วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567

การนมัสการศีลมหาสนิท

 


ในขณะที่พระศาสนจักรเชื่อในการสถิตของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทตั้งแต่ยุคแรก,การนมัสการเคารพศีลมหาสนิทมีการพัฒนาขึ้นในภายหลัง
 
พระศาสนจักรคาทอลิกเชื่อมาตั้งแต่สมัยอัครสาวกว่าพระเยซูเจ้าทรงสถิตอยู่ในศีลมหาสนิทในพิธีมิสซา
 
อย่างไรก็ตาม, การแสดงความเคารพต่อศีลมหาสนิท,โดยที่แต่ละคนมาเฝ้าศีลมหาสนิทที่ถูกถวายด้วยความรัก,ยังไม่พัฒนาจนกระทั่งในเวลาต่อมา ในตอนแรก,ศีลมหาสนิทที่ถวายในพิธีมิสซาจะถูกรับและกินทันทีหรือนำไปให้กับผู้เจ็บป่วยและผู้ทุกข์ทรมานจากโรคภัย ตู้ศีลยังไม่ค่อยมีและมักประดิษฐานแยกออกจากตัวโบสถ์,ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับแสดงความศรัทธาเป็นส่วนบุคคล
 
ทุกอย่างเปลี่ยนไปในศตวรรษที่ 10 และ 11 เมื่อพระสงฆ์ในฝรั่งเศสปฏิเสธอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการสถิตย์ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
 
สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดการแทรกแซงจากพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 และหลังจากนั้น "การฟื้นฟูความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท" ก็เกิดขึ้นในฝรั่งเศส
 
คุณพ่อ จอห์น ฮาร์ดอนบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปในหนังสือ The History of Eucharistic Adoration:
 
ด้วยการแสดงความเชื่อนี้,พระศาสนจักรต่างๆในยุโรปได้เริ่มต้นสิ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการฟื้นฟูความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท ได้มีการจัดขบวนแห่ศีลมหาสินท,การแสดงความเคารพต่อศีลมหาสนิทถูกกำหนดขึ้น อันได้แก่; สนับสนุนให้มีการเฝ้าศีลมหาสนิทที่ประทับอยู่ในรัศมี; ห้องพักของนักบวชในอารามมีหน้าต่างที่สามารถมองเข้าไปในโบสถ์เพื่อให้นักบวชได้เห็นและชื่นชมศีลมหาสนิทที่อยู่ในตู้ศีล บทเพลงของคาร์เมลไลท์ในสมัยแรกมีคำว่า "เพื่อความศรัทธาต่อพระผู้ประทับอยู่ในสถานศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง" ซึ่งหมายถึงการเก็บรักษาศีลมหาสนิทไว้ในตู้ศีล
 
การยกชูศีลมหาสนิทในพิธีมิสซา
 
การพัฒนาที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันคือแนวทางปฏิบัติใหม่ในการยกชูศีลมหาสนิทขึ้นหลังจากพระสงฆ์กล่าวคำถวายแล้ว
 
ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรส่วนใหญ่,ในพิธีมิสซาละตินดั้งเดิม,พระสงฆ์จะหันหน้าไปทางแท่นบูชาและผู้ร่วมพิธีก็ทำเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าเมื่อพระสงฆ์กำลังสวดบทภาวนาเสกศีลมหาสนิท,ผู้ร่วมพิธีจะไม่เห็นศีลมหาสนิทและจอกกาลิกษ์
 
ในตอนแรกสิ่งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดๆแก่ประชาชน แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 13,นักบุญจำนวนมากมองหาวิธีที่จะทำให้ความศรัทธาในศีลมหาสนิทของประชาชนลึกซึ้งยิ่งขึ้น
 
สารานุกรมคาทอลิกอธิบายว่าการพัฒนานี้เริ่มแพร่กระจายได้อย่างไร:
 
ที่ปารีส,การชูศีลมหาสนิทขึ้นกลายเป็นเรื่องของพระสังฆราชที่จะเป็นผู้กระทำ,ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนปี 1200 การกระทำนี้ได้รับการยกย่องว่าผู้คนจะได้รับบุญกุศลมากในการเฝ้าดูและสดุดีสรรเสริญพระวรกายของพระเยซูเจ้า ด้วยวิธีนี้,แม้ก่อนกลางศตวรรษที่ 13, ก็มีการแพร่กระจายคำสัญญาทุกประเภทเกี่ยวกับสิทธิพิเศษที่บุคคลจะได้รับ, บุคคลผู้ซึ่งได้เห็นพระวรกายขององค์พระคริสต์ในวันใดก็ตาม 
 
พิธีสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า(Corpus Christi) ได้เสริมสร้างความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท และดำเนินต่อเนื่องมาในพิธีกรรมโรมันของพระศาสนจักรคาทอลิก
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น