หลังจากที่พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จสู่สวรรค์แล้ว พระนางมารีย์ทรงมีความปรารถนาอันร้อนแรงที่จะได้อยู่ร่วมกับพระองค์ และ ดูเถิด พระนางทรงถอนพระทัย และทรงคร่ำครวญอย่างน่าสงสารถึงพระองค์ไม่หยุดหย่อน เพื่อที่พระองค์จะทรงเรียกพระนางให้ไปหาพระองค์ ปราศจากองค์พระบุตรของพระนาง ดูเหมือนว่าพระนางจะทรงอยู่ในแดนเนรเทศที่ยากลำบากที่สุด ปีแล้วปีเล่าที่พระนางต้องแยกจากพระองค์ สำหรับพระนางแล้วนี่เป็นมรณสักขีที่เจ็บปวดและผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุด มรณสักขีแห่งความรักซึ่งครอบคลุมจิตใจของพระนางทีละเล็กทีละน้อย และแล้ว ในที่สุดชั่วโมงแห่งการโหยหาก็สิ้นสุดลง พระนางมารีย์ทรงได้ยินเสียงของผู้เป็นสุดที่รักของพระนางที่เรียกมาจากเบื้องบน “เชิญมาเถิด ผู้เป็นสุดที่รักของเรา ผู้เป็นความยินดีของเรา ผู้เป็นเจ้าสาวของเรา เชิญมาเถิด โอ สุดที่รักแห่งดวงใจของเรา เวลาแห่งการคร่ำครวญของท่านบนโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว เชิญมาเถิด เจ้าสาว เชิญมารับจากองค์พระบิดา จากองค์พระบุตร และจากองค์พระจิตศักดิ์สิทธิ์ เชิญมารับมงกุฎที่ได้เตรียมไว้ให้ท่านแล้วในสวรรค์”
ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่เผาไหม้ในดวงหทัยของพระนางมารีย์ร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง จนพระกายมนุษย์ของพระนางมิอาจทนทานได้ ดังนั้นวิญญาณของพระนางมารีย์ที่เปรียบเสมือนนกพิราบที่โบยบินไป ก็ได้แยกจากพระกายของพระนาง และโบยบินไปสู่พระอุระของผู้เป็นสุดที่รักของพระนาง แต่พระเยซูเจ้าผู้ทรงปกครองในสวรรค์ในพระกายมนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่พระองค์ทรงได้รับมาจากพระครรภ์ของพระนางพรหมจารีย์มารีย์ ทรงปรารถนาให้พระมารดาของพระองค์ ได้มาอยู่กับพระองค์และได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์อย่างบริบูรณ์ ไม่เพียงแต่วิญญาณของพระนางเท่านั้นแต่รวมถึงพระกายของพระนางด้วย และสิ่งนี้เป็นความชอบธรรมและถูกต้อง พระกายของพระนางซึ่งไม่เคยเป็นทาสของปีศาจหรือบาปใดๆเลย ไม่สมควรที่จะต้องเปื่อยเน่าไป
แล้วใครเล่าจะสามารถบรรยายถึงชัยชนะที่พระเป็นเจ้าเองทรงจัดเตรียมไว้ให้แด่พระมารดาของพระองค์เองได้เล่า? นักบุญอังแซล์มยืนยันว่า องค์พระผู้ไถ่ทรงปรารถนาที่จะเสด็จสู่สวรรค์ก่อนพระมารดาของพระองค์ มิใช่เพียงเพื่อเตรียมพระบัลลังก์อันล้ำค่าสำหรับการเป็นราชินีของพระนางเท่านั้น แต่เพื่อเตรียมชัยชนะอันยิ่งใหญ่และพระเกียรติรุ่งโรจน์ของการเข้าสู่สวรรค์ของพระนางด้วย เพื่อเป็นการต้อนรับพระนาง ณ. สวรรค์และได้มาพบกับพระองค์และบรรดานิกรเทวดาทั้งหลายทุกชั้นทุกฐานันดร ด้วยเหตุนี้ นักบุญปีเตอร์ ดาเมียนจึงไม่ลังเลใจที่จะยืนยันว่าการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีย์นั้นยิ่งใหญ่และมีเกียรติรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสตเจ้าเสียอีก เพราะมีเพียงเหล่านิกรเทวดาเท่านั้นที่มาต้อนรับพระคริสตเจ้า แต่สำหรับพระมารดามารีย์ ไม่เพียงแต่เหล่านิกรเทวดาที่มาต้อนรับพระนาง แต่ยังมีเหล่านักบุญและผู้ศักดิ์สิทธิทั้งหลาย และรวมถึงพระเยซูเจ้าเองด้วย
พระนางมารีย์ทรงตื่นจากบรรทมแห่งความตาย ทูตสวรรค์ทั้งหลายมาเปิดพระคูหาที่บรรจุร่างกายของพระนางไว้ องค์พระบุตรทรงยื่นพระหัตถ์มายังพระนาง และพระนางมารีย์ทรงติดตามพระองค์ไป พระอานุภาพและแสงสว่างอันเจิดจ้าส่องสว่างดุจดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น พระนางทรงลอยขึ้นจากแผ่นดินอย่างนุ่มนวลและสงบเงียบ ขึ้นไปสู่กลุ่มเมฆและบรรยากาศแห่งสวรรค์อันเป็นอาณาจักรของผู้ได้รับพระพร ประตูสวรรค์เปิดออกและพระมารดาของพระเจ้าทรงเข้าสู่ประตูสวรรค์นั้น ในทันทีที่บรรดานักบุญทั้งหลายในสวรรค์ได้เห็นพระนางเสด็จมาในรังสีอันสดใสและความงามยิ่งนัก การเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่และความชื่นชมยินดีล้นพ้นก็บังเกิดขึ้น เพื่อต้อนรับพระนางและเทิดพระเกียรติพระนางด้วยฐานะอันสูงส่ง นักบุญทุกองค์ต่างน้อมคารวะพระนางด้วยการหมอบกราบแทบพระบาทของพระนาง และพากันร้องเสียงกึกก้องประกาศว่าพระนางทรงเป็นราชินีของพวกท่าน องค์พระตรีเอกภาพเสด็จร่วมในการเฉลิมฉลองในสวรรค์ด้วย พระบิดาทรงต้อนรับพระนางในฐานะบุตรีสุดที่รักของพระองค์ และทรงเชื้อเชิญให้พระนางมีส่วนร่วมในพระอานุภาพของพระองค์
**********
ปวงเหล่าข้าฯ พากันมา อาศิรวาท |
แทบพระบาท พระมิ่งขวัญ มารีย์ศรี
|
ตราบชีพนี้ ขอจงรัก เทิดภักดี |
พระมารดา มารีย์ นิรมล |
พระแม่ดุจ แสงทอง ส่องแผ่นดิน |
พระพักตร์ผิน ปลอบลูกยา คลายหมองหม่น
|
ดุจมารดา อาทร กล่อมกมล
|
เฉกหยาดฝน จากฟากฟ้า พร่างพรมมา |
รักพระแม่ เหนือเกล้า เฝ้าแซ่ซร้อง |
พระแม่ทรง ศักดิ์เกียรติก้อง ทุกแหล่งหล้า |
พระเมตตา ต่อเหล่า ชาวประชา |
ทรงนำพา ชี้ทาง สว่างจร |
เอกบดินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าสวรรค์ |
ธ เสกสรร พระแม่ไว้ ให้ยิ่งใหญ่ |
นำพระแม่ สู่สวรรค์ ทั้งกายใจ |
เป็นราชินี เหล่าเทพไท และนักบุญ |
|
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น