อังเดร เลเวต์(ANDRÉ LEVET)กลับใจในคุก
อังเดร เลเวต์(André Levet) เกิดในปี 1932 เป็นเด็กที่ต้องหลบหนี, เขาคุ้นเคยกับคุกและอาชญากรรมตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เขาเคยปล้นธนาคารด้วยอาวุธ จากนั้นก็ค้ายาเสพติด เขาหนีออกจากคุกหลายครั้ง แต่ก็ถูกตามจับจนได้ วันหนึ่งบนถนน, André ได้พบกับพระสงฆ์ท่านหนึ่งโดยบังเอิญ พระสงฆ์ท่านนี้เขียนจดหมายถึงเขาเป็นประจำตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยส่งพระคัมภีร์ให้เขาในขณะที่เขาอยู่ในคุก อังเดร เลอเวต์ผู้ต้องขังในเรือนจำชาโต-เทียร์รี(Château-Thierry prison) เขาท้าทายพระเยซูให้มาพบเขาในห้องขังตอนตี 2 เมื่อถึงเวลานัดหมาย พระเยซูทรงมาด้วยพระองค์เอง! เหตุการณ์นี้,รวมกับการค้นพบความรักของพระเยซูเจ้าที่มีต่อเขา ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในชีวิตของเขา
เหตุผลที่เชื่อ:
André Levet เป็นพยานยืนยันให้แก่ทุกคน,ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและวิดีโอ เรื่องราวของเขาแสดงออกถึงความซื่อสัตย์
ในช่วงเวลาสั้นๆในคืนนั้น, อังเดรก็มีความเข้าใจเรื่องพื้นฐานหลายประการในทันที (เช่นเรื่อง ความรักของพระเยซูเจ้าต่อเขาเป็นการส่วนตัว, การเสียสละของพระองค์, ผลที่ตามมาของความชั่วร้าย ฯลฯ) แต่เขาถูกกักขังอยู่ในห้องขังเล็กๆ และเข้าถึงข้อมูลที่จำกัดมาก ประสบการณ์ของอังเดรที่ได้พบกับพระเยซูนั้นลึกซึ้งและสะเทือนใจเขามากจนเขาร้องไห้เป็นเวลาห้าชั่วโมง เห็นได้ชัดเจนว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอันทรงพลังเกิดขึ้นในคืนนั้น
นับจากนั้นเป็นต้นมา,ชีวิตของ André Levet ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ดังที่ผู้คุมและนักโทษคนอื่นๆ เป็นพยานได้ การเปลี่ยนแปลงของเขาเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง มันรุนแรงและยั่งยืนอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มันต้องมาจากบางสิ่งหรือบางคน เห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
นั่นเป็นเพียงเหตุผลที่เรื่องราวที่คล้ายกันยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน และนี่เป็นกรณีของ André Levet
ข้อความต่อไปนี้บันทึกมาจากคำพูดของ André Levet เอง:
ผมชื่ออังเดร เลเวต์(André Levet) ผมเกิดในปี 1932 ในครอบครัวที่ไม่เชื่อพระเจ้า ผมไม่เคยได้ยินเรื่องพระเจ้ามาก่อน ในช่วงสงครามปี 39-40, พ่อของผมถูกเนรเทศ ผมไม่มีพ่อหรือแม่อีกต่อไป ผมถูกทิ้ง และถูกดูแลโดยผู้คนในฟาร์มพิเรเนียน(Pyrenean farm ฟาร์มในเขตภูเขาปีเรนิส) พ่อของผมได้รับการปล่อยตัวในปี 1945; เขาพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ผมไม่ยอมรับแม่เลี้ยงคนใหม่ และผมก็หนีไปมาร์เซย(Marseilles) ตอนอายุ 13 ปี โดยนอนอยู่ตามถนนและรถบรรทุก ในเวลานั้น,ตำรวจได้จับกุมผมและนำผมเข้าคุกที่ Baumettes, เพื่อรอส่งผมกลับไปหาครอบครัว
เมื่อได้รับอิทธิพลจากผู้ต้องขังคนอื่นๆ,ผมจึงกลายเป็นอาชญากรตัวเล็กๆ โดยเรียนรู้เคล็ดลับทั้งหมดของ "การค้า" เมื่ออายุ 15 ปี ผมถูกจับในข้อหาปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธ และถูกจำคุกจนโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่ออายุ 18 ปี,เรามีทางเลือกในการเข้าร่วมสงครามอินโดจีน ซึ่งผมได้เลือกเพื่อหลีกเลี่ยงคุก ผมได้รับบาดเจ็บ,ส่งตัวกลับฝรั่งเศส และพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
หลังจากนั้น,ด้วยประสบการณ์ทางการทหารและเรือนจำ ผมก็กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลที่เชี่ยวชาญเรื่องการปล้นธนาคาร วันหนึ่ง,เมื่อผมมาที่ลาวาล(Laval)เพื่อทำธุรกิจ ผมเห็นพระสงฆ์ท่านหนึ่งสวมเสื้อ Cassock อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน ผมไปหาเขา,โดยที่ไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย,ผมจึงถามเขาว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
เขาตอบว่า: “ผมเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า พระเจ้า,พระองค์เป็นเจ้านายของผม!”
ผมบอกเขาว่า: “พระเจ้าของคุณ พระองค์อยู่ที่ไหน? “เราไม่เคยเห็นพระองค์” พระสงฆ์ตอบ: "ผมเห็นว่าคุณยังไม่รู้จักพระเจ้า แต่หากวันหนึ่งคุณมีเวลา, มาปรึกษาผมได้ที่ 12B rue de Solferino" ผมไม่เคยลืมที่อยู่นี้เลย…
หลายเดือนต่อมา, ตอนที่ผมอยู่ที่ลาวาลด้วยเรื่อง "ธุรกิจ" ผมบังเอิญข้ามถนนสายนี้ ผมไปหาพระสงฆ์ เขาอยู่ที่นั่นแล้วพูดกับผมว่า: "พ่อรอคุณอยู่" แล้วพระสงฆ์คนนั้นก็ได้มาเป็นเพื่อนของผม โดยให้คำแนะนำที่ผมไม่ได้ปฏิบัติตาม และทุกครั้งที่เขาคุยกับผมเกี่ยวกับพระเจ้า ผมก็พูดว่า: "ให้พระเจ้าของคุณอยู่ในที่ที่ของพระองค์เถอะ..."
ในเวลาต่อมา,ผมอยู่ที่แรนส์(Rennes)เพื่อปล้นธนาคาร แผนการณ์ผิดพลาด, เพื่อนของผมถูกฆ่า และผมก็ถูกจับ ผมหลบหนีออกจากคุกและหนีไปอยู่ที่อเมริกาใต้ซึ่งผมก็เริ่มค้ายาเสพติด
ผมกลับมาที่ฝรั่งเศส, ผมถูกจับอีกครั้ง และผมก็หลบหนีอีกครั้ง ผมถูกจับกุมสามครั้ง และหนีออกจากคุกสามครั้ง ผมคงต้องรับโทษถึง 120 ปีถ้ารวมกรรมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ผมถูกย้ายไปยังแคลร์โวซ์(Clairvaux) ซึ่งเป็นเรือนจำของอาชญากรหัวรุนแรง และผมพยายามขุดอุโมงค์พร้อมเพื่อนๆ เพื่อหลบหนี การหลบหนีเกือบจะสำเร็จ แต่เราถูกจับได้เสียก่อน ผมพยายามหลบหนีอีกครั้งโดยลำพังโดยยึดตัวผู้คุมไว้ด้วยอาวุธ แต่ผมก็โดนจับอีก พวกเขาตัดสินใจส่งผมไปที่ Chateau Thierry ผู้อำนวยการเรือนจำต้อนรับผมด้วยคำพูดนี้: "ที่นี่ แกต้องทำงานหรือไม่ก็ตาย!" ผมตอบโดยยกโต๊ะขึ้นมาจ่อหัวเขา พวกเขาขังผมไว้ในห้องขังเล็กๆ โดยมีเตียงยึดติดกับผนัง
พระสงฆ์ของผมยังคงไม่ละทิ้งผม เขาส่งจดหมายมาให้ผมเป็นครั้งคราว เขาพูดกับผมเกี่ยวกับพระเจ้า บอกผมว่าพระองค์ทรงพระทัยดี ผมตอบเขาว่า: “ถ้าพระเจ้าของคุณประเสริฐ ทำไมจึงมีสงครามมากมาย ความทุกข์ยากมากมาย ทำไมบางคนถึงอดอยากตายในขณะที่บางคนมีมากเกินไป? ทำไมบางคนถึงมีบ้านหลายหลังในขณะที่บางคนไม่มี?” พระสงฆ์ตอบว่า: “อังเดร คุณต้องรับผิดชอบ” อะไร ผมรึ? ผมเต็มใจที่จะรับผิดชอบต่อการปล้น, แต่ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ยากของโลก!
แล้ววันหนึ่ง,พระสงฆ์ก็ส่งหนังสือเล่มใหญ่มาให้ผมโดยบอกว่า “อังเดร คุณสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ, แม้ว่าคุณจะเสียชีวิตแล้ว, โดยเริ่มจากหน้าใดก็ได้” เจ้าหน้าที่นำหนังสือมาให้ผมแล้วพูดกับผมว่า “หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดี คุณควรอ่านนะ คุณสามารถนำมันไปที่ห้องขังเดี่ยวได้” “มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร?” “พระเจ้าผู้แสนดี” เขาตอบผม ไม่มีทาง! ผมไม่เชื่อหรอก! พระสงฆ์นำพระเจ้าผู้แสนดีของเขามาให้ผมอีกครั้งจนถึงห้องขังของผม! ผมโยนหนังสือทิ้งไป พระสงฆ์เขียนถึงผมตลอดเวลาขอร้องให้ผมอ่านหนังสือ
ดังนั้นเพื่อให้เขามีความสุข, ในเวลา 10 ปี ผมเปิดมัน 9 ครั้ง ผมเริ่มต้นด้วยการอ่านเรื่องงานแต่งงานที่คานา ซึ่งพระเยซูทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น ผมเปิดก๊อกน้ำอ่างล้างจานแล้วพูดว่า: "เฮ้ เพื่อน ทำไวน์ให้หน่อยสิ!" มันไม่ได้ผล. ผมเขียนถึงพระสงฆ์ว่า “หนังสือของคุณใช้ไม่ได้” พระสงฆ์ของผมตอบว่า “อังเดร คุณกำลังอ่านผิดวิธี จงมีความเพียร”
ผมได้อ่านเรื่องราวของหญิงชาวสะมาเรีย และเรื่องราวของการฟื้นคืนชีพของลาซารัส เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจ,ผมไม่เชื่อ เพื่อนของผมโดนตำรวจยิง,เขาไม่ฟื้นคืนชีพแล้วใช่ไหม? หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับไปอ่านหนังสือ และได้อ่านว่าพระเยซูทรงทำดีต่อผู้คนมากเพียงใด และพวกเขาปฏิบัติไม่ดีต่อพระองค์มากเพียงใด พวกเขาถ่มน้ำลายใส่พระองค์ พวกเขาเฆี่ยนตีพระองค์ พวกเขาด่าว่าพระองค์ แล้วพวกเขาก็ตอกตะปูพระองค์ ไว้ที่ไม้กางเขน … ผมรู้สึกรังเกียจ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำร้ายคนที่ทำความดีมากมายขนาดนี้ได้
ผมเลิกอ่านและพยายามหลบหนีต่อไป ผมคาดหวังว่าจะมีอาวุธและเอกสาร แต่วัตถุเหล่านี้ถูกสกัดกั้นไว้ ผมไม่เหลือความหวังแล้ว ผมจึงร้องเรียกหาพระเยซูด้วยความสิ้นหวัง ผมบอกพระองค์ว่า “ถ้าคุณมีอยู่จริง ผมจะกำหนดเวลาประชุม, มาคืนนี้ตอนตี 2, ไปที่ห้องขังของผมเพื่อช่วยผมหลบหนี”
คืนนั้นผมหลับไป และทันใดนั้นกลางดึกผมก็ตื่นขึ้นมา เตรียมพร้อมที่จะกระโดดลุกขึ้น ผมรู้สึกถึงการปรากฏของบางอย่างในห้องขังของผม แต่ผมไม่เห็นใครเลย จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนและหนักแน่นในตัวของผม: “อังเดร นี่มันตี 2 แล้ว เรามีประชุมกัน”
ผมตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่:“ คุณเรียกผมหรือเปล่า?” “เปล่า” เขาบอกผม “กี่โมงแล้ว?” ผมถาม. “สองโมงเช้า” “สองและกี่นาที” “สองโมงพอดี” เจ้าหน้าที่ตอบ แล้วผมก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง: “อย่าดื้อดึงเลย เราเป็นพระเจ้าของเจ้า พระเจ้าของมวลมนุษย์” “แต่ผมไม่เห็นท่าน!” ผมตอบ.
ในขณะนั้น, ตรงแถบช่องรับแสง, ก็มีแสงปรากฏขึ้น, และในแสงนั้น,ชายที่ถูกแทงมือและเท้า และมีรูที่สีข้างด้านขวา เขาพูดกับผมว่า:“สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อเจ้าด้วย”
ในเวลานั้นเอง, เกล็ดแห่งบาปที่ปิดตาของผมซึ่งหนักด้วยบาปหนักถึง 37 ปี,ก็หลุดออก ผมเห็นความน่าเวทนาและความชั่วทั้งสิ้นของผม ผมคุกเข่าลงและอยู่ในท่านี้จนถึง 7 โมงเช้า ผมร้องไห้เบื้องหน้าพระเจ้า และความชั่วร้ายทั้งหมดก็ออกไปจากผม ผมเข้าใจแล้วว่าเป็นเวลา 37 ปีที่ผมได้ตอกตะปูที่พระหัตถ์และพระบาทของพระองค์
เวลา 07.00 น. ยามเปิดประตูให้ผม พวกเขาเห็นผมคุกเข่าและร้องไห้ ผมบอกพวกเขาว่า:“ ผมจะไม่ถ่มน้ำลายใส่คุณอีกต่อไป ผมจะไม่ตีใครอีกต่อไป ผมจะไม่ปล้นใครอีกต่อไป เพราะทุกครั้งที่ผมทำ ผมก็ทำต่อพระเยซู” พวกทหารยามต่างประหลาดใจ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นกลอุบายของผม <
ผมตอบพวกเขาว่า ผมไม่จำเป็นต้องหนีอีกต่อไป เพราะผมได้ทำการหนีจากคุกครั้งสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมได้ทำพร้อมกับพระเยซูคริสต์ และเป็นการหนึครั้งที่ 7 ที่ทำได้สำเร็จ และมันทำได้อย่างงดงามมาก เพราะการหนึครั้งนี้,ไม่มีใครสามารถป้องกันได้ ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ เพราะมันเป็นหนีพร้อมกับพระเจ้า,พระเยซูคริสต์และพระนางมารีย์ ตลอดนิรันดร
นักโทษอีกหลายคนประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม และพวกเขาก็สามารถพบกับพระเจ้าผู้น่ามหัศจรรย์พระองค์นี้และพลิกผันชีวิตของพวกเขาได้เช่นกัน ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้ว ชีวิตของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และผมใช้เวลาทั้งหมดพูดคุยกับผู้อื่นเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าองค์นี้
ที่มา: คำให้การของอังเดร เลเวต
André Levet’s testimony
เกินกว่าเหตุผล:
เห็นได้ชัดว่าการอ่านพระคัมภีร์ได้เตรียมใจของอังเดร เลเวต และเป็นก้าวแรกสู่การเผชิญหน้ากับพระเยซู,ก่อนที่จะทรงประจักษ์มา
อังเดรอยู่ในคุกต่อไปอีก 6 ปี,จึงถูกปล่อยตัว
เมื่อออกจากคุก ,ตอนแรกเขาต้องการเป็นพระสงฆ์ แต่ทำไม่สำเร็จ พระเยซูไม่ประสงค์ให้เขาไปอยู่ในสามเณราลัย แต่ประสงค์ให้เขาไปอยู่กับคนที่ยากจนที่สุดและคนที่สิ้นหวัง ดังนั้น,เขาจึงเดินไปที่ถนนที่มุ่งไปสู่แหล่งโสเภณี,คนเร่ร่อน,คนที่ถูกลืม เขาพูดกับคนที่ติดสุรา,คนที่ถูกละทิ้ง,คนที่ไม่มีอะไรเลย,คนจรจัด เขายังไปที่โรงเรียนด้วย เพราะคิดว่าโลกอนาคตจะเป็นเหมือนเด็กที่พบในโรงเรียน ที่โรงเรียนเขาพูดเกี่ยวกับความรักของพระเยซูเจ้าที่ทำให้เขาต้องก้มลงกราบกราน เขายังกลับไปที่คุกเพื่อพบกับบรรดาพี่น้องนักโทษและพูดถึงเรื่องราวของเขาและการที่เขาได้รับอิสระภาพอันแท้จริงโดยพระเยซูเจ้า
อังเดร,ในปี 2023,เขายังมีชีวิตอยู่ และมีอาบุ 91 ปี เขาได้เขียนหนังสือ เล่มแรกชื่อ “My last escape with Jesus Christ” อีกเล่มหนึ่งชื่อ “The Prison of the meeting Of the Freedom of God” และอีกเล่ม “Answer to the young people of the third millennium”
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น