กี่ครั้งแล้วที่เราได้ฆ่า? หลายคนในพวกเราที่วิตกกังวลว่าลูกของเราจะมีเสื้อผ้าใส่หรือไม่.... หรือมีอาหารกินเพียงพอหรือไม่.... พวกเขาจะได้เล่าเรียนหรือไม่...ถ้าเจ็บป่วยจะไปหาหมอได้ไหม....แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราได้ฆ่าลูกของเราเอง? เด็กหลายคนโศกเศร้า หรือ โกรธ ขมขื่นใจ
เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้พ่อและแม่
ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่
พิจารณาสตรีที่เข้าไปในโบสถ์และพูดว่า “พระเจ้าข้า ดิฉันขอบพระคุณพระองค์ สำหรับบรรดาลูกๆแสนดีที่พระ องค์ประทานให้ดิฉัน แต่พวกเขาเป็นคนดีเมื่อสามีของดิฉันทอดทิ้งดิฉันไป ลูกๆจึงเกลียดพ่อของเขาและรักแต่ดิฉัน” มารดาผู้นี้ทำอะไรลงไปรู้ไหม? เธอได้ฆ่าจิตใจของลูกเธอเอง เพราะความเกลียดคือการฆ่า กี่ครั้งที่เราได้วางยาพิษให้แก่ลูกของเรา?
คุณไม่รู้หรอกว่าพระเป็นเจ้าทรงเศร้าพระทัยมากเพียงไร พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราทำเช่นนี้
พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันมองเห็นความจริงว่า ฉันเป็นฆาตกรที่น่ากลัวเพียงใด
เพราะฉันไม่เพียงทำบาปของการทำแท้งเท่านั้น ฉันยังให้เงินสนับสนุนการทำแท้งหลายครั้งด้วย นี่เป็นอำนาจของเงินตราที่มอบให้แก่ฉัน ฉันทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้สมคบ ฉันเคยพูดว่า
ผู้หญิงมีสิทธิที่จะตั้งครรภ์หรือไม่ก็ได้...ฉันมองดูในหนังสือแห่งชีวิตของฉัน...และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นสิ่งที่ฉันทำในปีต่อมา เมื่อฉันเติบโตขึ้นโดยมียาพิษอยู่ในจิตใจ ทำให้เราไม่สามารถให้สิ่งดีๆแก่ผู้อื่นได้ และคนที่มาหาเราก็ถูกทำลายโดยเรา มีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง สามคนเป็นหลานของฉันและคนอื่นเป็นคู่รักของหลาน พวกเขามาเยี่ยมเราที่บ้านบ่อยๆ เพราะฉันมีฐานะดี
ฉันแนะนำพวกเขาและพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับแฟชั่น เกี่ยวกับ”ความดึงดูดใจ” ที่ได้อวดรูปโฉม และให้คำแนะนำแก่พวกเขา ฉันได้ให้คำแนะนำเลวๆแก่พวกเขา นี่เป็นบาปที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง ฉันแนะนำว่า “อย่าเป็นเด็กโง่
เด็กผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเชื่อแม่ที่พูดเกี่ยวกับความดีและการรักษาพรหมจรรย์ มันเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ท่านชอบพูดเรื่องพระคัมภีร์ไบเบิล
ซึ่งเป็นเรื่องเมื่อ 2,000 ปีก่อน...และพระสงฆ์ก็ไม่ทำตัวให้ทันสมัย พวกเขาจะบอกเธอว่าโป๊ปพูดอะไรบ้าง แต่โป๊ปก็เป็นคนล้าสมัยเช่นกัน” คิดดูเถิด
ฉันได้วางยาพิษที่เปลี่ยนแปลงจิตใจเด็กหญิงเหล่านี้
ฉันแนะนำเธอว่าเธอสามารถทำอะไรกับร่างกายของตนเองก็ได้ พวกเธอควรคำนึงถึงวิธีการที่จะทำอย่างไรไม่ให้ตั้งครรภ์
คู่รักของหลานชายดิฉันซึ่งอายุเพียง
14 ปี ได้มาที่คลินิกส่วนตัวของฉัน ร้องไห้และพูดกับฉันว่า “กลอเรีย ฉันเป็นเด็กเท่านั้น และฉันก็กำลังตั้งครรภ์” ฉันตะโกนบอกเธอว่า ทำไมโง่นัก
ฉันไม่ได้สอนหรือว่าเธอควรทำอย่างไรในเรื่องแบบนี้?” เธอตอบว่า “ใช่ค่ะ แต่มันไม่ทำงาน”
รู้ไหมว่าพระเป็นเจ้าประสงค์สิ่งใดจากฉันในขณะนั้น คือการที่ฉันจะช่วยเด็กหญิงคนนั้นไม่ให้ตกลงสู่ห้วงอเวจี โดยการช่วยให้เธอไม่ทำแท้ง การทำแท้งลากเราลงไปในนรก ทำให้เราทุกข์ใจเพราะคุณจะรู้สึกว่างเปล่า เจ็บปวด
ที่ได้ฆ่าลูกของตนเอง
แต่แทนที่ฉันจะพูดถึงพระเยซูเจ้าและช่วยเธอ ปลอบใจเธอและช่วยเหลือ ฉันกลับให้เงินเธอเพื่อไปทำแท้งในโรงพยาบาลซึ่งจะไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย...แต่จิตใจที่ย่ำแย่ล่ะ..มันจะคงอยู่ต่อไปตลอดชีวิต
ฉันให้เงินแก่หลายคนเพื่อไปทำแท้ง และฉันยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำฆาตกรรม ฉันเป็นคนดี
ฉันเป็นคาทอลิก และไม่ถูกต้องที่ฉันจะต้องไปอยู่ในสถานที่น่ากลัวในนรก
มากยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ทำผิดต่อคนที่ฉันไม่ชอบ ที่ฉันเกลียดและต่อต้านพวกเขา ฉันพูดในทางเสียหายต่อพวกเขา ฉันเป็นคนที่ทำผิด เห็นแก่ตัวและทำฆาตกรรมด้วย
เพราะไม่ใช่การใช้อาวุธเท่านั้นที่สามารถฆ่าคนได้ แต่การเกลียดชัง การอิจฉาริษยา
การดูถูกเหยียดหยาม
การกล่าวร้าย การทำชั่ว
ก็เป็นการฆาตกรรมด้วย
การชดเชยใช้โทษบาปของเรา
ฉันได้บอกไปแล้วว่า การทำแท้งเป็นบาปที่หนักที่สุดในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า ดังนั้นจึงมีหลายคนถามฉันว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อชดเชยใช้โทษบาปสำหรับการทำแท้ง เราคงไม่สามารถให้ชีวิตของทารกกลับคืนมา แต่ในพระศาสนจักรคาทอลิกเรามีพระพรที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือศีลอภัยบาป ศีลแห่งการคืนดี ในการสารภาพบาป พระเป็นเจ้าทรงอภัยบาปให้เรา สิ่งที่พระสงฆ์แก้ในโลกนี้ ก็จะถูกแก้ในสวรรค์ด้วย จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าสำหรับสิ่งนี้ จงสรรเสริญพระเยซูเจ้าผู้ทรงพระทัยดียิ่งนัก....พระเยซูเจ้าทรงอภัยบาปของเรา แต่จงจำพระวาจาของพระ องค์ที่ตรัสกับหญิงที่ทำผิดประเวณีผู้นั้น “จงไปในสันติเถิด แล้วอย่าทำบาปอีก"
การแก้ไขอีกวิธีหนึ่งคือ “ศีลล้างบาปด้วยความตั้งใจ”( Baptism of intention) โดยการล้างบาปแก่ทารกที่ถูกทำแท้ง เหมือนที่พระสงฆ์ทำอยู่ทุกวันนี้ ในการประกอบพิธีเช่นนี้ ทารกที่ถูกทำแท้งจะสามารถออกมาจากสถานที่แห่งการรอคอย (Limbo) นี่คือปรีชาญาณในพระศาสนจักรคาทอลิก ทารกเหล่านั้นจะเข้าสู่พระเกียรติอันรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า พวกเขาเป็นเทวดาองค์น้อยในเวลานี้ ผู้คอยสวดภาวนาและช่วยเหลือสำหรับความรอดของเรา นี่คือความสวย งามแห่งความดีของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงปรับเปลี่ยนทุกสิ่งเพื่อความดีของเรา ไม่มีอะไรสูญเสียไป และเมื่อมีการเทศน์สอนเรื่องการทำแท้ง และทารกได้รับการช่วยชีวิต นี่ก็เป็นการชดเชยใช้โทษบาปด้วย เมื่อผู้หญิงที่ทำแท้งไปสารภาพบาปขออภัยจากพระเป็นเจ้าและไม่กลับไปทำแท้งอีก เธอก็มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการทำแท้งอื่นๆ เธอได้ชดเชยใช้โทษบาปของเธอ นี่คือการสำนึกผิดกลับใจ
ฉันได้บอกไปแล้วว่า การทำแท้งเป็นบาปที่หนักที่สุดในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า ดังนั้นจึงมีหลายคนถามฉันว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อชดเชยใช้โทษบาปสำหรับการทำแท้ง เราคงไม่สามารถให้ชีวิตของทารกกลับคืนมา แต่ในพระศาสนจักรคาทอลิกเรามีพระพรที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือศีลอภัยบาป ศีลแห่งการคืนดี ในการสารภาพบาป พระเป็นเจ้าทรงอภัยบาปให้เรา สิ่งที่พระสงฆ์แก้ในโลกนี้ ก็จะถูกแก้ในสวรรค์ด้วย จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าสำหรับสิ่งนี้ จงสรรเสริญพระเยซูเจ้าผู้ทรงพระทัยดียิ่งนัก....พระเยซูเจ้าทรงอภัยบาปของเรา แต่จงจำพระวาจาของพระ องค์ที่ตรัสกับหญิงที่ทำผิดประเวณีผู้นั้น “จงไปในสันติเถิด แล้วอย่าทำบาปอีก"
การแก้ไขอีกวิธีหนึ่งคือ “ศีลล้างบาปด้วยความตั้งใจ”( Baptism of intention) โดยการล้างบาปแก่ทารกที่ถูกทำแท้ง เหมือนที่พระสงฆ์ทำอยู่ทุกวันนี้ ในการประกอบพิธีเช่นนี้ ทารกที่ถูกทำแท้งจะสามารถออกมาจากสถานที่แห่งการรอคอย (Limbo) นี่คือปรีชาญาณในพระศาสนจักรคาทอลิก ทารกเหล่านั้นจะเข้าสู่พระเกียรติอันรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า พวกเขาเป็นเทวดาองค์น้อยในเวลานี้ ผู้คอยสวดภาวนาและช่วยเหลือสำหรับความรอดของเรา นี่คือความสวย งามแห่งความดีของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงปรับเปลี่ยนทุกสิ่งเพื่อความดีของเรา ไม่มีอะไรสูญเสียไป และเมื่อมีการเทศน์สอนเรื่องการทำแท้ง และทารกได้รับการช่วยชีวิต นี่ก็เป็นการชดเชยใช้โทษบาปด้วย เมื่อผู้หญิงที่ทำแท้งไปสารภาพบาปขออภัยจากพระเป็นเจ้าและไม่กลับไปทำแท้งอีก เธอก็มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการทำแท้งอื่นๆ เธอได้ชดเชยใช้โทษบาปของเธอ นี่คือการสำนึกผิดกลับใจ
การขาดความรักต่อพระเป็นเจ้าของฉัน
ความสัมพันธ์ของฉันกับพระเป็นเจ้านั้นแย่มาก สำหรับฉัน พระเป็นเจ้าเป็นผู้ที่ฉันจะแสวงหาก็ต่อเมื่อฉันมีปัญหา หลายครั้งฉันไปหาพระองค์เมื่อประสพปัญหาอย่างนั้น...อย่างนี้ และโดยมากก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งหมดเป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างฉันกับพระเป็นเจ้า เหมือนกับ “การขอเงินจากธนาคาร” ฉันสวดภาวนาเพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงส่งเงินมาให้ฉัน ฉันหวังว่าพระเป็นเจ้าจะรักฉันและให้ทุกสิ่งแก่ฉัน ตามเงื่อนไขของฉัน และจะต้องไม่มีใครมาบอกว่าถ้าฉันทำอย่างนั้นแล้วฉันกำลังทำบาป เพราะฉันไม่รู้สึกนิยมชมชอบเขาเลย ปีศาจทำให้มโนธรรมของฉันหลับใหล หลายครั้งเมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ฉันจะเดินผ่านรูปพระเยซูกุมารในเวลาที่เดินออกจากโบสถ์ และจะสัมผัสมือน้อยๆของพระองค์และพูดว่า “โปรดฟังฉัน โปรดให้เงินแก่ฉัน เพราะฉันกำลังต้องการมัน”
ความสัมพันธ์ของฉันกับพระเป็นเจ้านั้นแย่มาก สำหรับฉัน พระเป็นเจ้าเป็นผู้ที่ฉันจะแสวงหาก็ต่อเมื่อฉันมีปัญหา หลายครั้งฉันไปหาพระองค์เมื่อประสพปัญหาอย่างนั้น...อย่างนี้ และโดยมากก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งหมดเป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างฉันกับพระเป็นเจ้า เหมือนกับ “การขอเงินจากธนาคาร” ฉันสวดภาวนาเพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงส่งเงินมาให้ฉัน ฉันหวังว่าพระเป็นเจ้าจะรักฉันและให้ทุกสิ่งแก่ฉัน ตามเงื่อนไขของฉัน และจะต้องไม่มีใครมาบอกว่าถ้าฉันทำอย่างนั้นแล้วฉันกำลังทำบาป เพราะฉันไม่รู้สึกนิยมชมชอบเขาเลย ปีศาจทำให้มโนธรรมของฉันหลับใหล หลายครั้งเมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ฉันจะเดินผ่านรูปพระเยซูกุมารในเวลาที่เดินออกจากโบสถ์ และจะสัมผัสมือน้อยๆของพระองค์และพูดว่า “โปรดฟังฉัน โปรดให้เงินแก่ฉัน เพราะฉันกำลังต้องการมัน”
เหมือนบางคนที่ทำกับเทวรูปต่างๆ พวกเขาถูที่ท้องของเทวรูป และขอเงินทอง
นี่คือสิ่งที่ฉันทำกับรูปพระเยซูกุมาร
ฉันช่างไร้ความเคารพจริงๆ
และพระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ของฉันทำให้พระองค์เจ็บปวดมากสักเพียงไร ฉันรู้สึกเสียใจและอับอายมาก
เมื่อฉันได้เงินมา มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว และฉันก็พบว่าในท้ายที่สุด สถานะทางเศรษฐกิจของฉันก็ตกต่ำลงไปอีก
มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบเดียวกับฉัน แต่เธอไปหาศาสนจารย์โปรแตสแตนท์คนหนึ่งที่มีคนแนะนำให้ แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ฉันก็ถามเธอว่า ศาสนจารย์ผู้นั้นอยู่ที่ไหน เพราะฉันต้องการไปพบเขาด้วย....ดูความไม่สัตย์ซื่อของฉันสิ
ต่อมาฉันก็ได้ไปพบกับศาสนจารย์ผู้นั้น เขาได้สวดภาวนาเพื่อฉัน วางมือบนตัวฉัน บอกให้ฉันทำแบบเดียวกันแล้วฉันจะได้รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเหมือนกับของคาทอลิก พวกเขาทำเช่นนี้เหมือนกับฉันรับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก
พิธีกรรมของพวกเขาดูมีชีวิตชีวา พวกเขาจะกระโดด ตบมือ...ฉันพูดกับตัวเองว่า พระสงฆ์คาทอลิกช่างน่าเบื่อ ดูทื่อๆไม่น่านิยมเลย พิธีมิสซาช่างน่าเบื่อจริงๆ....เปรียบเทียบกับพิธีนี้ไม่ได้เลย พวกเขาทำให้เรารู้สึกดีและเป็นสุขมาก
พวกเขาไม่เชื่อในรูปเคารพ พวกเขาบอกว่าการบูชารูปเคารพเท่ากับเป็นการบูชาพระเท็จเทียม ดังนั้นฉันจึงไม่คุกเข่าต่อหน้ากางเขนอีกเลย เพราะถือว่าเป็นการบูชารูปเคารพ และฉันก็เริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์ ฉันมีเพื่อนบ้านเป็นหญิงชราที่ยากจนมากอยู่คนหนึ่ง บ้านของเธออยู่หน้าบ้านของฉัน ฉันช่วยเหลือเธอโดยให้เงินแก่เธอเป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และยังซื้อของใช้ให้เธอเมื่อไปชอปปิ้ง เพื่อที่เธอจะได้มีอาหารกิน ดังนั้นเธอจึงชอบมาใกล้ชิดกับฉันมากเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเราไม่มีพระเป็นเจ้าอยู่กับเรา แม้แต่การทำดีก็กลายเป็นสิ่งเน่าเสียเหมือนบาปของเรา
ดังเช่นที่กล่าวไปแล้ว ฉันเริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์ ฉันชอบโบสถ์นั้นมาก ฉันรู้สึกมีความสุขในพิธีกรรมของพวกเขา พวกเขาบอกว่ามันจะซ่อมแซมจิตใจที่เสียไปและสิ่งอื่นๆแบบเดียวกันนี้ได้
แต่หญิงชราผู้นั้นเป็นคาทอลิก ฉันได้ใช้มิตรไมตรีที่เธอรู้สึกต่อฉัน พูดแนะนำและทำให้เธอเชื่อมั่น ฉันทำลายความเชื่อของเธอ ด้วยคำแนะนำและความคิดที่ฉันใส่ในหัวของเธอ เธอได้เสียชีวิตโดยไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ เธอไม่ต้องการรับ เพราะเธอไม่รู้สึกว่ามีความสำคัญ ดูเถิดฉันมีอิทธิพลต่อคนที่อยู่ใกล้ชิดเพียงใด เมื่อในตัวของเรามีความชั่ว มันจะนำทางผู้อื่นที่อยู่ใกล้เราให้หลงผิดไปเหมือนกับเราด้วย ดังตัวอย่างที่ฉันได้ทำกับหญิงชราผู้นั้น
แต่ต่อมาเมื่อศาสนจารย์คนนั้นถามฉันเกี่ยวกับเรื่องบริจาคทานสิบชักหนึ่ง(ทศางค์) ฉันก็โกรธ เพราะในตอนนั้นฉันกำลังอยู่ในภาวะล้มละลาย และพวกเขายังมาขอส่วนแบ่ง 10 % จากเงินรายได้ของฉัน...เรื่องนี้ทำให้ฉันแตกหักกับโปรแตสแตนท์อย่างเรียบร้อย
มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบเดียวกับฉัน แต่เธอไปหาศาสนจารย์โปรแตสแตนท์คนหนึ่งที่มีคนแนะนำให้ แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ฉันก็ถามเธอว่า ศาสนจารย์ผู้นั้นอยู่ที่ไหน เพราะฉันต้องการไปพบเขาด้วย....ดูความไม่สัตย์ซื่อของฉันสิ
ต่อมาฉันก็ได้ไปพบกับศาสนจารย์ผู้นั้น เขาได้สวดภาวนาเพื่อฉัน วางมือบนตัวฉัน บอกให้ฉันทำแบบเดียวกันแล้วฉันจะได้รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเหมือนกับของคาทอลิก พวกเขาทำเช่นนี้เหมือนกับฉันรับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก
พิธีกรรมของพวกเขาดูมีชีวิตชีวา พวกเขาจะกระโดด ตบมือ...ฉันพูดกับตัวเองว่า พระสงฆ์คาทอลิกช่างน่าเบื่อ ดูทื่อๆไม่น่านิยมเลย พิธีมิสซาช่างน่าเบื่อจริงๆ....เปรียบเทียบกับพิธีนี้ไม่ได้เลย พวกเขาทำให้เรารู้สึกดีและเป็นสุขมาก
พวกเขาไม่เชื่อในรูปเคารพ พวกเขาบอกว่าการบูชารูปเคารพเท่ากับเป็นการบูชาพระเท็จเทียม ดังนั้นฉันจึงไม่คุกเข่าต่อหน้ากางเขนอีกเลย เพราะถือว่าเป็นการบูชารูปเคารพ และฉันก็เริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์ ฉันมีเพื่อนบ้านเป็นหญิงชราที่ยากจนมากอยู่คนหนึ่ง บ้านของเธออยู่หน้าบ้านของฉัน ฉันช่วยเหลือเธอโดยให้เงินแก่เธอเป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และยังซื้อของใช้ให้เธอเมื่อไปชอปปิ้ง เพื่อที่เธอจะได้มีอาหารกิน ดังนั้นเธอจึงชอบมาใกล้ชิดกับฉันมากเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเราไม่มีพระเป็นเจ้าอยู่กับเรา แม้แต่การทำดีก็กลายเป็นสิ่งเน่าเสียเหมือนบาปของเรา
ดังเช่นที่กล่าวไปแล้ว ฉันเริ่มไปโบสถ์โปรแตสแตนท์ ฉันชอบโบสถ์นั้นมาก ฉันรู้สึกมีความสุขในพิธีกรรมของพวกเขา พวกเขาบอกว่ามันจะซ่อมแซมจิตใจที่เสียไปและสิ่งอื่นๆแบบเดียวกันนี้ได้
แต่หญิงชราผู้นั้นเป็นคาทอลิก ฉันได้ใช้มิตรไมตรีที่เธอรู้สึกต่อฉัน พูดแนะนำและทำให้เธอเชื่อมั่น ฉันทำลายความเชื่อของเธอ ด้วยคำแนะนำและความคิดที่ฉันใส่ในหัวของเธอ เธอได้เสียชีวิตโดยไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ เธอไม่ต้องการรับ เพราะเธอไม่รู้สึกว่ามีความสำคัญ ดูเถิดฉันมีอิทธิพลต่อคนที่อยู่ใกล้ชิดเพียงใด เมื่อในตัวของเรามีความชั่ว มันจะนำทางผู้อื่นที่อยู่ใกล้เราให้หลงผิดไปเหมือนกับเราด้วย ดังตัวอย่างที่ฉันได้ทำกับหญิงชราผู้นั้น
แต่ต่อมาเมื่อศาสนจารย์คนนั้นถามฉันเกี่ยวกับเรื่องบริจาคทานสิบชักหนึ่ง(ทศางค์) ฉันก็โกรธ เพราะในตอนนั้นฉันกำลังอยู่ในภาวะล้มละลาย และพวกเขายังมาขอส่วนแบ่ง 10 % จากเงินรายได้ของฉัน...เรื่องนี้ทำให้ฉันแตกหักกับโปรแตสแตนท์อย่างเรียบร้อย
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
ตอบลบ