วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2566

ภาพถ่ายของพระเยซูจากเครื่องบิน

 


คำแปลจากวีดีโอ:

เมื่อผมเทศน์สอนในออสเตรเลีย,มีสตรีผู้หนึ่งในที่ประชุมซึ่งได้เดินทางโดยเครื่องบินจากออสเตรเลียไปยังนิวซีแลนด์ผ่านเหนือทัองทะเลทัสมัน
 
และครึ่งทางที่จะไปยังนิวซีแลนด์นั้นเอง พวกเขาได้ประสบกับพายุรุนแรง ก้อนเมฆดูเหมือนไฟ,มีฟ้าผ่ารอบเครื่องบิน สตรีผู้นั้นตกใจมาก เครื่องบินสั่นด้วยแรงลมพายุและตกหลุมอากาศ
 
ผู้โดยสารทั้งหมดตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง พากันร้องเสียงระงม,กอดกันโดยคิดว่าเครื่องบินอาจแตกออกเป็นเสี่ยงและพวกเขาจะต้องตาย
 
สตรีคนนั้นสังเกตว่าผู้หญิงที่นั่งข้างๆเธอใกล้กับหน้าต่างกำลังสวดภาวนา ในสถานการณ์ที่น่าอันตรายนี้,ผู้หญิงคนนั้นถามเธอว่า ขอโทษเถอะ,คุณเป็นคริสตชนใช้ไหม? เธอตอบว่า ใช่ ถ้าเช่นนั้นเรามาสวดด้วยกันเถิด ดังนั้นพวกเขาจึงสวดภาวนาด้วยกัน
 
พวกเขาสวดภาวนาว่า พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงทำให้พายุสงบเมื่อ 2000 ปีก่อน โปรดกระทำเช่นนั้นอีกครั้งเถิด โปรดทำให้พายุในเครื่องบินและภายนอกสงบลงด้วยเทอญ
 
และภายใน 2 นาที ทุกคนในเครื่องบินก็รู้สึกสงบ หยุดส่งเสียงร้องและนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบๆ แต่พายุภายนอกเครื่องบินยังคงดำเนินอยู่ต่อไป สตรีคนนั้นมีกล้องถ่ายรูป,เธอได้ข้ามเพื่อนคนใหม่นี้ที่นั่งอยู่ที่หน้าต่างเพื่อถ่ายรูปภายนอกเครื่องบินโดยหวังว่าจะได้รูปภาพปรากฏการณ์พิเศษของฟ้าผ่า เธอยกกล้องขึ้นส่องออกไปนอกหน้าต่างและกดชัดเตอร์
 
ต่อมา,เครื่องบินสามารถลงจอดที่สนามบินได้สำเร็จเพราะพายุได้หยุดลงพอดีก่อนที่มาถึงสนามบิน สตรีผู้นั้นได้นำฟิลม์ไปที่ร้านถ่ายรูปเพื่อล้าง
 
เจ้าของร้านถ่ายรูปทำการล้างรูปเรียบร้อยแล้วจึงได้โทรศัพท์มาหาสตรีผู้เป็นเจ้าของฟิลม์บอกว่า “ฟิลม์ของคุณได้ทำการล้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คุณช่วยมารับรูปถ่ายที่ร้านได้ไหม ผมต้องการพูดคุยกับคุณด้วย”
 
เมื่อสตรีไปที่ร้านเพื่อรับรูปถ่าย,เธอถามเจ้าของร้านว่า “คุณต้องการพูดอะไรกับฉันหรือ?” เจ้าของร้านพูดว่า “คุณถ่ายรูปนี้ที่ไหน?” .
 
สตรีจึงเล่าเรื่องในเครื่องบินให้เขาฟังและได้ใช้กล้องถ่ายรูปที่หน้าต่างเครื่องบิน และพายุได้หยุดลงทันทีที่เธอถ่ายรูปนี้
 
เจ้าของร้านถ่ายรูปและคนในครอบครัวของเขาได้กลับใจมาเป็นคริสตชนในช่วงบ่ายของวันนั้นเอง เป็นเพราะรูปถ่ายใบนั้น
 
*** 
ผมได้รับรูปถ่ายใบนั้นมาเป็นสีขาวดำที่จะแสดงในเครื่องฉายภาพแก่พวกคุณ
 
ผมคิดว่าพวกคุณคงมองไม่เห็นใบหน้า แต่วันหนึ่งพวกคุณจะได้เห็นแน่ แต่นี่คือสิ่งที่กล้องถ่ายรูปเห็นในสิ่งที่เธอไม่เห็น ผู้อยู่ในรูปถ่ายได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ผมได้มีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รับสิทธิพิเศษได้เห็นรูปของพระเยซูเจ้า ผมไม่สามารถอธิบายพระพักตร์ของพระองค์ได้ในวันนี้ แต่ผมรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นและเป็นพระองค์จริงๆ แต่วันหนึ่งเราจะได้เห็นพระองค์ เห็นพระพักตร์ของพระองค์และเราจะเป็นเหมือนพระองค์ตามที่พระองค์ทรงเป็น
 

ข้าพเจ้ายอห์นได้เห็นสิ่งเหล่านี้ เมื่อข้าพเจ้าได้ยินและได้เห็นแล้ว,ข้าพเจ้าล้มลงแทบเท้าของเขาเหมือนคนตาย แต่เขาวางมือบนตัวข้าพเจ้ากล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลาย เราเป็นผู้มีชีวิต เราตายไปแล้ว แต่บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ตลอดนิรันดร”
 
คุณรู้จักผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลกทุกคน,ผู้นำศาสนาทุกคนแล้ว คุณอาจพูดได้ว่าพวกเขาเคยมีชีวิต แต่บัดนี้พวกเขาตายแล้วตลอดนิรันดร มีแต่เพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่สามารถตรัสว่า พระองค์ตายแล้วและทรงมีชีวิตอยู่ตลอดไป ขงจื้อตายแล้ว,พระพุทธเจ้าตายแล้ว,มูฮัมหมัดตายแล้ว แต่พระเยซูเจ้ายังทรงมีชีวิต
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น