บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดา เกิดวันที่ 2 เม.ย.1502 ที่อเกรดา ประเทศสเปน เธอเป็นนักพรตในคณะฟรังซิสกัน เสียชีวิตวันที่ 24 พ.ค. 1665 เธอมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์โดยได้รับพระพรพิเศษอยู่สองแห่งในเวลาเดียวกัน เธอไปแพร่ธรรมแก่ชาวอินเดียนแดงในอเมริกา ทั้งๆที่เธอยังอยู่ที่อารามในสเปน
หนังสือที่เธอเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ City of God ได้เขียนถึงประวัติของพระนางพรหมจารีย์ พระมารดาของพระเจ้า และแม่พระเองทรงเป็นผู้ทรงบอกเล่าให้เธอเขียนโดยตรง หลังจากเธอเสียชีวิตแล้ว ร่างของเธอไม่เน่าเปื่อย แม้ว่าเวลาผ่านไปนานถึง 339 ปี. ต่อไปนี้เป็นข้อเขียนในหนังสือ "City of God"
Book
5, Chapter6
พระเยซูเจ้าทรงรับศีลจากท่านยอห์นและกิจการของพระมารดาในช่วงเวลานี้องค์พระผู้ไถ่ของเราทรงละจากพระมารดาสุดที่รักของพระองค์ซึ่งประทับอยู่ในบ้านอันยากจนที่นาซาเร็ธ โดยไม่มีใครติดตามพระองค์ไปด้วย พระองค์เสด็จจากไปเพื่อทำภารกิจแห่งพระเมตตาและความรัก สู่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน บริเวณที่เรียกว่า เบธานี ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เบธาราบา อันอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก ที่ซึ่งผู้มาก่อนหน้าพระองค์กำลังเทศน์สอนและทำพิธีล้างให้แก่ประชาชน ขณะที่ทรงดำเนินออกจากบ้านแห่งนาซาเร็ธ องค์พระผู้ไถ่ทรงยกพระเนตรขึ้นสู่เบื้องบนยกจิตใจขึ้นหาพระบิดานิรันดร ทรงยกถวายดวงพระทัยของพระองค์อันเต็มเปี่ยมด้วยความรักนิรันดร และถวายกิจการแห่งการไถ่กู้มนุษยชาติซึ่งกำลังจะเริ่มต้นนี้แด่พระบิดา กิจการของพระองค์ประกอบด้วย การยอมรับความยากลำบาก พระมหาทรมาน และความตายบนไม้กางเขน อันทรงกระทำด้วยความนบนอบเชื่อฟังต่อน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกเศร้าพระทัยที่ต้องจากพระมารดาสุดที่รักของพระองค์ เป็นเวลาถึง 29 ปีที่พระองค์ทรงมีความยินดีที่ได้อยู่กับพระนาง เวลานี้พระเป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงดำเนินไปแต่เพียงลำพัง ปราศจากข้าราชบริพารติดตาม พระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นพระเจ้าสูงสุด (Apoc. 19, 16) ไม่ได้เป็นที่รับรู้จากประชากรของพระองค์เลยสักนิดว่า พระเจ้าของพวกเขา ขณะนี้เป็นเพียงคนที่ยากจนที่สุด
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปยังแม่น้ำจอร์แดน ทรงทอดพระเนตรประชาชนที่ทรงพบเห็นระหว่างทางด้วยพระทัยเมตตาสงสาร พระองค์ได้บรรเทาความยากลำบากของพวกเขาโดยประทานสิ่งจำเป็นต่อชีวิตทั้งฝ่ายร่างกายและจิตใจแก่พวกเขาด้วย แต่พระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้อย่างลับๆ เพราะพระองค์ไม่ปรารถนาจะแสดงอัศจรรย์ใดๆก่อนการรับศีลล้างและการประกาศพระวาจา เมื่อใกล้ถึงแม่น้ำจอร์แดนก่อนที่จะทรงปรากฏพระองค์ พระองค์ทรงประทานพระหรรษทานความชื่นชมยินดีใหม่แก่ท่านยอห์น บัปติสตา พระหรรษทานซึ่งได้เปลี่ยนแปลงจิตใจของท่าน และยกจิตใจของท่านขึ้น เป็นพระหรรษทานใหม่จนทำให้ท่านร้องขึ้นว่า “ช่างน่าอัศจรรย์อะไรเช่นนี้? ในขณะที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ข้าพเจ้าเป็นสุขยิ่งนักเมื่อได้รับรู้ถึงการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เวลานี้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นสุขเช่นเดียวกับเวลานั้น เป็นไปได้ที่พระองค์กำลังเสด็จมาในตอนนี้ องค์พระผู้ไถ่ของโลกกำลังเสด็จมาใกล้แล้วหรือ?” นอกจากความชื่นชมยินดีอันเต็มเปี่ยมนี้ ท่านยอห์นยังได้เห็นนิมิต ท่านได้รับความรู้อันกระจ่างแจ้งถึงรหัสธรรมของความเป็นหนึ่งเดียวขององค์พระวจนาตถ์กับมนุษยชาติและรหัสธรรมอื่นๆของการไถ่กู้ ด้วยความรู้อันกระจ่างแจ้งนี้ท่านได้กล่าวคำพยานซึ่งได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์โดยนักบุญยอห์น อัครสาวก และบันทึกเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงจำศีลอดอาหารในทะเลทรายหลังจากรับศึลล้างด้วย เมื่อท่านยอห์น หันหน้าไปที่ริมฝั่งแม่น้ำท่านได้กล่าวว่า “จงมองดูลูกแกะของพระเจ้าเถิด” (ยน. 1, 36). ถึงแม้ท่านยอห์นจะได้รับคำสั่งให้ทำการเทศน์สอนและทำพิธีล้าง แต่ภารกิจนั้นยังคงเป็นเรื่องลึกลับสำหรับท่าน เวลานี้ความลึกลับได้ถูกเปิดเผยกลายเป็นสิ่งใหม่และท่านเข้าใจทุกอย่างแจ่มชัดขึ้น บัดนี้ท่านร้องประกาศว่าองค์พระผู้ไถ่ของโลกกำลังเสด็จมารับพิธีล้างจากท่าน
พระเยซูเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ในกลุ่มของประชาชนและทรงเป็นคนสุดท้ายที่ขอให้ท่านยอห์นทำพิธีล้างให้ ท่านยอห์นรู้จักพระองค์และก้มลงแทบพระบาทของพระองค์พร้อมกับพูดว่า “ข้าพเจ้าต่างหากที่สมควรได้รับการล้าง พระเจ้าข้า โปรดทำพิธีล้างให้ข้าพเจ้าด้วย” ตามที่ได้ถูกบันทึกไว้โดยนักบุญมัทธิว แต่องค์พระผู้ไถ่ตรัสว่า “จงให้เป็นไปตามนี้ก่อนเถิด เพราะเรามาเพื่อทำให้ทุกสิ่งสมบูรณ์”
เมื่อท่านยอห์นทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้าเสร็จสิ้น ท้องฟ้าเปิดออกและพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ในรูปของนกพิราบและมีเสียงของพระบิดาตรัสว่า “นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา เราพอใจท่านเป็นอย่างยิ่ง” (มธ.3, 17). มีหลายคนที่ยืนอยู่ริมฝั่งได้เห็นเหตุการณ์และได้ยินเสียง พวกเขาได้เห็นพระจิตเจ้าเสด็จมาอยู่เหนือองค์พระผู้ไถ่ด้วย นี่เป็นเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิสูจน์จากสวรรค์ถึงองค์พระผู้ไถ่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระบิดาทรงเผยแสดงให้เป็นที่รับรู้ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรของพระองค์ องค์พระคริสต์ทรงแสดงให้ประจักษ์ว่าพระองค์เป็นหนึ่งเดียวและเสมอเท่ากับพระบิดานิรันดร พระบิดาทรงมีพระประสงค์ที่จะเป็นพระองค์แรกที่ประกาศถึงพระคริสตเจ้าและยืนยันถึงพระคุณความดีอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ ยังมีความลึกล้ำอีกประการหนึ่งในพระสุรเสียงของพระบิดานิรันดร นั่นคือพระสุรเสียงนี้มีขึ้นเพื่อยกย่องถวายเกียรติแด่องค์พระบุตรหลังจากที่ได้ทรงถ่อมองค์ยอมรับศีลล้างเหมือนเป็นคนบาปคนหนึ่ง ทั้งๆที่พระองค์ไม่ทรงมีบาปและความผิดใดๆเลย (ฮบ.7, 26).
ให้เราย้อนกลับมาดูอีกผู้หนึ่งที่เป็นหลักของเหตุการณ์ครั้งนี้ นั่นคือองค์ราชินีสวรรค์ของเรา ทันทีที่พระบุตรของพระนางได้รับศีลล้าง ถึงแม้พระนางจะรู้ถึงเหตุการณ์ทุกอย่างโดยอาศัยแสงสว่างจากเบื้องบน ทูตสวรรค์ผู้คอยเฝ้าเฉพาะพระเป็นเจ้าได้นำความเข้าใจมาให้แก่พระนางถึงความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นที่แม่น้ำจอร์แดน บรรดาทูตสวรรค์เหล่านี้คือโล่ห์หรือธงชัยแห่งพระมหาทรมานขององค์พระผู้ไถ่ (ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทแรก) เพื่อเฉลิมฉลองการรับศีลล้างของพระคริสต์และการประกาศถึงองค์พระผู้ไถ่ต่อมนุษย์ พระมารดาทรงขับร้องเพลงบทใหม่สรรเสริญพระเป็นเจ้า เป็นเพลงที่พระนางแต่งขึ้นเพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้าและสรรเสริญการเสด็จมาบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงถ่อมองค์ยิ่งนัก พระนางทรงร่วมใจไปกับทุกกิจการของพระเยซูเจ้าในท่ามกลางประชาชนซึ่งอยู่ ณ.ที่นั้น ทรงสวดภาวนาเพื่อที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากศีลศักดิ์สิทธิ์ของการล้างบาป นอกจากขับร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณแล้ว พระมารดายังทรงขอให้สวรรค์ช่วยพระนางในการเพิ่มพูนความศรัทธาของมนุษย์ต่อองค์พระบุตรที่ทรงถ่อมองค์รับศีลล้างจากมือของมนุษย์ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างมา
การจำศีลอดอาหารและถูกปีศาจประจญล่อลวง
พระคริสตเจ้าทรงเสด็จละจากแม่น้ำจอร์แดนไปยังทะเลทรายทันทีภายหลังจากรับศีลล้างแล้ว
มีเพียงทูตสวรรค์ของพระองค์ที่ติดตามพระองค์ไป เพื่อรับใช้และนมัสการพระองค์ ฑูตสวรรค์ร้องเพลงสรรเสริญกิจการที่พระองค์กำลังกระทำเพื่อไถ่กู้มนุษยชาติ
พระองค์มายังสถานที่ทรงเลือกไว้สำหรับการจำศีลอดอาหาร อยู่ท่ามกลางชะง่อนผา มีถ้ำซึ่งซ่อนเร้นอยู่ ทรงหยุดอยู่ที่นี่และจำศีลอดอาหารตลอดวัน (มธ.4, 1).
ด้วยความถ่อมองค์อย่างที่สุด
พระองค์ทรงหมอบกราบลงแทบพื้นดิน
ซึ่งเป็นท่าที่พระองค์และพระมารดาทรงกระทำอยู่เสมอเวลาสวดภาวนา
ทรงสรรเสริญองค์พระบิดานิรันดรและขอบพระคุณในพระเมตตาที่ทรงสนับสนุนค้ำจุนพระองค์ในเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยของการจำศีลอดอาหารครั้งนี้ พระองค์ขอบพระคุณแม้แต่ทะเลทรายที่ยอมให้พระองค์อยู่อาศัยและซ่อนกำบังพระองค์ไว้จากโลกภายนอก พระองค์ทรงกางพระหัตถ์ออกเป็นรูปกางเขน และสวดภาวนาต่อไป ทรงกระทำเช่นนี้ในเวลาที่อยู่ในทะเลทรายด้วยการสวดภาวนาต่อพระบิดาเพื่อความรอดของมนุษย์เมื่อองค์พระผู้ไถ่เริ่มต้นจำศีลอดอาหาร ทรงไม่รับประทานอาหารเป็นเวลาสี่สิบวัน ทรงใช้การอดอาหารเป็นการพลีกรรมถวายแด่พระบิดานิรันดรเพื่อชดเชยต่อการไม่เชื่อฟังและบาปต่างๆซึ่งมนุษย์ได้กระทำ จะเป็นด้วยความโง่เขลาหรือเพราะความชั่วร้ายแห่งความโลภ ตะกละตะกลามของเขา ตามที่ดิฉันได้รับพระคุณความรู้ในเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าทรงเอาชนะความจำเป็นทางร่างกายนี้เพื่อปราบปรามความชั่วแห่งความโลภตะกละตะกลามเหล่านั้นและความชั่วอื่นๆด้วย เป็นการชดเชยต่อพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าที่ต้องรับทนความชั่วร้ายต่างๆของมนุษย์ องค์พระผู้ไถ่ของเรา เพื่อที่จะทรงเป็นผู้เทศน์สอน เป็นอาจารย์ เป็นองค์กลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและเป็นพระผู้ไถ่ของมนุษย์ พระองค์จึงทรงปราบปรามและพิชิตความอ่อนแอฝ่ายร่างกายและความเอนเอียงทางบาปตามประสามนุษย์จนหมดสิ้น พระองค์พอพระทัยที่จะพิชิตมันโดยประกอบคุณธรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านั้น อย่างเช่นที่ทรงอดอาหารเพื่อพิชิตความตะกละตะกลาม และพระองค์ยังคงกระทำต่อไปตลอดชีวิตของพระองค์ด้วยพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ระหว่างการจำศีลอดอาหารครั้งนี้พระองค์ทรงใช้ความเพียรพยายามทั้งหมดของพระองค์เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
องค์พระบิดาทรงทอดพระเนตรการจำศีลอดอาหารของพระบุตรของพระองค์เพื่อชดเชยต่ออาชญากรรมทั้งปวงของมนุษย์โดยการรับโทษอันหนักหนาสาหัสที่สุดแทนพวกเขา พระบิดาทรงรับการถวายทั้งสิ้นของพระบุตรเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากหายนะ พระบิดาและพระบุตรทรงปรารถนาที่จะชดเชยหนี้บาปของมนุษยชาติ เพื่อชดเชยความหยิ่งจองหองของพวกเราพระองค์ทรงถวายความนบนอบถ่อมตนจนถึงที่สุด เพื่อชดเชยความละโมบโลภมากของพวกเรา พระองค์ทรงถวายความยากจนและการสูญเสียทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ในสวรรค์และแผ่นดิน เพื่อชดเชยราคะตัณหาของพวกเราพระองค์ทรงถวายความสำรวมอันเคร่งครัดและการพลีกรรม เพื่อชดเชยโทษะความโกรธเกลียดแก้แค้นของพวกเราพระองค์ทรงถวายความอ่อนโยนและความเมตตาความรักต่อศัตรู เพื่อชดเชยความหละหลวมละเลยและความเกียจคร้านของพวกเรา พระองค์ทรงถวายความเพียรจนถึงที่สุดของพระองค์ เพื่อชดเชยความหลอกลวงและความอิจฉาริษยาของพวกเรา พระองค์ทรงถวายความซื่อสัตย์ซื่อตรงและความจริงความอ่อนหวานแห่งความรักของพระองค์ ด้วยท่าทีเช่นนี้พระองค์ทรงวิงวอนต่อพระยุติธรรมของพระเจ้าและวอนขออภัยโทษสำหรับการไม่เชื่อฟังของบรรดาบุตรนอกคอกทั้งหลาย และพระองค์ไม่เพียงแต่ได้รับการให้อภัยสำหรับมนุษย์เท่านั้น ยังทรงได้รับพระพรพระหรรษทานใหม่ๆสำหรับมนุษย์อีกด้วย เพื่อที่มนุษย์จะสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นที่พอพระทัยและมีคุณค่าเบื้องเฉพาะพระพักตร์พระบิดาและต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองจนตลอดนิรันดร พวกเราได้รับพระคุณต่างๆเหล่านี้โดยผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้นด้วยกิจการอันน่ามหัศจรรย์ยิ่งของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำไม่เหมือนกับที่พวกเรากระทำ พระองค์แสดงพระทัยรักอันเหลือล้นต่อพวกเราเช่นนี้ เพื่อที่ความอกตัญญูและจิตใจที่แข็งกระด้างของพวกเราจะได้รับการอภัย
พระมารดาทรงทราบถึงสิ่งต่างๆที่องค์พระผู้ไถ่ทรงกระทำ จึงไม่จำเป็นที่พระนางต้องได้รับนิมิตหรือการไขแสดงพิเศษใดๆอีก พระนางทรงได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ ซึ่งถูกส่งมาจากองค์พระบุตรนั่นเอง เพราะพระองค์ทรงสั่งให้พวกท่านมาแจ้งแด่พระนาง ด้วยวิธีนี้ พระองค์เองและพระมารดาจะได้ร่วมชื่นชมยินดีพร้อมกันในหัวใจโดยผ่านทางผู้นำสาส์นจากสวรรค์เหล่านี้ ทั้งสองพระองค์ได้ยินแต่ละฝ่ายพูด แต่ทั้งสองพระองค์ทรงรับรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทันทีที่พระมารดาทรงทราบว่าพระบุตรกำลังเดินทางไปยังทะเลทรายเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง พระนางทรงปิดประตูบ้าน เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านรู้ว่าพระนางอยู่ข้างในบ้าน พวกเขาเข้าใจว่าพระนางเดินทางออกไปที่อื่นพร้อมกับพระบุตรของพระนาง พระมารดาทรงเข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัวเป็นเวลาสี่สิบวันโดยได้จำศีลอดอาหารเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนาง ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับความทุกข์ยากลำบากแบบเดียวกัน ทรงสวดภาวนาและหมอบกราบแบบเดียวกัน พระนางทรงกระทำตามแบบอย่างขององค์พระบุตรโดยไม่ยกเว้นสิ่งใดเลยและกระทำในเวลาเดียวกันด้วย พระนางทราบสิ่งต่างๆจากทูตสวรรค์ที่คอยมาทูลพระนาง ดังที่ดิฉันได้เล่าให้ฟังไปแล้ว ไม่ว่าพระเยซูเจ้าจะประทับอยู่ใกล้หรือไม่ พระนางทรงล่วงรู้ทั้งภายในฝ่ายจิตใจและการเคลื่อนไหวขององค์พระบุตร ทรงสัมผัสได้ถึงทุกอริยบทขององค์พระผู้ไถ่ และรับรู้จากคำบอกเล่าของเหล่าฑูตสวรรค์ด้วย
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงจำศีลอยู่ในทะเลทราย พระองค์ทรงคุกเข่านมัสการพระเป็นเจ้าสามร้อยครั้งทุกวัน พระมารดาได้ทรงกระทำเช่นเดียวกันภายในห้องส่วนพระองค์ของพระนาง บางเวลาพระนางจะทรงขับร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับเหล่าฑูตสวรรค์ ตามที่ดิฉันได้เล่าไว้ในบทที่แล้ว ในการทำตามแบบอย่างของพระคริสต์ องค์ราชินีสวรรค์ได้ร่วมงานกับพระองค์ในการสวดภาวนาและการวิงวอน
และทรงได้รับชัยชนะเช่นเดียวกันต่อความอ่อนแอและความเอนเอียงในบาป
พระนางทรงได้รับพระพรด้วยคุณธรรมความดีและความเพียรของพระนาง ด้วยเหตุนี้
ในขณะที่พระคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่ของชาวเราทรงได้รับพระพรมากมายเหลือล้นสำหรับพวกเรามนุษย์ทั้งหลายเพื่อชดเชยหนี้บาปของเรา
องค์พระแม่มารีย์ในฐานะผู้ช่วยเหลือและพระมารดาของพวกเรา ทรงได้รับพระหรรษทานความเมตตาให้สามารถเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือพวกเราและทรงกลายเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าพระผู้สูงสุดกับมนุษย์ผู้เป็นเพียงสิ่งสร้าง
องค์พระผู้ไถ่ทรงปิดบังสติปัญญาของลูซิเฟอร์ทำให้มันเข้าใจผิด คิดว่าพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ถึงแม้มันจะเห็นว่าพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และทรงความดี พระองค์มีพระประสงค์ให้มันกล้าเข้ามาทดสอบพระองค์ เพราะเมื่อปีศาจเห็นผู้ที่ทำความดีมันจะเข้าโจมตีด้วยการประจญล่อลวงต่อเหยื่อของมันในทันที ด้วยความหยิ่งผยอง มันเริ่มทำสงครามที่โหดร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าที่มันเคยทำกับมนุษย์คนใด ลูซิเฟอร์และบริวารของมันเฆี่ยนโบยตีตัวมันเองให้เกิดความเกรี้ยวโกรธต่ออานุภาพแห่งพระผู้สูงสุด ซึ่งมันรู้สึกสัมผัสได้ในองค์พระผู้ไถ่ พระคริสต์ทรงโต้ตอบด้วยพระปรีชาญาณและความดี ในความยุติธรรมและชอบธรรมพระองค์ปกปิดความลับแห่งพระฤทธานุภาพนิรันดรของพระองค์ ทรงแสดงพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ที่ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์และได้รับชัยชนะต่อศัตรูตัวฉกาจนี้เท่านั้น ในการเริ่มเข้าสู่สงครามในสภาวะมนุษย์นี้ พระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนาต่อพระบิดานิรันดรด้วยสิ้นสุดจิตใจ เพื่อที่ความเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ของปีศาจจะไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้ พระองค์ทรงภาวนาว่า “ข้าแต่พระบิดาของลูก พระเจ้านิรันดร ลูกกำลังเข้าสู่สงครามกับศัตรูเพื่อบดขยี้อำนาจของมัน กดความหยิ่งผยองของมันให้จมลง และสลายความมุ่งร้ายของมันต่อวิญญาณของผู้เป็นที่รักของลูก เพื่อพระเกียรติของพระองค์และเพื่อประโยชน์ของวิญญาณ ลูกพร้อมที่จะเข้าสู่การประจญล่อลวงของลูซีเฟอร์ ด้วยลูกปรารถนาจะบดขยี้หัวของมัน เพื่อว่าในเวลาที่มนุษย์ถูกมันโจมตีด้วยการประจญล่อลวงโดยหาใช่ความผิดของพวกเขา มนุษย์ผู้อ่อนแอจะได้พบว่าความหยิ่งผยองของมันถูกทำลายลงแล้ว ลูกวอนขอต่อพระองค์ พระบิดา โปรดระลึกถึงการสงครามครั้งนี้และชัยชนะของลูกเพื่อมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกศัตรูรบกวนด้วยเถิด อาศัยความเข้มแข็งของลูกโปรดเพิ่มพูนความเข้มแข็งแก่พละกำลังที่อ่อนแอของพวกเขา โปรดให้พวกเขาได้ลิ้มรสชัยชนะ ทำให้พวกเขามีความกล้าหาญด้วยแบบอย่างของลูก โปรดให้พวกเขาเรียนรู้จากลูกในการต้านทานและเอาชนะศัตรูของพวกเขาเทอญ
ในระหว่างสงครามนี้ บรรดาทูตสวรรค์ที่เฝ้าพระคริสตเจ้าถูกซ่อนบังไว้จากสายตาของลูซีเฟอร์ เพื่อที่มันจะไม่ล่วงรู้และสงสัยในพระฤทธานุภาพขององค์พระผู้ไถ่ เทพนิกรในสวรรค์แซ่ซ้องสรรเสริญพระบิดาและพระจิตเจ้า ผู้ทรงปิติยินดีในผลงานขององค์พระวจนาตถ์ที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ องค์พระมารดาขณะอยู่ในห้องส่วนพระองค์ ทรงรับรู้ถึงสงครามครั้งนี้ด้วย การประจญล่อลวงพระผู้ไถ่เริ่มต้นในวันที่ 35 ของการจำศีลอดอาหารในทะเลทราย และเป็นวันสิ้นสุดของการจำศีลด้วยเช่นเดียวกัน ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ลูซีเฟอร์จำแลงตัวในรูปแบบของมนุษย์และแสดงตัวต่อพระเยซูเจ้าเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อน มันครอบคลุมตัวมันเองด้วยแสงสว่างเหมือนเทวดา และเมื่อคาดคะเนว่าหลังจากการอดอาหารเป็นเวลานานแล้ว
พระเยซูเจ้าต้องทนทรมานด้วยความหิวอย่างหนัก
มันจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า
จงสั่งให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นขนมปังเถิด” (มธ. 4, 3). ด้วยความเจ้าเล่ห์ของมัน
มันพูดให้พระองค์คิดว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า แต่องค์พระผู้ไถ่ของโลกตอบแต่เพียงว่า
“มนุษย์ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยอาหารแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเป็นเจ้า”(สภษ. 90, 11)องค์พระผู้ไถ่ทรงปิดบังสติปัญญาของลูซิเฟอร์ทำให้มันเข้าใจผิด คิดว่าพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ถึงแม้มันจะเห็นว่าพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และทรงความดี พระองค์มีพระประสงค์ให้มันกล้าเข้ามาทดสอบพระองค์ เพราะเมื่อปีศาจเห็นผู้ที่ทำความดีมันจะเข้าโจมตีด้วยการประจญล่อลวงต่อเหยื่อของมันในทันที ด้วยความหยิ่งผยอง มันเริ่มทำสงครามที่โหดร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าที่มันเคยทำกับมนุษย์คนใด ลูซิเฟอร์และบริวารของมันเฆี่ยนโบยตีตัวมันเองให้เกิดความเกรี้ยวโกรธต่ออานุภาพแห่งพระผู้สูงสุด ซึ่งมันรู้สึกสัมผัสได้ในองค์พระผู้ไถ่ พระคริสต์ทรงโต้ตอบด้วยพระปรีชาญาณและความดี ในความยุติธรรมและชอบธรรมพระองค์ปกปิดความลับแห่งพระฤทธานุภาพนิรันดรของพระองค์ ทรงแสดงพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ที่ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์และได้รับชัยชนะต่อศัตรูตัวฉกาจนี้เท่านั้น ในการเริ่มเข้าสู่สงครามในสภาวะมนุษย์นี้ พระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนาต่อพระบิดานิรันดรด้วยสิ้นสุดจิตใจ เพื่อที่ความเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ของปีศาจจะไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้ พระองค์ทรงภาวนาว่า “ข้าแต่พระบิดาของลูก พระเจ้านิรันดร ลูกกำลังเข้าสู่สงครามกับศัตรูเพื่อบดขยี้อำนาจของมัน กดความหยิ่งผยองของมันให้จมลง และสลายความมุ่งร้ายของมันต่อวิญญาณของผู้เป็นที่รักของลูก เพื่อพระเกียรติของพระองค์และเพื่อประโยชน์ของวิญญาณ ลูกพร้อมที่จะเข้าสู่การประจญล่อลวงของลูซีเฟอร์ ด้วยลูกปรารถนาจะบดขยี้หัวของมัน เพื่อว่าในเวลาที่มนุษย์ถูกมันโจมตีด้วยการประจญล่อลวงโดยหาใช่ความผิดของพวกเขา มนุษย์ผู้อ่อนแอจะได้พบว่าความหยิ่งผยองของมันถูกทำลายลงแล้ว ลูกวอนขอต่อพระองค์ พระบิดา โปรดระลึกถึงการสงครามครั้งนี้และชัยชนะของลูกเพื่อมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกศัตรูรบกวนด้วยเถิด อาศัยความเข้มแข็งของลูกโปรดเพิ่มพูนความเข้มแข็งแก่พละกำลังที่อ่อนแอของพวกเขา โปรดให้พวกเขาได้ลิ้มรสชัยชนะ ทำให้พวกเขามีความกล้าหาญด้วยแบบอย่างของลูก โปรดให้พวกเขาเรียนรู้จากลูกในการต้านทานและเอาชนะศัตรูของพวกเขาเทอญ
ในระหว่างสงครามนี้ บรรดาทูตสวรรค์ที่เฝ้าพระคริสตเจ้าถูกซ่อนบังไว้จากสายตาของลูซีเฟอร์ เพื่อที่มันจะไม่ล่วงรู้และสงสัยในพระฤทธานุภาพขององค์พระผู้ไถ่ เทพนิกรในสวรรค์แซ่ซ้องสรรเสริญพระบิดาและพระจิตเจ้า ผู้ทรงปิติยินดีในผลงานขององค์พระวจนาตถ์ที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ องค์พระมารดาขณะอยู่ในห้องส่วนพระองค์ ทรงรับรู้ถึงสงครามครั้งนี้ด้วย การประจญล่อลวงพระผู้ไถ่เริ่มต้นในวันที่ 35 ของการจำศีลอดอาหารในทะเลทราย และเป็นวันสิ้นสุดของการจำศีลด้วยเช่นเดียวกัน ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ลูซีเฟอร์จำแลงตัวในรูปแบบของมนุษย์และแสดงตัวต่อพระเยซูเจ้าเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อน มันครอบคลุมตัวมันเองด้วยแสงสว่างเหมือนเทวดา และเมื่อคาดคะเนว่าหลังจากการอดอาหารเป็นเวลานานแล้ว
เจ้าลูซีเฟอร์ถึงกับผงะถอยหลังเพราะคำตอบนี้และด้วยอำนาจที่ถูกซ่อนบังไว้ในคำพูดนี้ แต่มันต้องการแสดงว่าตัวมันไม่มีความอ่อนแอและมันไม่ยอมละเลิก พระเยซูเจ้าทรงยอมให้มันประจญล่อลวงต่อไปและทรงยอมให้มันแบกหามพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็มและวางพระองค์ไว้บนยอดพระวิหาร จากเบื้องบนนี้พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นฝูงชน แต่ไม่มีใครมองเห็นพระองค์เลย ลูซีเฟอร์พยายามกระตุ้นจิตใจของพระองค์ให้ปรารถนาที่จะกระโดดลงไปจากที่สูง เพื่อที่ประชาชนข้างล่าง เมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้รับบาดเจ็บ จะยกย่องพระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่และเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ของพระเจ้า และด้วยพระวาจาที่ยกมาจากพระคัมภีร์อีกครั้งหนึ่ง มันทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงกระโดดลงไปข้างล่างเถิด เพราะในพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า : "พระองค์จะทรงใช้เทวดามาประคองท่าน ไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน” (มธ.4, 6). เทพนิกรในสวรรค์ผู้เฝ้าติดตามองค์พระมหากษัตริย์ของพวกท่าน เต็มไปด้วยความพิศวงที่เห็นพระองค์ยอมให้ลูซีเฟอร์แบกหามพระองค์ไว้ในมือของมัน เพียงเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ผู้เป็นคนบาปเท่านั้น มวลหมู่ปีศาจมากมายได้มารวมอยู่ที่นั้นพร้อมกับเจ้าชายแห่งความมืดของมัน เพราะในเวลานั้นในนรกแทบจะว่างเปล่า เพื่อมาช่วยในกิจการครั้งนี้ ผู้นิพนธ์หนังสือปรีชาญาณได้ให้คำตอบแก่มัน “ยังมีเขียนด้วยว่า จงอย่าล่อลวงพระสวามีเจ้าพระเจ้าของเจ้าเลย” (Deut. 6, 16). ในขณะที่ตอบเช่นนี้ องค์พระผู้ไถ่ของโลกได้ทรงแสดงพระอาการอันสงบสุภาพอันหาที่เปรียบมิได้ ทรงถ่อมตนอย่างที่สุด และทรงแสดงพระองค์ว่าอยู่เหนือการประจญล่อลวงของซาตาน ด้วยพระอาการเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ความหยิ่งผยองของลูซีเฟอร์และทำให้มันทุกข์ทรมานด้วยความสับสนว้าวุ่นอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อถูกตอบโต้เช่นนี้ มันโจมตีพระเยซูเจ้าอีกครั้งด้วยวิธีอื่น เพื่อกระตุ้นให้พระองค์เกิดความทะยานอยากโดยเสนอให้พระองค์มีส่วนร่วมในความยิ่งใหญ่ของมัน ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวมันนำพระองค์ไปยังยอดภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถมองเห็นดินแดนได้หลายแห่ง มันทูลพระองค์อย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ทุกสิ่งนี้เราจะมอบให้ท่าน ถ้าหากท่านก้มลงกราบนมัสการเรา” (มธ. 4, 9). ช่างกล้าเกินไปแล้ว เป็นการเสียสติและทำเกินไปจริงๆ ในการเสนอที่จะมอบสิ่งที่มันไม่ได้เป็นเจ้าของ และไม่สามารถมอบให้ได้ เพราะโลก ดวงดาว อาณาจักรทั้งหลาย ความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติต่างๆ ทุกสิ่งเป็นของพระเป็นเจ้า และพระองค์แต่เพียงผู้เดียวที่สามารถมอบหรือไม่มอบให้แก่ผู้ใดตามแต่ทรงพอพระทัย ลูซีเฟอร์ไม่สามารถมอบสิ่งใดๆในโลกนี้ให้แก่ผู้ใดได้เลย เพราะฉะนั้นคำสัญญาของมันจึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง พระมหากษัตริย์และองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงตอบมันด้วยพระราชอำนาจว่า “ไปให้พ้น เจ้าซาตาน เพราะมีเขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระเป็นเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” ด้วยคำสั่งนี้ “ไปให้พ้น ซาตาน” พระคริสตเจ้าทรงขับไล่มันและไม่อนุญาตให้มันประจญล่อลวงพระองค์อีก ทรงโยนมันและพลพรรคของมันลงไปสู่ที่ลึกที่สุดของห้วงเหวนรก ณ.ที่นั้น พวกมันพบว่ามันได้ปราชัยและถูกบดขยี้ถูกฝังอยู่ในถ้ำที่ลึกที่สุด พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้เป็นเวลาถึงสามวัน เมื่อพวกมันได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง ก็พบว่ามันถูกพิชิตและถูกทำลายจนบอบช้ำ พวกมันเริ่มสงสัยว่าพระองค์เป็นใคร จึงสามารถทำเช่นนี้กับมันได้ พระองค์อาจเป็นพระบุตรของพระเจ้ากระมัง มันยังคงสงสัยและไม่แน่ใจ และไม่สามารถรู้ความจริงได้จนกระทั่งถึงเวลาที่องค์พระผู้ไถ่ทรงสิ้นพระชนม์ ลูซีเฟอร์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังและถูกไฟแห่งโทษะเผาท่วมท้นจิตใจของมัน
พระคริสตเจ้าทรงได้รับชัยชนะแล้ว พระองค์ทรงขับร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณพระบิดานิรันดรที่ทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรูของพระเจ้าและของมนุษย์ และเทพนิกรจำนวนมากมายต่างพากันขับร้องเพลงแห่งชัยชนะ เทพนิกรทั้งมวลพาพระองค์ออกจากทะเลทรายด้วยมือของพวกท่าน ถึงแม้พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะพระองค์สามารถใช้พระราชอำนาจของพระองค์เองได้ แต่การรับใช้ของเทพนิกรเหล่านี้เพื่อเป็นการชดเชยที่ลูซีเฟอร์บังอาจมาแบกหามพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์ในสภาวะมนุษย์ของพระคริสตเจ้าไปยังยอดพระวิหารและยอดภูเขา เป็นพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์และประเสริฐยิ่งนัก ไม่มีมนุษย์คนใดที่คาดคิดถึงเรื่องนี้ได้ นั่นคือการที่พระเยซูเจ้าทรงยอมให้ซาตานกระทำเช่นนั้น สิ่งเหล่านี้พวกเรารับรู้ได้จากพระคัมภีร์เท่านั้น
ให้เรากลับไปยังนาซาเร็ธ ในห้องส่วนพระองค์ของราชินีของเหล่าเทพนิกรสวรรค์ พระนางทรงเป็นพยานรู้เห็นถึงการสงครามขององค์พระบุตรของพระนาง พระนางได้เห็นทุกอย่างโดยอาศัยแสงสว่างสวรรค์ ดังที่ได้อธิบายมาแล้วและโดยการบอกเล่าของทูตสวรรค์ผู้นำสาส์นด้วย ท่านได้นำสาส์นและข่าวกลับไปกลับมาระหว่างองค์พระผู้ไถ่และองค์ราชินี พระนางสวดภาวนาด้วยคำภาวนาเดียวกันกับพระเยซูเจ้าและในเวลาเดียวกันด้วย พระนางทรงเข้าประจัญบานกับมังกรเช่นเดียวกัน ในทางฝ่ายจิตและมองไม่เห็นด้วยตา โดยการพินิจรำพึงของพระนางในทุกกิจการของพระคริสตเจ้า พระนางได้ทรงปราบและบดขยี้ลูซีเฟอร์และพลพรรคของมันเพื่อชาวเรามนุษย์ เมื่อพระนางทรงทราบว่าปีศาจแบกหามพระองค์จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง พระนางทรงร่ำไห้ด้วยความขมขื่น เพราะบาปแสดงความมุ่งร้ายที่จะลดทอนพระเกียรติขององค์กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายด้วยการกระทำอันเลวทรามเช่นนั้น พระนางทรงขับร้องเพลงภาวนาสรรเสริญเพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติและชัยชนะทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงมีเหนือปีศาจ พระนางสรรเสริญสภาวะมนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระคริสตเจ้า และเหล่าทูตสวรรค์ได้นำคำสรรเสริญของพระนางมาขับร้องเป็นบทเพลงแสดงความชื่นชมยินดีต่อพระองค์ผู้ทรงได้รับชัยชนะเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ พระคริสตเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กลับไปหาพระนางพร้อมด้วยพระทัยชื่นชมยินดีและให้การปลอบประโลมใจเนื่องในชัยชนะของพระองค์เหนือลูซีเฟอร์
พระเยซูเจ้าทรงกลับไปยังแม่น้ำจอร์แดน ที่ซึ่งท่านยอห์น ผู้มาก่อนหน้าพระองค์ยังคงเทศน์สอนและทำพิธีล้างด้วยน้ำอยู่ โดยการปรากฏพระองค์ ณ.ที่แห่งนี้ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้ท่านยอห์น ป่าวประกาศด้วยความมั่นใจในเรื่องภารกิจและฐานะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์มาเพราะความรักของพระองค์เองที่จะพูดคุยกับท่านยอห์น เพราะในระหว่างการรับพิธีล้างนั้น ในหัวใจของผู้เตรียมทางได้เร่าร้อนดังไฟและบาดเจ็บด้วยความรักต่อองค์พระผู้ไถ่ซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจของทุกผู้คน ในหัวใจของท่านนั้นเร่าร้อนด้วยไฟความรักที่เผาไหม้ เมื่อผู้ทำพิธีล้างด้วยน้ำมองเห็นองค์พระผู้ไถ่เสด็จมาเป็นครั้งที่สอง ท่านได้กล่าวประโยคที่ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ “จงมองดูลูกแกะของพระเป็นเจ้า จงมองดูพระองค์ผู้ทรงยกบาปของโลก” ท่านยอห์นกล่าวคำนี้พร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังพระเยซูเจ้าเพื่อทำให้บรรดาคนที่อยู่ที่นั่นและรับศีลล้างจากท่านได้รับรู้ ท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า “ท่านผู้นี้แหละคือผู้ที่ข้าพเจ้าบอกกับท่านว่า พระองค์จะมาภายหลังข้าพเจ้า แต่พระองค์ทรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์เป็นที่รู้จักในอิสราแอล เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาทำพิธีล้างด้วยน้ำ”
ศิษย์สองคนแรกของพระคริสตเจ้าซึ่งอยู่กับท่านยอห์นในเวลานั้น ได้ยินคำยืนยันนี้และรู้สึกสนใจ ด้วยแสงสว่างแห่งพระหรรษทานภายในจิตใจทำให้เขาทั้งสองติดตามพระองค์ไป พระเยซูเจ้าทรงหันกลับมาและผินพระพักตร์มองพวกเขาด้วยพระทัยเปี่ยมด้วยความเมตตา ทรงถามเขาว่า “พวกท่านกำลังแสวงหาอะไร” (ยน. 1, 38). พวกเขาตอบว่า พวกเขาอยากทราบว่าพระองค์พักอยู่ที่ไหน และพระเยซูเจ้าทรงชวนพวกเขาให้ตามพระองค์ไป พวกเขาอยู่กับพระองค์ตลอดวันนั้นดังที่นักบุญยอห์น อัครสาวกได้เขียนไว้ หนึ่งในพวกเขาคือนักบุญแอนดรูว์ ผู้เป็นน้องชายของนักบุญเปโตร แต่อีกคนหนึ่งไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นใคร แต่ดิฉันได้รับแสงสว่างให้รู้ว่าคือนักบุญยอห์น อัครสาวกเอง ท่านถ่อมตนจึงไม่ได้ระบุชื่อของท่าน ทั้งสองคน คือ ยอห์น และแอนดรูว์ เป็นศิษย์และอัครสาวกสององค์แรกที่ได้รับพิธีล้างและติดตามพระเยซูเจ้าโดยไม่ลังเล เมื่อพระองค์ทรงเรียกพวกเขา นักบุญแอนดรูว์รีบไปหาพี่ชาย “ซีมอน” และนำเขากลับมาด้วย โดยบอกว่า เขาได้พบพระแมสสิยาห์แล้ว และเรียกพระองค์เองว่า พระคริสต์ พระเยซูเจ้าทรงมองดูเปโตรและตรัสกับเขาว่า “ท่านคือซีมอนบุตรของโยนา ท่านจะได้ชื่อ ไคฟาส ซึ่งแปลว่า เปโตร” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตแคว้นยูเดีย และในวันต่อมาพระเยซูเจ้าเสด็จไปที่แคว้นกาลิลี ที่นั่นพระองค์ทรงพบกับฟิลิปและทรงเรียกให้เขาติดตามพระองค์ ทันทีฟิลิปไปหานาธานาแอลและนำเขามาหาพระเยซูเจ้า ฟิลิปบอกนาธานาแอลว่าเขาได้พบกับพระแมสสิยาห์แล้วคือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ นาธานาแอลทูลพระเยซูเจ้าตามที่บันทึกในบทแรกของพระคัมภีร์ฉบับนักบุญยอห์น และได้เป็นศิษย์คนที่ห้าที่ติดตามพระเยซูเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น