งใจฟังและได้รับอาหาร
 
คำเตือนเกี่ยวกับทุกขเวทนา: 
จากฝูงแกะและผู้เลี้ยงแกะ มือของเรา(การลงโทษ)จะหนักหน่วง, ความอดอยาก, โรคระบาด, และสงครามจะทำให้มารดาต้องร้องไห้เพราะเลือดของบรรดาบุตรชายและความตายของมรณะสักขีที่เสียชีวิตในประเทศที่เป็นปรปักษ์
 
แล้วสำหรับเจ้า, โรม, อะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า! โรมที่เนรคุณ, โรมที่เหยียดหยาม, โรมที่ภาคภูมิใจ! เจ้ามาถึงจุดสูงสุดที่เจ้าไม่ต้องค้นหาอีกต่อไป เจ้าไม่ชื่นชมสิ่งใดในกษัตริย์ของเจ้านอกจากความหรูหรา โดยลืมไปว่าตัวเจ้าและเกียรติยศของเจ้าอยู่บนกอลโกธา ตอนนี้เขาแก่แล้ว, ไม่มีที่พึ่ง, และสิ้นหวัง แต่ด้วยคำพูดของเขา, คำพูดของผู้ที่ถูกพันธนาการ, โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน (ผมสงสัยว่าประโยคสุดท้ายนี้หมายถึงพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ด้วยหรือไม่?)
 
และคำเตือนถึงกรุงโรม:
 
โรม! เราจะมาหาเจ้าสี่ครั้ง
 
ครั้งแรก เราจะเฆี่ยนตีดินแดนของเจ้าและชาวเมืองนั้น
 
ครั้งที่สอง เราจะนำการสังหารหมู่และการฆ่าฟันมาสู่กำแพงของเจ้า และเจ้าก็ยังไม่ลืมตาอีกหรือ?
 
เราจะมาเป็นครั้งที่สามและจะทุบการป้องกันของเจ้าและผู้ปกป้องของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง และตามคำสั่งของพระบิดา, อาณาจักรแห่งความสยดสยอง, อาณาจักรแห่งความกลัว,และความรกร้างว่างเปล่าจะเข้าสู่เมืองของเจ้า
 
แต่ผู้ชาญฉลาดของเราหนีไปแล้ว และกฎหมายของเรายังถูกเหยียบย่ำด้วย ดังนั้นเราจะมาเป็นครั้งที่สี่ วิบัติแก่เจ้า ถ้ากฎหมายของเรายังถูกถือว่าเป็นวาจาที่ว่างเปล่า จะมีการหลอกลวงและความเท็จในหมู่ผู้รู้และผู้ไม่รู้ เลือดของเจ้าและลูกๆของเจ้าจะล้างคราบมลทินของเจ้าตามพระบัญญัติของพระเจ้า สงคราม, โรคระบาด, และความอดอยากคือไม้ค้ำยันความเย่อหยิ่งและความชั่วร้ายของมนุษย์ โอ เศรษฐีทั้งหลาย, บัดนี้ความรุ่งโรจน์ของเจ้า, ที่ดิน, พระราชวังของเจ้าอยู่ที่ไหน? พวกมันเป็นซากปรักหักพังบนทางหลวงและทางแยก
 
และคำถามเชิงตำหนิสำหรับพระสงฆ์
 
และพระสงฆ์ของเจ้า ทำไมท่านไม่วิ่งไป 'และร้องไห้ระหว่างห้องโถงกับแท่นบูชา' อ้อนวอนพระเจ้าให้ยุติภัยพิบัติเหล่านี้ เหตุใดท่าน,ด้วยความเชื่ออันเป็นเกราะป้องกัน,จึงไม่ขึ้นไปบนหลังคาบ้าน, ในบ้าน, ตามทางหลวงและทางแยก, เข้าไปทุกซอกทุกมุมที่เข้าถึงได้เพื่อนำเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของเราไป? ท่านจงรู้ไว้เถิดว่านี่คือดาบสองคมที่น่ากลัวที่จะฟาดฟันศัตรูของเราและทำลายความโกรธของพระเจ้าและของมนุษย์”
 
โรมที่อ่อนแอ ร้ายแรงอะไรเช่นนี้ แต่คำทำนายนี้ชี้ให้เห็นถึงยุคสมัยของเรา 
(ตัดตอนมาจาก: http://lasalettejourney.blogspot.com.au/2017/12/proud-rome-effeminate-rome.html)
 
คำทำนายต่อไปนี้เป็นคำทำนายที่เราคุ้นเคยมากที่สุด: "ผู้บัญชาการเรือธง - พระสังฆราชแห่งโรมัน - ยืนอยู่ที่พวงมาลัยหางเสือ ออกแรง,เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนเพื่อบังคับเรือของเขาให้เข้าไปเทียบระหว่างเสาสองต้น ในเรือมีสมอเรือจำนวนมากและตะขอที่แข็งแรงซึ่งเชื่อมโยงกับโซ่ กองเรือข้าศึกทั้งหมดเข้าใกล้เรือธงเพื่อสกัดกั้นและจมเรือธงด้วยทุกวิถีทาง พวกเขาถล่มมันด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี: หนังสือและจุลสาร, ระเบิดเพลิง, อาวุธปืน, ปืนใหญ่ การต่อสู้ดุเดือดยิ่งขึ้น หัวเรือข้าศึกพุ่งชนเรือธงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เป็นผล เรือธงไม่เสียหายและไม่สะทกสะท้าน มันยังคงเดินหน้าต่อไปตามวิถีทางของมัน ในบางครั้ง, ถูกเครื่องกระแทกที่น่าเกรงขามของข้าศึกจนทำให้เรือแตกเป็นรูโหว่ แต่ทันใดนั้น สายลมเย็นพัดมาจากเสาทั้งสองก็ปิดรอยร้าวทันที
 
“ในขณะเดียวกัน ปืนใหญ่ของข้าศึกก็ระเบิดขึ้น อาวุธปืนและจะงอยปากของมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เรือของข้าศึกก็แตกและจมลงสู่ก้นทะเล ด้วยความเดือดดาลอย่างไม่รู้จบ, ศัตรูเข้าต่อสู้ประชิดตัว พูดสาปแช่งและดูหมิ่นศาสนา ทันใดนั้นพระสันตะปาปาก็ล้มลง,ได้รับบาดเจ็บสาหัส พระองค์ได้รับการช่วยเหลือทันที แต่ถูกโจมตีอีกเป็นครั้งที่สองจนเสียชีวิต เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะดังขึ้นจากศัตรู และความยินดีปรีดาท่วมท้นเรือของพวกเขา แต่พระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ไม่นานก็มีองค์อื่นเข้ามาแทนที่ กัปตันเรือถูกเลือกอย่างรวดเร็วจนข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งพระองค์ ความมั่นใจในตนเองของศัตรูลดลง
 
“ฝ่าแนวต้านทั้งหมด,พระสันตะปาปาองค์ใหม่นำเรือไปอย่างปลอดภัยเข้าไปอยู่ระหว่างสองเสา เสาต้นแรกมีศีลมหาสนิทอยู่เหนือเสาและเสาอีกต้นมีพระรูปของพระแม่มารีย์อยู่บนยอด ณ จุดนี้ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรือข้าศึกตื่นตระหนกและแตกกระจาย,ชนกันและวิ่งเข้าหากัน “เรือสนับสนุนบางลำซึ่งต่อสู้เคียงข้างเรือธงอย่างกล้าหาญ, เป็นลำแรกที่ผูกติดไว้ที่เสาสองต้น เรืออีกหลายลำซึ่งหวาดกลัวและอยู่ห่างออกไปจากการต่อสู้ลอยลำนิ่งรออย่างระมัดระวังจนกระทั่ง; เรือข้าศึกที่อับปางหายไปภายใต้เกลียวคลื่น จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเสาสองต้น มัดเรือไว้กับตะขอที่แกว่งไปมา และอยู่อย่างปลอดภัยและเงียบสงบข้างๆเรือธงของพวกเขา ความสงบอันยิ่งใหญ่ปกคลุมทะเลแล้ว”
 
นักบุญยอห์น บอสโกได้ย้ำคำทำนายของท่านในปี 1862:
 
“จะมีการประชุมสภาสากลในศตวรรษหน้า, หลังจากนั้นจะเกิดความโกลาหลในพระศาสนจักร ความเงียบสงบจะไม่กลับมาจนกว่าพระสันตะปาปาจะประสบความสำเร็จในการทอดสมอเรือของปีเตอร์ระหว่างเสาสองต้นแห่งความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทและความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นประมาณหนึ่งปีก่อนสิ้นศตวรรษ”
 
(หมายเหตุ: คำทำนายนี้มีขึ้น 100 ปีก่อนสังคายนาวาติกันครั้งที่สองจะเริ่มขึ้น) 
นำมาจาก https://remnantdisciplesjtm.com/2020/03/17/st-john-bosco-prophecies-for-the-church-and-the-pope-in-the-end-times/
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น