วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2567

นักบุญแม็กดาลีนแห่งนางาซากิ

 


จงอย่ากลัว
 
Saint Magdalene of Nagasaki
 
นักบุญแม็กดาลีนแห่งนางาซากิ (เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1634) เธอเป็นออกัสติเนียนชั้นที่สามในญี่ปุ่น แม้จะประสบอันตรายและความยากลำบากมากมาย แต่ยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเยซูคริสต์จนกระทั่งเสียชีวิต
 
แม็กดาลีนเกิดเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 ในครอบครัวคริสตชนศรัทธา พ่อแม่ของเธอต้องเสียชีวิตราวปี ค.ศ. 1620 เมื่อแม็กดาลีนยังเป็นวัยรุ่น
 
ในช่วงเวลานี้เองที่พระสงฆ์ออกัสตินเนียนกลุ่มแรกมาถึงญี่ปุ่น ในฐานะคริสตชนที่มุ่งมั่น,มักดาลีนแนะนำตนเองแก่พวกเขา เธอทำหน้าที่เป็นครูคำสอนและล่ามให้กับมิชชันนารีออกัสติเนียนยุคแรก
 
เธอพบว่าจิตวิญญาณแบบออกัสติเนียนน่าดึงดูดใจ โดยเน้นไปที่การค้นหาพระเจ้า ชีวิตฝ่ายจิต และการอยู่เป็นหมู่คณะ เธอขอเข้าสู่คณะของนักบุญออกัสติน(Order of Saint Augustine)นี้ และในปี 1625 ก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในคณะนี้
 
การเป็นคริสตชนในญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเบียดเบียนรุนแรงขึ้น แม็กดาลีนหนีไปที่เนินเขา ซึ่งเธอทำงานเพื่อนำพระวาจาของพระเจ้ามาสู่ผู้ที่ไม่รู้จักพระเยซู และเสริมสร้างความเชื่อของผู้ที่ยอมรับให้เข้มแข็งขึ้น
 
ในปี 1632 ,ออกัสติเนียน ฟรานซิสแห่งพระเยซู แตร์เรโร และวินเซนต์แห่งนักบุญแอนโทนี ซิโมเอนส์, ซึ่งเคยเป็นพระสงฆ์ผู้ให้คำแนะนำของเธอ ถูกเผาตายเพราะความเชื่อในพระเยซูของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อและความมุ่งมั่นของมักดาลีนต่อพระคริสต์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เธอพบพระสงฆ์ออกัสติเนียนอีกสองคน ได้แก่ Martin แห่งนักบุญนิโคลัส ลุมเบรราส และ Melchior แห่งนักบุญออกัสติน ซานเชซ, พวกเขาช่วยพัฒนาความซาบซึ้งและการฝึกฝนฝ่ายจิตแบบออกัสติเนียนแก่เธอต่อไป
 
ในที่สุดพระสงฆ์ทั้งสองก็ถูกประหารชีวิตเช่นกัน จากนั้นแม็กดาลีนก็รับพระสงฆ์นามว่า จอร์แดนแห่งนักบุญสตีเฟนเป็นผู้ให้คำแนะนำของเธอ ท่านเป็นพระสงฆ์ในคณะโดมินิกัน เนื่องจากชาวโดมินิกันปฏิบัติตามกฎของออกัสตินด้วย จิตวิญญาณของออกัสตินจึงเติบโตในตัวเธอต่อไป เธอตั้งใจที่จะเป็นซิสเตอร์ในคณะโดมินิกันเต็มตัว แต่การเบียดเบียนทางศาสนายังคงทำให้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
 
ด้วยแรงผลักดันจากความเชื่อมั่นอันแรงกล้าแบบคริสตชนของเธอ แม็กดาลีนจึงประกาศตัวเองว่าเป็นสาวกของพระเยซูอย่างเปิดเผย เธอถูกคุกคาม,ถูกเยาะเย้ย,และถูกทรมาน แต่การเป็นพยานของพระเยซูเจ้าของเธอเข้มแข็งยิ่งกว่า
 
คราวนี้เธอถูกจำคุก เจ้าหน้าที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอละทิ้งความเชื่อ พวกเขาสัญญากับเธอว่าจะให้เธอมีสามีที่ดี มีครอบครัว และร่ำรวย แต่แมกดาลีนาได้สละสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว เธอยืนกรานว่าเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กและเธอก็ถูกทรมานอย่างน่าสยดสยอง
 
มักดาลีนาทนต่อการทรมานด้วยวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ และสุดท้ายก็ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยแต่งกายด้วยเครื่องแบบของคณะออกันตินเนียน เธอถูกผูกมัดไว้บนหลังม้าและนำกลุ่มผู้พลีชีพไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน เธอถูกแขวนคอกลับหัวลงในหลุมเป็นเวลา 13 วัน ก่อนที่จะถูกตีด้วยกระบองจนหมดสติและถูกทิ้งให้จมอยู่ในสายฝนที่ตกหนัก 15 ตุลาคม 1637 ร่างของเธอถูกเผาและขี้เถ้าของเธอกระจัดกระจาย
 
เธอ,พร้อมด้วยมรณสักขีชาวโดมินิกันแห่งญี่ปุ่นได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในกรุงมะนิลาในปี 1981 ซึ่งเป็นพิธีแต่งตั้งเป็นนักบุญครั้งแรกที่จัดขึ้นนอกกรุงโรม โดยพระสันตะปาปานักบุญยอห์น ปอลที่ 2 และต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในกรุงโรมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 1987 โดยพระสันตะปาปาองค์เดียวกัน
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น