วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การเทศน์ของคุณพ่อบอสโก

 


คุณพ่อบอสโกเทศน์ในวันเดียวทำให้เฮเรติก 3000 คนกลับใจ
 
ในปี 1856 ขณะที่คุณพ่อบอสโกเผชิญหน้ากับการชุมนุมของกลุ่มเฮเรติกซึ่งส่งผลร้ายกับหมู่บ้าน เวียรี(viari) เราได้เห็นวิธีที่สร้างสรรค์ของคุณพ่อบอสโกในการเทศน์และการอุทิศตนของท่านเพื่อช่วยเหลือวิญญาณซึ่งนำไปสู่การกลับใจเป็นหมู่ ในบทความตอนนี้เราจะได้เห็นถึงพลังอำนาจของการเทศน์ที่สัมผัสจิตใจ และผลลัพท์ของพระสงฆ์เพียงองค์เดียวที่มีต่อคนจำนวนมาก และนี่ให้ข้อคิดว่า เราจะประยุกต์ใช้วิธีการของคุณพ่อบอสโกในเรื่องการเทศน์ได้อย่างไร?
 
ในเดือนมกราคม ปี 1856 คุณพ่อบอสโกทำงานหนักเพื่อกำจัดวัชพืชฝ่ายจิตซึ่งระบาดไปทั่วสังฆมณฑลต่างๆ คุณพ่อแอนโทนี่ กรอสกี(Father Anthony Groski) ซึ่งเป็นพระสงฆ์เฮเรติกที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในหมู่บ้านเวียรี(viari) ด้วยคำสอนที่ผิดพลาดของเขา หมู่บ้านมีผู้คน 3000 คนที่หลงเชื่อคำสอนของเขา คุณพ่อบอสโกรู้เรื่องนี้และพยายามที่จะช่วยเหลือวิญญาณของชาวบ้าน พระสงฆ์เฮเรติกคนนี้กำลังถูกจำคุก ดังนั้นคุณพ่อบอสโกพร้อมด้วยพระสงฆ์บางองค์จึงไปที่หมู่บ้านนี้เพื่อทำภารกิจเทศน์สอนเพื่อนำชาวบ้านที่หลงทางติดตามพระสงฆ์เฮเรติกให้กลับมาสู่คำสอนที่ถูกต้องของพระศาสนจักร
 
ในตอนแรกคุณพ่อบอสโกได้รับการพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามจากชาวบ้านเหล่านั้นและแม้แต่การได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้อันป่าเถื่อนของหมู่บ้านซึ่งอยู่ถัดไปจากบ้านพักพระสงฆ์(rectory) ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ปาร์ตี้เลิกแล้ว,หนึ่งในผู้ร่วมงานปาร์ตี้ได้ล้มลงและเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย ในเช้าวันรุ่งขึ้น,มีพิธีปลงศพและมีเพื่อนผู้ตายมากมายมาร่วมพิธี คุณพ่อบอสโกไม่ได้พูดถึงเรื่องการตายเลยในการเทศน์ของท่าน แต่ในพิธีมิสซาตอนเย็น,คุณพ่อบอสโกได้กล่าวถึงพระวาจาของพระคริสต์ที่ว่า “จงเตรียมตัวให้พร้อม เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะมาในเวลาที่ท่านไม่คาดคิด” คุณพ่อบอสโกย้ำเตือนว่าผู้ที่ไม่เตรียมตัวป้องกันตนเองก็อยู่ในอันตรายที่จะสูญเสียวิญญาณไปชั่วนิรันดร์ เพราะโอกาศที่พระเมตตาหรือพระหรรษทานของพระเจ้าจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการในเวลานั้น คุณพ่อสรุปโดยพูดว่า ให้เราสวดภาวนาเพื่อคนที่น่าสงสารผู้นั้นซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อคืนนี้เถิด แล้วคุณพ่อบอสโกก็สวดภาวนาอย่างช้าๆ
 
สองคืนต่อมา,โบสถ์เต็มไปด้วยผู้คน หัวข้อในการเทศน์ของคุณพ่อบอสโกเป็นเรื่องความน่ากลัวและความทุกข์ทรมานของคนบาปที่ไม่ยอมสำนึกผิดกลับใจในเวลาใกล้ตาย คุณพ่ออธิบายถึงความน่ากลัวที่ผู้ตายเมื่อคืนที่แล้วต้องเผชิญ เสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายและศพที่นอนแน่นิ่งอย่างน่ารังเกียจบนเตียงแห่งความตาย แล้วคุณพ่อบอสโกก็พูดให้เห็นภาพพจน์อันน่าตระหนกของร่างกายคนที่ตายในบาปหนัก ถูกฝังไว้ในโลงศพที่ปิดตายและถูกแบกหามมาที่โบสถ์ "ผู้ที่อยู่ในขบวนแห่โลงศพก็สวดภาวนาเพื่อผู้ตายไปพร้อมๆกัน เมื่อโลงศพมาถึงประตูโบสถ์ ผู้ตายถูกนำเข้าไปวางอยู่ข้างหน้าพระแท่นของโบสถ์นี้ซึ่งอยู่ต่อหน้าพ่อนี้เอง"  ผู้คนที่กำลังฟังเทศน์เหมือนต้องมนต์สะกด พวกเขาจ้องมองจุดที่คุณพ่อบอสโกพูดถึง ราวกับว่ามีโลงศพตั้งอยู่ที่นั่นจริงๆ คุณพ่อบอสโกกล่าวต่อไปว่า "พ่อใด้พูดมาเพียงพอแล้ว คนต่อไปจะมาแทนที่พ่อผู้ซึ่งจะเป็นมิชชันนารี่ของพ่อหรือไม่? เปล่า,แล้วใครจะเป็นผู้เทศน์ต่อไป เป็นเจ้าอาวาสของพวกคุณหรือ? ไม่ใช่,ยังไม่ถึงเวลาของท่าน แล้วใครเล่าที่พ่อจะขอให้พูดกับพวกคุณ ไม้กางเขนหรือ?นี่ยังไม่ใช่เวลาแห่งพระเมตตา ศีลมหาสนิทหรือ?นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่พระเยซูเจ้าจะทรงแสดงความรักของพระองค์ แม่พระหรือ? ไม่,ไม่ใช่,ยังไม่ใช่เวลาที่พระแม่จะเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ แล้วใครที่พ่อจะหันไปหาเล่า?"  คุณพ่อบอสโกเงียบสักพักหนึ่ง 
 
 แล้วคุณพ่อบอสโกก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า "พ่อขอเรียกท่าน,ศพเอ๋ย,จงลุกขึ้นแล้วบอกพ่อ เมื่อความตายมาโจมตีท่าน ท่านต้องการอะไรเพื่อช่วยวิญญาณของท่านให้รอดพ้น การเทศน์,ศีลศักดิ์สิทธิ์,คำแนะนำ,หรือพระหรรษทาน"  ตอนนี้ผู้ที่อยู่ในโบสถ์ต่างๆตกใจ จนคุณพ่อเจ้าอาวาสของพวกเขาต้องบอกให้คุณพ่อบอสโกหยุดพูด เพราะทั้งโบสถ์อยู่ในภาวะตึงเครียด ในที่สุด,คุณพ่อบอสโกก็สรุปกับศพ "อะไรคือสิ่งที่ท่านต้องการ"  คุณพ่อหยุดพูดอีกครั้ง ผู้คนในโบสถ์พากันร้องไห้เสียงดังขรม ศพในจินตนาการตอบด้วยเสียงร่ำไห้ “ผมไม่มีเวลาเลย” คุณพ่อบอสโกพูดกับผู้คนว่า "อะไรคือสิ่งที่พวกคุณต้องการเล่า? เราจะพูดกันถึงเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้"
 
ประชาชนต่างตกตะลึงกับคำเทศน์ครั้งนี้ พวกเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป พวกเขารีบไปสารภาพบาป และพระหรรษทานของพระเจ้าก็หลั่งไหลมาสู่พวกเขา ทำให้คนในหมู่บ้านจำนวน 3000 คนกลับใจ ผู้ใหญ่ทุกคนในหมู่บ้าน,ไม่มีใครเลยที่ไม่ไปสารภาพบาป เรื่องนี้ทำให้บรรดามิชชันนารีต่างมีความรู้สึกว่าได้รับการเตือนให้แพร่ธรรมแก่ผู้คนในโบสถ์ด้วย
 
และในไม่ช้าก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าขบขัน วันหนึ่งในการเทศน์ของคุณพ่อบอสโก โดยไม่มีความตั้งใจที่จะพาดพิงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ มันเป็นเพียงการพูดเรื่องราวของประชาชนและเยาวชนหลากหลายวัย คนหนุ่มสาว,หญิงโสด,บิดา,มารดา และสิ่งนี้ทำให้คุณพ่อนึกถึงคำถามหนึ่ง แล้วคุณพ่อก็พูดว่า "บางคนควรถามคนชราผมขาวคนนั้นว่า เมื่อไรคุณจะตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามกฏในวันอิสเตอร์และปรับปรุงชีวิตของคุณ คุณไม่เห็นหรือว่า เท้าของคุณข้างหนึ่งยืนอยู่บนหลุมศพแล้ว"  แล้วก็มีเสียงซุบซิบเกิดขึ้น นั่นไง,คนนั้นคือคนที่คุณพ่อพูดถึง คุณพ่อบอสโกรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะมีชายชราคนหนึ่งกำลังอยู่หน้าพระแท่นจริงๆ และผู้คนก็ชี้นิ้วไปที่เขา ชายชราจึงพูดเสียงดังว่า ใช่แล้ว,คุณพ่อหมายถึงผม ผมจะไปสารภาพบาปในตอนเย็นวันนี้ คุณพ่อบอสโกหัวเราะและพูดกับชายชราว่า ดีแล้ว,พ่อจะรอคุณในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง
 
มิชชันนารีสองคนที่ติดตามคุณพ่อบอสโกไปที่หมู่บ้าน,ถึงแม้จะเหนื่อยจากภารกิจพิเศษของพวกเขา,ได้รับรางวัลในการเห็นผู้คน 3000 คนที่หลงทางไปได้กลับมาเข้าฝูงเดิมอีกครั้ง พวกเขาได้เป็นอิสระจากคำสาปแช่งของนิกายที่ผิดพลาด ซึ่งเวลานี้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
 
เมื่อคุณพ่อบอสโกกลับมาที่ตูริน,บรรดาเด็กชายได้ต้อนรับคุณพ่ออย่างผู้มีชัยชนะด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองให้ มีการเลี้ยงอาหารเย็นให้แก่ทุกคน.
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น