วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เครื่องหมายแห่งกาลเวลา 2

 
 

ช่วงเวลาของเรานับเป็นช่วงเวลาวิกฤตอย่างยิ่ง ให้เรามาดูในพระคัมภีร์ ในบทจดหมายของนักบุญเปาโลบ้าง ว่าท่านพูดถึงยุคสมัยของเราอย่างไร
 
2 ทิโมที 3 เขียนว่า
 
“จงรู้ไว้เถิดว่า ยุคสุดท้ายจะมีช่วงเวลาความยุ่งยากเกิดขึ้น มนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินทอง อวดดี ยโสและหยาบคาย ดื้อด้านต่อบิดามารดา เนรคุณ ไม่นับถือศาสนา ไร้มนุษยธรรมไม่ยอมให้อภัย นินทาว่าร้าย เสเพล เข้ากับใครไม่ได้ เกลียดชังความดี ทรยศ ไม่คำนึงถึงผู้อื่น หยิ่งผยอง รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า นับถือศาสนาแต่เพียงเปลือกนอก แต่ไม่ยอมให้ศาสนามีอิทธิพลต่อชีวิต จงอย่าคบกับคนพวกนี้เลย พวกนี้บางคนแฝงตัวเข้าไปตามบ้าน” -- (โดยอาศัย ทีวี โทรศัพท์เคลื่อนที่ )
 
— และเราได้เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วหรือยัง?
 
“ส่วนคนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะยิ่งเลวร้ายลง ทั้งหลอกลวงคนอื่นและถูกหลอกลวงด้วย”
 
นี่คือประกาศกเท็จเทียมหรือ? 
ผู้นำที่ทำสิ่งผิดพลาดหรือ? 
เมื่อผู้นำที่ทำสิ่งผิดพลาด ผู้รับเคราะห์ก็คือประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราเห็นได้อย่างชัดเจน ในสงครามที่เกิดขึ้นเวลานี้ เด็ก,ประชาชนธรรมดา ,ล้มตายไปมากมายโดยไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย
 
“จะถึงเวลาหนึ่งที่ผู้คนจะไม่ต้องการฟังคำสอนที่ถูกต้อง แต่จะแสวงหาผู้สอนจำนวนมากมายมาอยู่ร่วมกัน เพื่อจะได้สอนสิ่งที่ตนอยากฟัง พวกเขาจะไม่ยอมฟังความจริง แต่จะเปลี่ยนไปฟังเทพนิยาย”
 
นั่นคือ ละครทีวี คอนเสริท ภาพยนตร์ต่างๆ
 
นักบุญเปาโลพูดต่อไปว่า
 
“จงกำชับเขาต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า อย่าโต้เถียงกันเรื่องถ้อยคำ เพราะไม่มีประโยชน์ใดนอกจากความพินาศของผู้ฟัง ท่านจงขวนขวายที่จะแสดงตนว่าพระเจ้าทรงรับรองท่านแล้ว เป็นคนงานที่ไม่ต้องอายใคร เป็นผู้สั่งสอนพระวาจาแห่งความจริงอย่างถูกต้อง จงหลีกเลี่ยงคำพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ เพราะมีแต่จะทำให้ห่างพระเจ้ามากขึ้น และคำพูดของบุคคลเหล่านี้จะแพร่ออกไปเหมือนกับเนื้อร้าย”
 
และใน บทจดหมายถึง ทิตัส 3 นักบุญเปาโลบอกเราว่า
 
“จงตักเตือนเขาเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำนาจและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ พร้อมที่จะทำความดีทุกประการ ไม่กล่าวร้ายผู้ใด หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท มีความอดกลั้นและสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิดเป็นทาสของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่างๆ ขณะนั้นเราดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย มีความอิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน แต่เมื่อพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใดๆที่เราทำ แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า พระองค์ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทางพระเยซูคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา เพื่อพระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผู้ชอบธรรมและเป็นทายาทในความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร”
 
และสุดท้ายให้เราไปที่ 1โครินทร์ 13 ข้อความที่สำคัญที่สุด นักบุญเปาโลพูดว่า
 
“ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง
 
ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาก็จะถูกยกเลิกไป แม้การพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจจะยุติ แม้ความรู้ก็จะหมดสิ้น เพราะเรารู้อย่างไม่สมบูรณ์ และประกาศพระวาจาอย่างไม่สมบูรณ์”
 
แต่เมื่อสิ่งที่สมบูรณ์มาถึง ความไม่สมบูรณ์ก็จะสูญสิ้นไป
 
เมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็กๆ คิดเหมือนเด็กๆ ใช้เหตุผลเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก
 
ในเวลานี้เราเห็นพระเจ้าเพียงรางๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระเจ้าเหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้าเรา”
 
ความรัก? นั่นคือพระเจ้า 
ความรักคือกุญแจของทุกสิ่ง
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น