วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พิจารณาไตร่ตรองเรื่องนรก

 
 

นรกเป็นแหล่งรวมความสกปรกทางจิตวิญญาณทั้งหมดของมนุษยชาติ
 
เราไม่ได้พูดถึงหลักคำสอนเรื่องนรกมากเท่าที่ควร และใช่,มันเป็นหลักคำสอนของความเชื่อ อันที่จริง,เราไม่ได้พูดถึง "สิ่งสุดท้ายของมนุษย์สี่ประการ" มากนัก อาจเป็นเพราะมันไม่ทันสมัย และความคิดเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจเท่าไรนัก กระนั้นก็ตาม,ความปรารถนาที่จะไม่ตกนรก,เป็นแรงบันดาลใจให้บรรดานักบุญจำนวนมากดำเนินชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์
 
ถ้าคุณไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับนรกเลย,คุณอาจกลายเป็นคนไม่มีความเชื่อและไม่แยแสกับเรื่องของนรก หวังว่าคุณจะมีความกลัวนรกและมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะดำเนินชึวิตเพื่อหลีกเลี่ยงนรก ความปรารถนาของคุณที่จะเอาชีวิตรอดจากนรกจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ามาก
 
ลองนึกภาพบาปทั้งหมดที่คุณพยายามหลีกเลี่ยง ทีนี้ลองจินตนาการว่าบาปทั้งหมดนั้นไปรวมกันอยู่ในที่เดียว
 
นี่คือสิ่งที่นรกเป็น
 
ในหลักคำสอนเรื่องนรก,โดยคุณพ่อฟรองซัวส์ ซาเวียร์ ชูปเป้ เอส.เจ.(Rev. Father Francois Xavier Schouppe, S.J.) เราพบคำอธิบายที่น่ากลัวมากเกี่ยวกับนรก:
 
“นรกเป็นหลุมลึกของโลกและเป็นที่รองรับความสกปรกโสโครกทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติ
 
ที่นั่น,ความไม่บริสุทธิ์,การดื่มสุราเมามาย,การดูหมิ่นศาสนา,ความหยิ่งจองหอง,ความอยุติธรรม และความชั่วร้ายทั้งหลายอันเป็นเหมือนสิ่งเน่าเปื่อยของวิญญาณ,กองสูงขึ้นเป็นภูเขา ความสกปรกโสโครกของวิญญาณนี้,ส่งกลิ่นเหม็นยิ่งกว่ากลิ่นเหม็นของโรงพยาบาลและของซากศพทั้งหมด
 
นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า,ถ้าร่างของคนที่ถูกสาปแช่งเสื่อมสลายอยู่บนโลก,ร่างของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้โลกนี้อาศัยอยู่ไม่ได้ มันจะเต็มไปด้วยการติดเชื้อโรค,เหมือนซากศพที่อยู่ในบ้านที่เน่าเปื่อยแล้วจะแพร่เชื้อไปทั่วทั้งบ้าน”
 
“ความทุกข์ทรมานอีกประการหนึ่งของนรกคือสังคมอันน่าสยดสยองของปีศาจและคนที่ถูกสาปแช่ง มีคนบาปที่ชั่วช้าสามานย์บางคนบนโลก,ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังเดินไปสู่นรก,แล้วพวกเขายังรู้สึกสบายใจโดยพูดว่า "กูจะไม่อยู่ที่นั่นตามลำพัง!" คำพูดปลอบใจตัวเองที่น่าเศร้าจริงๆ! มันเป็นคำพูดของนักโทษที่ถูกพิพากษาให้สวมโซ่เหล็กติดเข้าด้วยกันในห้องขัง
 
มันยังพอเข้าใจได้สำหรับนักโทษที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับนักโทษประเภทเดียวกับเขา อนิจจา!, มันจะไม่เป็นเช่นนี้ในนรก,ที่ซึ่งผู้ถูกสาปแช่งจะถูกพิพากษาให้อยู่ร่วมกัน “ที่นั่น” นักบุญโทมัสกล่าว, “ผู้อยู่ในกลุ่มของความชั่วช้าเช่นเดียวกับเขา,ห่างไกลจากการบรรเทาใดๆ,มันจะยิ่งเพิ่มพูนการสาปแช่งมากขึ้น,จนทำให้เขาทนไม่ไหว” ในเวลาที่อยู่บนโลก,การมีสังคมกับบุคคลอื่นกับเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ถูกสาปแช่งในนรกได้ พวกเขาถือว่าอยู่กับเสือและสิงโตยังมีความสุขมากกว่าอยู่กับญาติพี่น้องหรือพ่อแม่ของพวกเขาเอง
 
คุณอยากเห็นความยากจนและความขาดแคลนของนรกที่บรรดาผู้ที่ถือว่าสิ่งของของโลกนี้เป็นพระเจ้าของพวกเขาไหม,พวกเขาทนทุกข์ทรมานที่นั่นหรือไม่? ลองพิจารณาเศรษฐีผู้ชั่วร้ายในนิทานเปรียบเทียบในพระวรสารดูเถิด
 
ตลอดชีวิตของเศรษฐีผู้นี้,เขาเคยชินกับการกินเนื้อนุ่มๆที่เสิร์ฟในภาชนะเงิน, ดื่มไวน์ชั้นดีในแก้วทองคำ, สวมชุดเสื้อผ้าสีม่วงและผ้าลินินเนื้อดี หลังจากที่เขากลายเป็นชาวนรก, เขาพบว่าตัวเองถูกพาลงไปสู่จุดต่ำสุดของความขาดแคลนในทุกสิ่ง เขา,ผู้ที่ปฏิเสธลาซารัสที่น่าสงสาร,ที่ขอเพียงเศษขนมปังจากโต๊ะของเขา เมื่อถึงเวลาของเขาบ้าง,เศรษญีขอไม่ใช่อาหารอันโอชะ,แต่เป็นหยดน้ำเย็นๆสักหยดหนึ่งซึ่งเขายินดีรับจากนิ้วของลาซารัสคนโรคเรื้อน แต่เวลานี้,หยดน้ำเพียงหนึ่งหยดก็ถูกปฏิเสธ พระผู้ไถ่ไม่ได้ตรัสหรอกหรือว่า “วิบัติแก่ท่านที่ร่ำรวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดแก่ท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว” (ลูกา 6:25) “
 
“ไม่มีแสงสว่าง” นักบุญเทเรซาเขียน(อัตชีวประวัติ บทที่ 25) “ในหลุมนิรันดร, มีเพียงความมืดมิดเหมือนสีย้อมที่ดำที่สุด แต่กระนั้น, โอ้, ความลึกลับ! แม้ว่าจะไม่มีแสงส่องให้เห็น, แต่ทุกวิญญาณที่เจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดก็สามารถรับรู้และมองเห็นได้ ในบรรดาสิ่งเหล่านั้นที่ทรมานดวงตาของผู้ถูกสาปแช่ง, สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือปีศาจ,ที่แสดงตัวออกมาในความน่าเกลียดน่ากลัวทั้งหมดของพวกมัน
 
นักบุญ เบอร์นาร์ดพูดถึงนักบวชคนหนึ่งซึ่งอยู่ในห้องพักของเขา, เขาส่งเสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวอย่างกะทันหัน,ซึ่งดึงดูดผู้คนในคณะ ผู้คนในคณะมาพบเขา,ขณะที่เขาพูดแต่ถ้อยคำอันเศร้าโศกว่า “ขอสาปแช่งวันที่ข้าพเจ้าเข้าสู่คณะ!” ด้วยความหวาดกลัวและเป็นทุกข์เพราะคำสาปแช่งนี้,ซึ่งเป็นเหตุที่พวกเขาไม่เข้าใจ ,พวกนักบวชพี่น้องของเขาจึงซักถามและให้กำลังใจเขา และพูดกับเขาให้มีความวางใจในพระเจ้า ในไม่ช้า,เขาก็คืนสติเงียบลงแล้วตอบว่า "ไม่, ไม่, ไม่ใช่ชีวิตนักบวชที่ข้าพเจ้าควรจะสาปแช่ง ตรงกันข้าม,เป็นบุญของข้าพเจ้าสำหรับวันที่ข้าพเจ้าได้เป็นนักบวช! พี่น้องทั้งหลาย, อย่าแปลกใจที่เห็นจิตใจของข้าพเจ้าถูกรบกวนเลย ปีศาจสองตนได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า,รูปร่างหน้าตาอันน่าสยดสยองของพวกมันทำให้ข้าพเจ้าเสียสติไป ปีศาจอะไรเช่นนี้! อา! รับความทนทุกข์ทรมานทั้งหมดยังดีกว่าเห็นพวกมันอยู่ต่อหน้าเสียอีก!”
 
“พระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งกำลังขับไล่ผีปีศาจ, และท่านได้ถามปีศาจว่ามันต้องทนทุกข์ทรมานในนรกอย่างไร “ไฟชั่วนิรันดร์” มันตอบ “ความอาฆาตชั่วนิรันดร์ ความเดือดดาลชั่วนิรันดร์ และความสิ้นหวังอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่สามารถจ้องมองพระองค์ผู้ทรงสร้างข้า” “เจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะมีความสุขในการได้เห็นพระเจ้า” ปีศาจตอบว่า “เพื่อที่จะได้เห็นพระองค์แต่เพียงชั่วครู่หนึ่ง ข้าจะต้องยินยอมที่จะทนรับความทรมานของข้าเป็นเวลา 10,000 ปี แต่นั่นเป็นความปรารถนาอันไร้สาระ! ข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดไปอยู่แล้วและจะไม่มีวันได้เห็นพระองค์!”
 
“วันหนึ่ง,วิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งกำลังพิจารณาไตร่ตรองถึงนรก, และเมื่อพิจารณาถึงความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์, ความน่าสะพรึงกลัว “ตลอดเวลา… ไม่มีวันสิ้นสุด” เธอก็เกิดความสับสนอย่างมากกับเรื่องนี้, เพราะเธอไม่สามารถยอมรับความรุนแรงอันไม่อาจพรรณาได้นี้เมื่อเปรียบกับความดีอันศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์ครบครันของพระเจ้าได้ “ข้าแต่พระเจ้า” เธอกล่าว “ข้าพเจ้ายอมจำนนต่อคำพิพากษาของพระองค์ แต่ขออย่าให้พระยุติธรรมอันเข้มงวดของพระองค์รุนแรงมากเกินไปเลย”
 
“คุณเข้าใจไหม” ว่า “บาปคืออะไร? การทำบาปคือการพูดกับพระเจ้าว่าข้าพเจ้าจะไม่รับใช้พระองค์! ข้าพเจ้าดูหมิ่นกฎบัญญัติของพระองค์ ข้าพเจ้าหัวเราะเยาะการข่มขู่ของพระองค์!” “พระเจ้าข้า,ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่าบาปคือการสร้างความขุ่นเคืองต่อพระราชอำนาจของพระองค์” “ถ้าทำได้, ลองวัดความใหญ่โตของความชั่วร้ายของบาปดู” “ข้าแต่พระเจ้า ความร้ายแรงของความชั่วร้ายนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากมันโจมตีพระราชอำนาจของพระเจ้าอันไม่มีที่สิ้นสุด” “เช่นนั้นจึงต้องถูกลงโทษด้วยโทษทัณฑ์อันไม่มีที่สิ้นสุดมิใช่หรือ? เนื่องจากโทษทัณฑ์ไม่สามารถมีความรุนแรงจนไม่มีขอบเขตได้ พระยุติธรรมจึงเรียกร้องให้โทษทัณฑ์นั้นเป็นไปด้วยเวลาที่ไม่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้, พระยุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์จึงจะคงอยู่ในความเจ็บปวดชั่วนิรันดร: ความน่ากลัว 'ตลอดเวลา' ความน่ากลัว 'ไม่สิ้นสุด' ผู้ถูกสาปแช่งจะต้องแสดงความเคารพต่อพระยุติธรรมนี้และร้องออกมาท่ามกลางความทรมานของพวกเขา: 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเที่ยงธรรม พระวินิจฉัยของพระองค์ก็ถูกต้อง' (สดุดี 119: 137)”
 
ช่างเป็นภาพพจน์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง.
 
ขอให้เราตั้งปณิธานว่าจะดำเนินชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์และใช้ประโยชน์จากศีลศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆ, เพื่อเราจะได้หลีกเลี่ยงจากนรกได้
 
แหล่งที่มา - “หลักคำสอนเรื่องนรก 
ภาพประกอบนำมาจากหนังสือประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์” โดย คุณพ่อ Francois Xavier Schouppe, S.J.
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น