วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การรับรู้สิ่งที่มาจากพระเจ้า

 

การรับรู้เสียงของพระเจ้า: จากความเข้าใจจากคุณพ่อปีโอ
 
ในปัจจุบันมีเสียง ความคิดเห็น และค่านิยมต่างๆมากมายที่มีอยู่ทั่วไปทั้งในสื่อต่างๆและในสังคม การพิจารณาอย่างถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เขาหรือเธอพูดเป็นความจริง? เราจะพึ่งพาหรือปรึกษาใครได้?จะไว้วางใจใครได้? ในเวลาที่เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต? มีผู้ให้คำแนะนำจากบุคคลมากมาย บางคนจริงใจแต่อาจไม่รู้จริงหรือมีอคติ บางคนเป็นคนหลอกลวงที่พยายามหาทางใช้ประโยชน์จากความไม่รู้และความต้องการของผู้อื่น แต่ยังมีบุคคลที่จริงใจและให้ความรู้ถึงชีวิตที่มีวุฒิภาวะและแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและการตัดสินใจที่ดี คนเหล่านี้มีชีวิตที่บ่งบอกถึงพัฒนาการของมนุษย์ที่แท้จริง พวกเขาเป็นตัวแทนของอำนาจทางศีลธรรม หนึ่งในบุคคลเหล่านี้คือคุณพ่อปีโอ แห่ง Pietrelcina ประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับการที่ท่านได้พบกับพระเยซูเจ้า จะช่วยแนะนำเราให้รู้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระเจ้าหรือไม่ สิ่งนี้อาจเป็นแนวทางที่มีค่าในกระบวนการพิจารณาไตร่ตรองของเราเอง
 
คุณพ่อปีโอ แบ่งปันประสบการณ์ที่น่าสนใจของท่านเกี่ยวกับวิธีแยกแยะว่าเสียงใดเป็นของพระเจ้าในจิตวิญญาณ ประสบการณ์ของท่านรวมอยู่ในจดหมายถึงคุณพ่อเบเนดิกโต เดอ ซานมาร์โก( Padre Benedicto de San Marco) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ให้คำปรึกษาฝ่ายจิตของท่าน ในจดหมายวันที่ 7 กรกฎาคม 1913 จดหมายฉบับนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะไม่เพียงแต่เสนอความคิดเห็นของคุณพ่อปีโอ เกี่ยวกับประสบการณ์ของท่านกับพระเยซูเจ้า แต่ยังกล่าวถึงคำพูดที่คุณพ่อปีโอได้รับจากพระเยซูเจ้าเองเกี่ยวกับการพิจารณาแยกแยะวิญญาณอีกด้วย คุณพ่อปีโอแสดงความคิดเห็นว่า -
 
เช้านี้หลังจากพิธีมิสซา ขณะที่ผมรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน และในตอนนั้น ผมรู้สึกราวกับว่าไม่สามารถที่จะสวดภาวนาขอบพระคุณต่อไปได้ 
 
อาการนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ความแห้งแล้งภายในจิตใจได้เข้ามารุกรานจิตวิญญาณของผม และใครจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
 
พระเยซูเจ้าทรงปรากฏมาและตรัสกับผมดังนี้ “ลูกเอ๋ย, อย่าละเลยที่จะจดสิ่งที่ได้ยินจากปากของเราในวันนี้ เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ลืม เราซื่อสัตย์ และไม่มีสิ่งสร้างใดจะสูญเสียไปโดยไม่ตั้งใจ แสงสว่างแตกต่างจากความมืดเป็นอย่างมาก เราดึงดูดวิญญาณให้มาหาเรา,วิญญาณที่เราพูดคุยด้วยอย่างคุ้นเคย ในทางตรงกันข้าม, เล่ห์เหลี่ยมของปีศาจจะแยกวิญญาณนั้นไปจากเรา เราไม่เคยทำให้เกิดความกลัวใดๆที่จะขับไล่วิญญาณไปจากเรา ปีศาจไม่เคยทำให้เกิดความกลัวใดๆที่กระตุ้นวิญญาณให้เข้ามาใกล้เรา”
 
“ถ้าความกลัวที่วิญญาณรู้สึกในบางช่วงของชีวิตเพื่อนำไปสู่ความรอดชั่วนิรันดร์นั้นมาจากเรา วิญญาณจะตระหนักรู้ได้จากสันติสุขและความเงียบสงบที่คงอยู่ในวิญญาณ…”
 
ภาพนิมิตและคำพูดภายในจิตใจของพระเยซูเจ้าทำให้วิญญาณของผมจมดิ่งลงสู่ความสงบสันติและความสุขจนกระทั่งว่าความหวานทั้งหมดในโลกนี้ดูไร้รสชาติไปเมื่อเปรียบเทียบกับความสุขแม้เพียงหยดเดียวที่ได้รับ
 
การไตร่ตรองดำเนินต่อไป: เรากำลังพูดถึงความกลัวอะไรหรือ? ความกลัวเหล่านั้นที่เกิดจากพระเจ้าจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเป็นเหตุให้เราแยกตัวเราออกจากผู้อื่นซึ่งพระเจ้าประทานมาให้เรา ความกลัวเหล่านี้รวมถึงความกลัวว่าจะทำผิดต่อพระเจ้า กลัวที่จะไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนบ้าน ไม่ให้ความหมายอย่างเพียงพอแก่ชีวิตของคนๆหนึ่ง เป็นต้น ส่วนความกลัวที่เกิดจากซาตาน ได้แก่ ความกลัวที่จะเป็นนักบุญ ความกลัวที่จะแสดงตนต่อหน้าพระเจ้า ความกลัวที่จะปฏิเสธการกระทำที่ไม่เหมาะสมซึ่งเป็นที่ยอมรับตามกระแสวัฒนธรรมปัจจุบัน ขณะที่พระเจ้าเชิญชวนให้เราปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ปีศาจเชิญชวนให้เราออกนอกกรอบทางศีลธรรมโดยการกระซิบว่า “จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ทุกคนต่างก็ทำกันทั้งนั้น ทำมันซะ ทำตามสัญชาตญาณของคุณ” (โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา) พูดอีกอย่างก็คือ ปีศาจแนะนำให้เราใช้ชีวิตเหมือนสัตว์
 
แม้ว่าในตอนแรกคุณพ่อปีโอจะรู้สึกแห้งแล้งฝ่ายจิตใจ แต่หลังจากสนทนากับพระเยซูเจ้าแล้วคุณพ่อปีโอก็รู้สึกสงบสันติอย่างล้นเหลือ ความแห้งแล้งหรือความทุกข์ทรมานบางอย่างสามารถชำระวิญญาณให้บริสุทธิ์และเตรียมพร้อมที่จะทำให้เรารับรู้การสื่อสารของพระเจ้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปกติแล้ว เรามักจะไข้วเขวไปสนใจกับสิ่งต่างๆรอบตัวจนไม่รู้ว่าจะแยกตัวจากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร และด้วยเหตุนี้ เราจึงตีความสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเราผิดไป สิ่งที่คุณพ่อปีโอได้ยินจากพระเยซูเจ้านั้นตรงไปตรงมาและเรียบง่ายมาก: ถ้าหากความกลัวในวิญญาณของเราดึงดูดเราเข้าหาพระเจ้าและมอบความสงบสันติให้กับเรา นั่นแสดงว่าความกลัวนั้นมาจากพระเจ้า ถ้าหากความกลัวทำให้เราห่างไกลจากพระองค์ นั่นแสดงว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า อย่างไรก็ตาม,เป็นการดีที่เราต้องรู้ว่าความดึงดูดใจและความสงบสันตินี้เกิดขึ้นในส่วนที่สูงส่งของวิญญาณเป็นหลัก ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า ส่วนความกลัวที่เกิดขึ้นในส่วนล่างของวิญญาณ,จะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเรากับโลกนี้และสถานการณ์ทางวัตถุและทางโลก การได้พบกับพระเจ้าส่งผลต่อตัวตนของเราทั้งหมด การสังเกตให้รู้ว่าผลลัพท์เกิดขึ้นที่ส่วนใด,ก็จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาไตร่ตรองของเรา การสื่อสารจากพระเจ้าจะมุ่งตรงไปที่ส่วนสูงส่งของวิญญาณโดยเฉพาะ ในขณะที่ปีศาจจะสัมผัสส่วนที่ต่ำและส่วนของประสาทสัมผัสของวิญญาณมากกว่า
 
โดยสรุป เมื่อเราได้รับแรงบันดาลใจหรือความกลัวและไม่แน่ใจว่าความกลัวนั้นมาจากไหน เราควรชำระใจของเราให้บริสุทธิ์ก่อนโดยมีความจริงใจกับตัวเองและกับพระเจ้า เราควรวางตัวเองในแสงสว่างของพระองค์ และแสวงหาความจริงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและเชื่อฟัง จากนั้น เราควรสังเกตว่ามีความสงบในวิญญาณของเราหรือมีความสับสนหรือไม่ หากมาจากพระเจ้า,ไม่เพียงแต่จะมีความสงบสันติเท่านั้น แต่จะมีความปีติยินดีและความดึงดูดใจเข้าหาพระเจ้าและดึงดูดใจต่อวิธีการต่างๆ เช่น ศีลศักดิ์สิทธิ์และการอ่านหนังสือฝ่ายจิตที่นำเราไปสู่พระองค์
 
ผู้รับใช้ของคุณพ่อในพระคริสต์
 
Fray Guillermo Trauba, Capuchin
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น