ชีวิตของนักบุญเต็มไปด้วยเหตุการณ์อัศจรรย์และเรื่องเหนือธรรมชาติ นักบุญฟรังซิส อัสซีซีมีประสบการณ์ในการได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า นักบุญเทเรซาแห่งลิซิเออซ์ได้ต่อสู้กับปีศาจ เป็นที่รู้กันว่านักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา, นักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนา และแม้แต่นักบุญอิกเนเชียสเคยลอยขึ้นจากพื้นได้หลายนิ้วและบางครั้งก็สูงหลายฟุตระหว่างสวดภาวนา
นักบุญอัลฟองโซ ลิกัวรี และนักบุญคุณพ่อปีโอ มีประสบการณ์อยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน นักบุญยอห์นแห่งอียิปต์เป็นผู้มีญาณทิพย์ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน นักบุญเบอร์นาเด็ตต์ นักบุญเจอโรม และนักบุญแคลร์แห่งอัสซีซี ล้วนมีประสบการณ์การประจักษ์และนิมิตของพระเยซูเจ้า,แม่พระ หรือเหตุการณ์ที่ทำนายไว้ในอนาคต
และนักบุญองค์หนึ่งได้พบกับวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปแล้วอีกด้วย
วันที่ 2 เมษายน 1839 สามเณรคาทอลิกหนุ่มชื่อยอห์น บอสโก นั่งอยู่ในโบสถ์,ไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของหลุยส์ โคมอลโล(Louis Comollo) เพื่อนรักของเขา เมื่อหกปีก่อน,ทั้งสองพบกันในช่วงปีสุดท้ายที่ยอห์น บอสโกเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมในเมืองพีดมอนต์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขาทางตอนเหนือของอิตาลี
พวกเขาอยู่ในสามเณราลัยเดียวกันในเมือง Chieri ซึ่งเป็นเมืองสิ่งทอที่สำคัญ,อยู่ห่างจากตูรินประมาณ 11 กิโลเมตร และครั้งหนึ่งเคยอยู่ในการปกครองของนโปเลียน โบนาปาร์ตในปลายศตวรรษที่ 18
พวกเขามีมิตรภาพที่ยั่งยืนและทั้งสองก็ส่งเสริมนิสัยของกันและกัน โคมอลโลมักจะเป็นคนเงียบ, อ่อนแอ, และศรัทธาอยู่เสมอ ในทางกลับกันบอสโก,แม้ว่าจะเป็นชายหนุ่มที่อ่อนไหวและจริงจัง แต่ก็เป็นคนตลก, มีความรัก, และเข้ากับคนง่าย
บอสโกเติบโตมาในความยากจน แต่เมื่ออายุ 9 ขวบเชื่อว่าเขาได้รับภารกิจจากพระเจ้า เขามีความฝันเชิงทำนายครั้งแรกในวัยนั้น ในนิมิตฝัน,ซึ่งอาจจะเป็นพระเยซู, บอกเขาว่าเขาต้องนำผู้คนมารวมกันด้วยความรักและความอ่อนโยน ความฝันจะดำเนินต่อไปตลอดชีวิตของเขา
บอสโกจะอุทิศตนให้กับพระเจ้า แต่การตายของเพื่อนของเขาสร้างความเจ็บปวดและความสะเทือนใจให้กับบอสโกเป็นอย่างมาก
ขณะที่พวกเขาเรียนหนังสือด้วยกัน ทั้งบอสโกและโคโมโลต่างก็หลงใหลในเรื่องราวของนักบุญ และวันหนึ่งพวกเขาก็ทำข้อตกลงกัน
หลังจากอ่านเกี่ยวกับวีรกรรมของนักบุญยอห์นผู้เผยแพร่พระวรสาร นักบุญฟรังซิสผู้รับใช้ และนักบุญแอนโทนี ฤาษีทะเลทรายที่ถูกปีศาจทรมาน พวกเขาก็ตกลงกันว่าใครก็ตามที่ตายก่อนจะนำพระวาจาแห่งชีวิตกลับมาบอกแก่อีกคนหนึ่งเพื่อทำให้เพื่อนรู้ว่าเขาได้รับความรอดแล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวก้องอยู่ในหูของบอสโกเหมือนกับเสียงระฆังโบสถ์ที่ดังไปทั่วเมืองในเช้าวันนั้นในงานศพของโคมอลโล เขานั่งอยู่ในโบสถ์และมองไปรอบๆ เพื่อหาสัญญาณจากเพื่อนของเขา ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง นิมิต การเคลื่อนไหวกะทันหัน หรืออะไรก็ได้ เขาตั้งใจฟังถ้อยคำในพิธีศพและเสียงรอบตัวเขาอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่มีอะไร.
แต่บอสโกก็อดทนและสาบานว่าจะเฝ้าติดตามข้อตกลงนี้ คำพูดของความฝันเก่าๆที่เขามีเมื่อหลายปีก่อนผ่านเข้ามาในความคิดของเขาอย่างแน่นอน: “สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นั้น เธอต้องทำให้สำเร็จโดยการเชื่อฟัง” เขาจะเชื่อฟังและอดทน เขาจะรอสัญญาณตราบเท่าที่เขาต้องรอ
ดูเหมือนว่าบอสโกไม่ต้องรอนาน คืนถัดมา,ขณะที่เขาอยู่ในหอพักอันเป็นห้องโล่งขนาดใหญ่ซึ่งมีสามเณรอีก 20 คนกำลังเตรียมตัวเข้านอน ผ่านมาสองสามวันแล้วและความตายของโคมอลโลยังคงติดตรึงอยู่ในใจของเขา
เขานอนอยู่บนเตียง, และขณะที่เพื่อนร่วมห้องผลอยหลับไป บอสโกก็สวดภาวนา เขาสวดภาวนาเพื่อฟังจากเพื่อนของเขา, เพื่อขอถ้อยคำจากสวรรค์, เพื่อยืนยันว่าเขามาถูกทางแล้ว และความฝันของเขาไม่ใช่การหลอกลวงทางจิตใจ แต่เป็นสาส์นโดยตรงจากพระผู้ทรงอำนาจ
เขานอนอยู่บนเตียงและรอ เมื่อมีสัญญาณหนึ่งซึ่งเขาจะบันทึกไว้ในหนังสือหลายเล่มที่เขาเขียนในภายหลังในช่วงชีวิตของเขาเกิดขึ้น:
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน เสียงดังก้องเกิดขึ้นที่ปลายทางเดิน เสียงดังก้องนั้นดังขึ้นและดังมากขึ้นเมื่อมันเข้ามาใกล้ มันเหมือนกับเสียงของเกวียนขนาดใหญ่ หรือเสียงรถไฟ หรือแม้แต่เสียงปืนใหญ่ ข้าพเจ้าไม่รู้จะบรรยายเสียงนั้นอย่างไรดี เว้นแต่จะบอกว่าเป็นเสียงที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงผสมปนเปกันจนทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกหวาดกลัวและหวั่นไหวเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เมื่อเสียงดังก้องเข้ามาใกล้มากขึ้น มันทำให้เพดาน ผนัง และพื้นของห้องโถงทางเดินสั่นสะเทือนราวกับแผ่นโลหะที่ถูกกระแทกด้วยมือของยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เสียงนั้นเข้ามาใกล้จนเป็นเรื่องยากมากที่จะระบุได้ว่าอยู่ใกล้แค่ไหน ทำให้เราไม่แน่ใจว่าหัวรถจักรอยู่ตรงไหนซึ่งแล่นจากไอพ่นไอน้ำ บรรดาสามเณรในหอพักต่างตื่นขึ้นแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
ข้าพเจ้าเย็นยะเยือกด้วยความกลัว เสียงนั้นเข้ามาใกล้,เข้ามาเรื่อยๆ, และยิ่งน่ากลัวมากขึ้น มันมาถึงหอพักแล้ว แล้วประตูก็เปิดออกเอง, เสียงคำรามดังขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็นนอกจากแสงหลากสีที่น่ากลัวที่ดูเหมือนจะเป็นตัวควบคุมเสียง ทันใดนั้นก็มีความเงียบงัน, แสงสว่างก็ทวีความรุนแรงขึ้น และได้ยินเสียงของโคโมโลอย่างชัดเจน: “บอสโก บอสโก บอสโก ผมรอดแล้ว”
ในขณะนั้นหอพักก็สว่างไสวยิ่งขึ้น เสียงดังดังขึ้นอีกครั้ง ยาวและดังกว่าเดิมมาก ราวกับฟ้าร้องรุนแรงจนบ้านแทบพังทลาย ทันใดนั้นมันก็หยุดลงและแสงนั้นก็หายไป
มันเป็นความฝันหรือ? ความปรารถนาของบอสโกหนุ่มกำลังครวญคราง? หรือเพื่อนของบอสโกกลับมาจากความตายเพื่ออำลาเป็นครั้งสุดท้ายและยืนยันว่ามีสิ่งมากมายในสวรรค์และโลกมากกว่าที่เราฝันถึงในปรัชญาของเรา?
พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบ สิ่งที่เรารู้ก็คือบอสโก - ซึ่งต่อมาก่อตั้งคณะนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ในปี 1859 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญในปี 1934 โดยพระสันตะปาปาปิโอที่ 11 ได้รับสัญญาณที่เขาสวดภาวนาวอนขอแล้ว
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น