วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

พระเยซูเจ้าทรงถูกประจญ

     
               บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดา เกิดวันที่ 2 เม.ย.1502 ที่อเกรดา ประเทศสเปน เธอเป็นนักพรตในคณะฟรังซิสกัน เสียชีวิตวันที่ 24 พ.ค. 1665 เธอมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์โดยได้รับพระพรพิเศษอยู่สองแห่งในเวลาเดียวกัน เธอไปแพร่ธรรมแก่ชาวอินเดียนแดงในอเมริกา ทั้งๆที่เธอยังอยู่ที่อารามในสเปน
                หนังสือที่เธอเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ City of God ได้เขียนถึงประวัติของพระนางพรหมจารีย์ พระมารดาของพระเจ้า และแม่พระเองทรงเป็นผู้ทรงบอกเล่าให้เธอเขียนโดยตรง หลังจากเธอเสียชีวิตแล้ว ร่างของเธอไม่เน่าเปื่อย แม้ว่าเวลาผ่านไปนานถึง 339 ปี.     ต่อไปนี้เป็นข้อเขียนในหนังสือ "City of God"
Book 5, Chapter6
พระเยซูเจ้าทรงรับศีลจากท่านยอห์นและกิจการของพระมารดาในช่วงเวลานี้
             องค์พระผู้ไถ่ของเราทรงละจากพระมารดาสุดที่รักของพระองค์ซึ่งประทับอยู่ในบ้านอันยากจนที่นาซาเร็ธ  โดยไม่มีใครติดตามพระองค์ไปด้วย  พระองค์เสด็จจากไปเพื่อทำภารกิจแห่งพระเมตตาและความรัก  สู่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน บริเวณที่เรียกว่า เบธานี ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า  เบธาราบา  อันอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก  ที่ซึ่งผู้มาก่อนหน้าพระองค์กำลังเทศน์สอนและทำพิธีล้างให้แก่ประชาชน  ขณะที่ทรงดำเนินออกจากบ้านแห่งนาซาเร็ธ  องค์พระผู้ไถ่ทรงยกพระเนตรขึ้นสู่เบื้องบนยกจิตใจขึ้นหาพระบิดานิรันดร  ทรงยกถวายดวงพระทัยของพระองค์อันเต็มเปี่ยมด้วยความรักนิรันดร  และถวายกิจการแห่งการไถ่กู้มนุษยชาติซึ่งกำลังจะเริ่มต้นนี้แด่พระบิดา   กิจการของพระองค์ประกอบด้วย  การยอมรับความยากลำบาก  พระมหาทรมาน  และความตายบนไม้กางเขน  อันทรงกระทำด้วยความนบนอบเชื่อฟังต่อน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าสวรรค์  พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกเศร้าพระทัยที่ต้องจากพระมารดาสุดที่รักของพระองค์  เป็นเวลาถึง 29 ปีที่พระองค์ทรงมีความยินดีที่ได้อยู่กับพระนาง  เวลานี้พระเป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงดำเนินไปแต่เพียงลำพัง  ปราศจากข้าราชบริพารติดตาม   พระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นพระเจ้าสูงสุด (Apoc. 19, 16) ไม่ได้เป็นที่รับรู้จากประชากรของพระองค์เลยสักนิดว่า  พระเจ้าของพวกเขา  ขณะนี้เป็นเพียงคนที่ยากจนที่สุด              
               ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปยังแม่น้ำจอร์แดน  ทรงทอดพระเนตรประชาชนที่ทรงพบเห็นระหว่างทางด้วยพระทัยเมตตาสงสาร  พระองค์ได้บรรเทาความยากลำบากของพวกเขาโดยประทานสิ่งจำเป็นต่อชีวิตทั้งฝ่ายร่างกายและจิตใจแก่พวกเขาด้วย  แต่พระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้อย่างลับๆ  เพราะพระองค์ไม่ปรารถนาจะแสดงอัศจรรย์ใดๆก่อนการรับศีลล้างและการประกาศพระวาจา  เมื่อใกล้ถึงแม่น้ำจอร์แดนก่อนที่จะทรงปรากฏพระองค์  พระองค์ทรงประทานพระหรรษทานความชื่นชมยินดีใหม่แก่ท่านยอห์น บัปติสตา พระหรรษทานซึ่งได้เปลี่ยนแปลงจิตใจของท่าน  และยกจิตใจของท่านขึ้น  เป็นพระหรรษทานใหม่จนทำให้ท่านร้องขึ้นว่า “ช่างน่าอัศจรรย์อะไรเช่นนี้?  ในขณะที่อยู่ในครรภ์ของมารดา  ข้าพเจ้าเป็นสุขยิ่งนักเมื่อได้รับรู้ถึงการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า  เวลานี้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นสุขเช่นเดียวกับเวลานั้น  เป็นไปได้ที่พระองค์กำลังเสด็จมาในตอนนี้  องค์พระผู้ไถ่ของโลกกำลังเสด็จมาใกล้แล้วหรือ?”   นอกจากความชื่นชมยินดีอันเต็มเปี่ยมนี้  ท่านยอห์นยังได้เห็นนิมิต  ท่านได้รับความรู้อันกระจ่างแจ้งถึงรหัสธรรมของความเป็นหนึ่งเดียวขององค์พระวจนาตถ์กับมนุษยชาติและรหัสธรรมอื่นๆของการไถ่กู้  ด้วยความรู้อันกระจ่างแจ้งนี้ท่านได้กล่าวคำพยานซึ่งได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์โดยนักบุญยอห์น อัครสาวก  และบันทึกเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงจำศีลอดอาหารในทะเลทรายหลังจากรับศึลล้างด้วย  เมื่อท่านยอห์น  หันหน้าไปที่ริมฝั่งแม่น้ำท่านได้กล่าวว่า “จงมองดูลูกแกะของพระเจ้าเถิด”   (ยน. 1, 36). ถึงแม้ท่านยอห์นจะได้รับคำสั่งให้ทำการเทศน์สอนและทำพิธีล้าง  แต่ภารกิจนั้นยังคงเป็นเรื่องลึกลับสำหรับท่าน  เวลานี้ความลึกลับได้ถูกเปิดเผยกลายเป็นสิ่งใหม่และท่านเข้าใจทุกอย่างแจ่มชัดขึ้น  บัดนี้ท่านร้องประกาศว่าองค์พระผู้ไถ่ของโลกกำลังเสด็จมารับพิธีล้างจากท่าน
              พระเยซูเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ในกลุ่มของประชาชนและทรงเป็นคนสุดท้ายที่ขอให้ท่านยอห์นทำพิธีล้างให้  ท่านยอห์นรู้จักพระองค์และก้มลงแทบพระบาทของพระองค์พร้อมกับพูดว่า “ข้าพเจ้าต่างหากที่สมควรได้รับการล้าง  พระเจ้าข้า  โปรดทำพิธีล้างให้ข้าพเจ้าด้วย” ตามที่ได้ถูกบันทึกไว้โดยนักบุญมัทธิว  แต่องค์พระผู้ไถ่ตรัสว่า “จงให้เป็นไปตามนี้ก่อนเถิด  เพราะเรามาเพื่อทำให้ทุกสิ่งสมบูรณ์”



              เมื่อท่านยอห์นทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้าเสร็จสิ้น  ท้องฟ้าเปิดออกและพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ในรูปของนกพิราบและมีเสียงของพระบิดาตรัสว่า “นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา  เราพอใจท่านเป็นอย่างยิ่ง” (มธ.3, 17).  มีหลายคนที่ยืนอยู่ริมฝั่งได้เห็นเหตุการณ์และได้ยินเสียง  พวกเขาได้เห็นพระจิตเจ้าเสด็จมาอยู่เหนือองค์พระผู้ไถ่ด้วย  นี่เป็นเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิสูจน์จากสวรรค์ถึงองค์พระผู้ไถ่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์  พระบิดาทรงเผยแสดงให้เป็นที่รับรู้ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรของพระองค์  องค์พระคริสต์ทรงแสดงให้ประจักษ์ว่าพระองค์เป็นหนึ่งเดียวและเสมอเท่ากับพระบิดานิรันดร  พระบิดาทรงมีพระประสงค์ที่จะเป็นพระองค์แรกที่ประกาศถึงพระคริสตเจ้าและยืนยันถึงพระคุณความดีอันไม่สิ้นสุดของพระองค์  ยังมีความลึกล้ำอีกประการหนึ่งในพระสุรเสียงของพระบิดานิรันดร  นั่นคือพระสุรเสียงนี้มีขึ้นเพื่อยกย่องถวายเกียรติแด่องค์พระบุตรหลังจากที่ได้ทรงถ่อมองค์ยอมรับศีลล้างเหมือนเป็นคนบาปคนหนึ่ง  ทั้งๆที่พระองค์ไม่ทรงมีบาปและความผิดใดๆเลย (ฮบ.7, 26).
              ให้เราย้อนกลับมาดูอีกผู้หนึ่งที่เป็นหลักของเหตุการณ์ครั้งนี้  นั่นคือองค์ราชินีสวรรค์ของเรา  ทันทีที่พระบุตรของพระนางได้รับศีลล้าง  ถึงแม้พระนางจะรู้ถึงเหตุการณ์ทุกอย่างโดยอาศัยแสงสว่างจากเบื้องบน  ทูตสวรรค์ผู้คอยเฝ้าเฉพาะพระเป็นเจ้าได้นำความเข้าใจมาให้แก่พระนางถึงความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นที่แม่น้ำจอร์แดน  บรรดาทูตสวรรค์เหล่านี้คือโล่ห์หรือธงชัยแห่งพระมหาทรมานขององค์พระผู้ไถ่  (ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทแรก)  เพื่อเฉลิมฉลองการรับศีลล้างของพระคริสต์และการประกาศถึงองค์พระผู้ไถ่ต่อมนุษย์   พระมารดาทรงขับร้องเพลงบทใหม่สรรเสริญพระเป็นเจ้า  เป็นเพลงที่พระนางแต่งขึ้นเพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้าและสรรเสริญการเสด็จมาบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงถ่อมองค์ยิ่งนัก  พระนางทรงร่วมใจไปกับทุกกิจการของพระเยซูเจ้าในท่ามกลางประชาชนซึ่งอยู่ ณ.ที่นั้น  ทรงสวดภาวนาเพื่อที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากศีลศักดิ์สิทธิ์ของการล้างบาป  นอกจากขับร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณแล้ว  พระมารดายังทรงขอให้สวรรค์ช่วยพระนางในการเพิ่มพูนความศรัทธาของมนุษย์ต่อองค์พระบุตรที่ทรงถ่อมองค์รับศีลล้างจากมือของมนุษย์ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างมา
การจำศีลอดอาหารและถูกปีศาจประจญล่อลวง
 
              พระคริสตเจ้าทรงเสด็จละจากแม่น้ำจอร์แดนไปยังทะเลทรายทันทีภายหลังจากรับศีลล้างแล้ว  มีเพียงทูตสวรรค์ของพระองค์ที่ติดตามพระองค์ไป  เพื่อรับใช้และนมัสการพระองค์  ฑูตสวรรค์ร้องเพลงสรรเสริญกิจการที่พระองค์กำลังกระทำเพื่อไถ่กู้มนุษยชาติ  พระองค์มายังสถานที่ทรงเลือกไว้สำหรับการจำศีลอดอาหาร   อยู่ท่ามกลางชะง่อนผา  มีถ้ำซึ่งซ่อนเร้นอยู่  ทรงหยุดอยู่ที่นี่และจำศีลอดอาหารตลอดวัน (มธ.4, 1).  ด้วยความถ่อมองค์อย่างที่สุด  พระองค์ทรงหมอบกราบลงแทบพื้นดิน  ซึ่งเป็นท่าที่พระองค์และพระมารดาทรงกระทำอยู่เสมอเวลาสวดภาวนา  ทรงสรรเสริญองค์พระบิดานิรันดรและขอบพระคุณในพระเมตตาที่ทรงสนับสนุนค้ำจุนพระองค์ในเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยของการจำศีลอดอาหารครั้งนี้  พระองค์ขอบพระคุณแม้แต่ทะเลทรายที่ยอมให้พระองค์อยู่อาศัยและซ่อนกำบังพระองค์ไว้จากโลกภายนอก  พระองค์ทรงกางพระหัตถ์ออกเป็นรูปกางเขน  และสวดภาวนาต่อไป  ทรงกระทำเช่นนี้ในเวลาที่อยู่ในทะเลทรายด้วยการสวดภาวนาต่อพระบิดาเพื่อความรอดของมนุษย์
               เมื่อองค์พระผู้ไถ่เริ่มต้นจำศีลอดอาหาร  ทรงไม่รับประทานอาหารเป็นเวลาสี่สิบวัน  ทรงใช้การอดอาหารเป็นการพลีกรรมถวายแด่พระบิดานิรันดรเพื่อชดเชยต่อการไม่เชื่อฟังและบาปต่างๆซึ่งมนุษย์ได้กระทำ  จะเป็นด้วยความโง่เขลาหรือเพราะความชั่วร้ายแห่งความโลภ ตะกละตะกลามของเขา  ตามที่ดิฉันได้รับพระคุณความรู้ในเรื่องนี้  พระเยซูเจ้าทรงเอาชนะความจำเป็นทางร่างกายนี้เพื่อปราบปรามความชั่วแห่งความโลภตะกละตะกลามเหล่านั้นและความชั่วอื่นๆด้วย  เป็นการชดเชยต่อพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าที่ต้องรับทนความชั่วร้ายต่างๆของมนุษย์    องค์พระผู้ไถ่ของเรา เพื่อที่จะทรงเป็นผู้เทศน์สอน  เป็นอาจารย์  เป็นองค์กลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและเป็นพระผู้ไถ่ของมนุษย์   พระองค์จึงทรงปราบปรามและพิชิตความอ่อนแอฝ่ายร่างกายและความเอนเอียงทางบาปตามประสามนุษย์จนหมดสิ้น  พระองค์พอพระทัยที่จะพิชิตมันโดยประกอบคุณธรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านั้น  อย่างเช่นที่ทรงอดอาหารเพื่อพิชิตความตะกละตะกลาม  และพระองค์ยังคงกระทำต่อไปตลอดชีวิตของพระองค์ด้วยพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก  ระหว่างการจำศีลอดอาหารครั้งนี้พระองค์ทรงใช้ความเพียรพยายามทั้งหมดของพระองค์เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
               องค์พระบิดาทรงทอดพระเนตรการจำศีลอดอาหารของพระบุตรของพระองค์เพื่อชดเชยต่ออาชญากรรมทั้งปวงของมนุษย์โดยการรับโทษอันหนักหนาสาหัสที่สุดแทนพวกเขา  พระบิดาทรงรับการถวายทั้งสิ้นของพระบุตรเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากหายนะ  พระบิดาและพระบุตรทรงปรารถนาที่จะชดเชยหนี้บาปของมนุษยชาติ  เพื่อชดเชยความหยิ่งจองหองของพวกเราพระองค์ทรงถวายความนบนอบถ่อมตนจนถึงที่สุด  เพื่อชดเชยความละโมบโลภมากของพวกเรา  พระองค์ทรงถวายความยากจนและการสูญเสียทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ในสวรรค์และแผ่นดิน  เพื่อชดเชยราคะตัณหาของพวกเราพระองค์ทรงถวายความสำรวมอันเคร่งครัดและการพลีกรรม  เพื่อชดเชยโทษะความโกรธเกลียดแก้แค้นของพวกเราพระองค์ทรงถวายความอ่อนโยนและความเมตตาความรักต่อศัตรู  เพื่อชดเชยความหละหลวมละเลยและความเกียจคร้านของพวกเรา  พระองค์ทรงถวายความเพียรจนถึงที่สุดของพระองค์  เพื่อชดเชยความหลอกลวงและความอิจฉาริษยาของพวกเรา  พระองค์ทรงถวายความซื่อสัตย์ซื่อตรงและความจริงความอ่อนหวานแห่งความรักของพระองค์  ด้วยท่าทีเช่นนี้พระองค์ทรงวิงวอนต่อพระยุติธรรมของพระเจ้าและวอนขออภัยโทษสำหรับการไม่เชื่อฟังของบรรดาบุตรนอกคอกทั้งหลาย  และพระองค์ไม่เพียงแต่ได้รับการให้อภัยสำหรับมนุษย์เท่านั้น  ยังทรงได้รับพระพรพระหรรษทานใหม่ๆสำหรับมนุษย์อีกด้วย  เพื่อที่มนุษย์จะสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นที่พอพระทัยและมีคุณค่าเบื้องเฉพาะพระพักตร์พระบิดาและต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองจนตลอดนิรันดร  พวกเราได้รับพระคุณต่างๆเหล่านี้โดยผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้นด้วยกิจการอันน่ามหัศจรรย์ยิ่งของพระองค์  พระองค์ทรงกระทำไม่เหมือนกับที่พวกเรากระทำ  พระองค์แสดงพระทัยรักอันเหลือล้นต่อพวกเราเช่นนี้  เพื่อที่ความอกตัญญูและจิตใจที่แข็งกระด้างของพวกเราจะได้รับการอภัย

              พระมารดาทรงทราบถึงสิ่งต่างๆที่องค์พระผู้ไถ่ทรงกระทำ  จึงไม่จำเป็นที่พระนางต้องได้รับนิมิตหรือการไขแสดงพิเศษใดๆอีก  พระนางทรงได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์  ซึ่งถูกส่งมาจากองค์พระบุตรนั่นเอง  เพราะพระองค์ทรงสั่งให้พวกท่านมาแจ้งแด่พระนาง  ด้วยวิธีนี้  พระองค์เองและพระมารดาจะได้ร่วมชื่นชมยินดีพร้อมกันในหัวใจโดยผ่านทางผู้นำสาส์นจากสวรรค์เหล่านี้  ทั้งสองพระองค์ได้ยินแต่ละฝ่ายพูด  แต่ทั้งสองพระองค์ทรงรับรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน  ทันทีที่พระมารดาทรงทราบว่าพระบุตรกำลังเดินทางไปยังทะเลทรายเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง  พระนางทรงปิดประตูบ้าน  เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านรู้ว่าพระนางอยู่ข้างในบ้าน  พวกเขาเข้าใจว่าพระนางเดินทางออกไปที่อื่นพร้อมกับพระบุตรของพระนาง  พระมารดาทรงเข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัวเป็นเวลาสี่สิบวันโดยได้จำศีลอดอาหารเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนาง  ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับความทุกข์ยากลำบากแบบเดียวกัน  ทรงสวดภาวนาและหมอบกราบแบบเดียวกัน  พระนางทรงกระทำตามแบบอย่างขององค์พระบุตรโดยไม่ยกเว้นสิ่งใดเลยและกระทำในเวลาเดียวกันด้วย  พระนางทราบสิ่งต่างๆจากทูตสวรรค์ที่คอยมาทูลพระนาง  ดังที่ดิฉันได้เล่าให้ฟังไปแล้ว  ไม่ว่าพระเยซูเจ้าจะประทับอยู่ใกล้หรือไม่  พระนางทรงล่วงรู้ทั้งภายในฝ่ายจิตใจและการเคลื่อนไหวขององค์พระบุตร  ทรงสัมผัสได้ถึงทุกอริยบทขององค์พระผู้ไถ่  และรับรู้จากคำบอกเล่าของเหล่าฑูตสวรรค์ด้วย


              
              ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงจำศีลอยู่ในทะเลทราย  พระองค์ทรงคุกเข่านมัสการพระเป็นเจ้าสามร้อยครั้งทุกวัน  พระมารดาได้ทรงกระทำเช่นเดียวกันภายในห้องส่วนพระองค์ของพระนาง  บางเวลาพระนางจะทรงขับร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับเหล่าฑูตสวรรค์  ตามที่ดิฉันได้เล่าไว้ในบทที่แล้ว  ในการทำตามแบบอย่างของพระคริสต์  องค์ราชินีสวรรค์ได้ร่วมงานกับพระองค์ในการสวดภาวนาและการวิงวอน  และทรงได้รับชัยชนะเช่นเดียวกันต่อความอ่อนแอและความเอนเอียงในบาป  พระนางทรงได้รับพระพรด้วยคุณธรรมความดีและความเพียรของพระนาง  ด้วยเหตุนี้  ในขณะที่พระคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่ของชาวเราทรงได้รับพระพรมากมายเหลือล้นสำหรับพวกเรามนุษย์ทั้งหลายเพื่อชดเชยหนี้บาปของเรา  องค์พระแม่มารีย์ในฐานะผู้ช่วยเหลือและพระมารดาของพวกเรา  ทรงได้รับพระหรรษทานความเมตตาให้สามารถเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือพวกเราและทรงกลายเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าพระผู้สูงสุดกับมนุษย์ผู้เป็นเพียงสิ่งสร้าง
              องค์พระผู้ไถ่ทรงปิดบังสติปัญญาของลูซิเฟอร์ทำให้มันเข้าใจผิด  คิดว่าพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา  ถึงแม้มันจะเห็นว่าพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และทรงความดี  พระองค์มีพระประสงค์ให้มันกล้าเข้ามาทดสอบพระองค์  เพราะเมื่อปีศาจเห็นผู้ที่ทำความดีมันจะเข้าโจมตีด้วยการประจญล่อลวงต่อเหยื่อของมันในทันที  ด้วยความหยิ่งผยอง  มันเริ่มทำสงครามที่โหดร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าที่มันเคยทำกับมนุษย์คนใด  ลูซิเฟอร์และบริวารของมันเฆี่ยนโบยตีตัวมันเองให้เกิดความเกรี้ยวโกรธต่ออานุภาพแห่งพระผู้สูงสุด ซึ่งมันรู้สึกสัมผัสได้ในองค์พระผู้ไถ่  พระคริสต์ทรงโต้ตอบด้วยพระปรีชาญาณและความดี  ในความยุติธรรมและชอบธรรมพระองค์ปกปิดความลับแห่งพระฤทธานุภาพนิรันดรของพระองค์  ทรงแสดงพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ที่ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์และได้รับชัยชนะต่อศัตรูตัวฉกาจนี้เท่านั้น  ในการเริ่มเข้าสู่สงครามในสภาวะมนุษย์นี้  พระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนาต่อพระบิดานิรันดรด้วยสิ้นสุดจิตใจ  เพื่อที่ความเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ของปีศาจจะไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้  พระองค์ทรงภาวนาว่า “ข้าแต่พระบิดาของลูก พระเจ้านิรันดร  ลูกกำลังเข้าสู่สงครามกับศัตรูเพื่อบดขยี้อำนาจของมัน  กดความหยิ่งผยองของมันให้จมลง  และสลายความมุ่งร้ายของมันต่อวิญญาณของผู้เป็นที่รักของลูก  เพื่อพระเกียรติของพระองค์และเพื่อประโยชน์ของวิญญาณ  ลูกพร้อมที่จะเข้าสู่การประจญล่อลวงของลูซีเฟอร์  ด้วยลูกปรารถนาจะบดขยี้หัวของมัน  เพื่อว่าในเวลาที่มนุษย์ถูกมันโจมตีด้วยการประจญล่อลวงโดยหาใช่ความผิดของพวกเขา  มนุษย์ผู้อ่อนแอจะได้พบว่าความหยิ่งผยองของมันถูกทำลายลงแล้ว  ลูกวอนขอต่อพระองค์  พระบิดา  โปรดระลึกถึงการสงครามครั้งนี้และชัยชนะของลูกเพื่อมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกศัตรูรบกวนด้วยเถิด  อาศัยความเข้มแข็งของลูกโปรดเพิ่มพูนความเข้มแข็งแก่พละกำลังที่อ่อนแอของพวกเขา  โปรดให้พวกเขาได้ลิ้มรสชัยชนะ  ทำให้พวกเขามีความกล้าหาญด้วยแบบอย่างของลูก  โปรดให้พวกเขาเรียนรู้จากลูกในการต้านทานและเอาชนะศัตรูของพวกเขาเทอญ
               ในระหว่างสงครามนี้  บรรดาทูตสวรรค์ที่เฝ้าพระคริสตเจ้าถูกซ่อนบังไว้จากสายตาของลูซีเฟอร์  เพื่อที่มันจะไม่ล่วงรู้และสงสัยในพระฤทธานุภาพขององค์พระผู้ไถ่  เทพนิกรในสวรรค์แซ่ซ้องสรรเสริญพระบิดาและพระจิตเจ้า  ผู้ทรงปิติยินดีในผลงานขององค์พระวจนาตถ์ที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์  องค์พระมารดาขณะอยู่ในห้องส่วนพระองค์  ทรงรับรู้ถึงสงครามครั้งนี้ด้วย  การประจญล่อลวงพระผู้ไถ่เริ่มต้นในวันที่ 35 ของการจำศีลอดอาหารในทะเลทราย  และเป็นวันสิ้นสุดของการจำศีลด้วยเช่นเดียวกัน  ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์  ลูซีเฟอร์จำแลงตัวในรูปแบบของมนุษย์และแสดงตัวต่อพระเยซูเจ้าเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อน  มันครอบคลุมตัวมันเองด้วยแสงสว่างเหมือนเทวดา  และเมื่อคาดคะเนว่าหลังจากการอดอาหารเป็นเวลานานแล้ว 
พระเยซูเจ้าต้องทนทรมานด้วยความหิวอย่างหนัก มันจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า  จงสั่งให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นขนมปังเถิด” 
(มธ. 4, 3).   ด้วยความเจ้าเล่ห์ของมัน  มันพูดให้พระองค์คิดว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า  แต่องค์พระผู้ไถ่ของโลกตอบแต่เพียงว่า “มนุษย์ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยอาหารแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเป็นเจ้า”(สภษ. 90, 11)
               เจ้าลูซีเฟอร์ถึงกับผงะถอยหลังเพราะคำตอบนี้และด้วยอำนาจที่ถูกซ่อนบังไว้ในคำพูดนี้  แต่มันต้องการแสดงว่าตัวมันไม่มีความอ่อนแอและมันไม่ยอมละเลิก  พระเยซูเจ้าทรงยอมให้มันประจญล่อลวงต่อไปและทรงยอมให้มันแบกหามพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็มและวางพระองค์ไว้บนยอดพระวิหาร  จากเบื้องบนนี้พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นฝูงชน  แต่ไม่มีใครมองเห็นพระองค์เลย  ลูซีเฟอร์พยายามกระตุ้นจิตใจของพระองค์ให้ปรารถนาที่จะกระโดดลงไปจากที่สูง  เพื่อที่ประชาชนข้างล่าง  เมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้รับบาดเจ็บ  จะยกย่องพระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่และเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ของพระเจ้า 
และด้วยพระวาจาที่ยกมาจากพระคัมภีร์อีกครั้งหนึ่ง  มันทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า  จงกระโดดลงไปข้างล่างเถิด  เพราะในพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
: "พระองค์จะทรงใช้เทวดามาประคองท่าน  ไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน” (มธ.4, 6).  เทพนิกรในสวรรค์ผู้เฝ้าติดตามองค์พระมหากษัตริย์ของพวกท่าน  เต็มไปด้วยความพิศวงที่เห็นพระองค์ยอมให้ลูซีเฟอร์แบกหามพระองค์ไว้ในมือของมัน  เพียงเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ผู้เป็นคนบาปเท่านั้น  มวลหมู่ปีศาจมากมายได้มารวมอยู่ที่นั้นพร้อมกับเจ้าชายแห่งความมืดของมัน  เพราะในเวลานั้นในนรกแทบจะว่างเปล่า  เพื่อมาช่วยในกิจการครั้งนี้  ผู้นิพนธ์หนังสือปรีชาญาณได้ให้คำตอบแก่มัน  “ยังมีเขียนด้วยว่า จงอย่าล่อลวงพระสวามีเจ้าพระเจ้าของเจ้าเลย” (Deut. 6, 16).  ในขณะที่ตอบเช่นนี้  องค์พระผู้ไถ่ของโลกได้ทรงแสดงพระอาการอันสงบสุภาพอันหาที่เปรียบมิได้  ทรงถ่อมตนอย่างที่สุด  และทรงแสดงพระองค์ว่าอยู่เหนือการประจญล่อลวงของซาตาน  ด้วยพระอาการเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ความหยิ่งผยองของลูซีเฟอร์และทำให้มันทุกข์ทรมานด้วยความสับสนว้าวุ่นอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน

               เมื่อถูกตอบโต้เช่นนี้  มันโจมตีพระเยซูเจ้าอีกครั้งด้วยวิธีอื่น  เพื่อกระตุ้นให้พระองค์เกิดความทะยานอยากโดยเสนอให้พระองค์มีส่วนร่วมในความยิ่งใหญ่ของมัน  ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวมันนำพระองค์ไปยังยอดภูเขาแห่งหนึ่ง  ซึ่งสามารถมองเห็นดินแดนได้หลายแห่ง  มันทูลพระองค์อย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ทุกสิ่งนี้เราจะมอบให้ท่าน  ถ้าหากท่านก้มลงกราบนมัสการเรา” (มธ. 4, 9).  ช่างกล้าเกินไปแล้ว  เป็นการเสียสติและทำเกินไปจริงๆ  ในการเสนอที่จะมอบสิ่งที่มันไม่ได้เป็นเจ้าของ  และไม่สามารถมอบให้ได้  เพราะโลก  ดวงดาว  อาณาจักรทั้งหลาย  ความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติต่างๆ  ทุกสิ่งเป็นของพระเป็นเจ้า  และพระองค์แต่เพียงผู้เดียวที่สามารถมอบหรือไม่มอบให้แก่ผู้ใดตามแต่ทรงพอพระทัย  ลูซีเฟอร์ไม่สามารถมอบสิ่งใดๆในโลกนี้ให้แก่ผู้ใดได้เลย  เพราะฉะนั้นคำสัญญาของมันจึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง  พระมหากษัตริย์และองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงตอบมันด้วยพระราชอำนาจว่า “ไปให้พ้น  เจ้าซาตาน  เพราะมีเขียนไว้ว่า   จงกราบนมัสการพระเป็นเจ้าของท่าน  และรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”   ด้วยคำสั่งนี้ “ไปให้พ้น  ซาตาน” พระคริสตเจ้าทรงขับไล่มันและไม่อนุญาตให้มันประจญล่อลวงพระองค์อีก  ทรงโยนมันและพลพรรคของมันลงไปสู่ที่ลึกที่สุดของห้วงเหวนรก  ณ.ที่นั้น พวกมันพบว่ามันได้ปราชัยและถูกบดขยี้ถูกฝังอยู่ในถ้ำที่ลึกที่สุด  พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้เป็นเวลาถึงสามวัน  เมื่อพวกมันได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง  ก็พบว่ามันถูกพิชิตและถูกทำลายจนบอบช้ำ  พวกมันเริ่มสงสัยว่าพระองค์เป็นใคร  จึงสามารถทำเช่นนี้กับมันได้  พระองค์อาจเป็นพระบุตรของพระเจ้ากระมัง  มันยังคงสงสัยและไม่แน่ใจ  และไม่สามารถรู้ความจริงได้จนกระทั่งถึงเวลาที่องค์พระผู้ไถ่ทรงสิ้นพระชนม์  ลูซีเฟอร์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังและถูกไฟแห่งโทษะเผาท่วมท้นจิตใจของมัน
               พระคริสตเจ้าทรงได้รับชัยชนะแล้ว พระองค์ทรงขับร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณพระบิดานิรันดรที่ทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรูของพระเจ้าและของมนุษย์  และเทพนิกรจำนวนมากมายต่างพากันขับร้องเพลงแห่งชัยชนะ  เทพนิกรทั้งมวลพาพระองค์ออกจากทะเลทรายด้วยมือของพวกท่าน  ถึงแม้พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเหลือ  เพราะพระองค์สามารถใช้พระราชอำนาจของพระองค์เองได้  แต่การรับใช้ของเทพนิกรเหล่านี้เพื่อเป็นการชดเชยที่ลูซีเฟอร์บังอาจมาแบกหามพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์ในสภาวะมนุษย์ของพระคริสตเจ้าไปยังยอดพระวิหารและยอดภูเขา  เป็นพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์และประเสริฐยิ่งนัก  ไม่มีมนุษย์คนใดที่คาดคิดถึงเรื่องนี้ได้  นั่นคือการที่พระเยซูเจ้าทรงยอมให้ซาตานกระทำเช่นนั้น  สิ่งเหล่านี้พวกเรารับรู้ได้จากพระคัมภีร์เท่านั้น
              ให้เรากลับไปยังนาซาเร็ธ  ในห้องส่วนพระองค์ของราชินีของเหล่าเทพนิกรสวรรค์  พระนางทรงเป็นพยานรู้เห็นถึงการสงครามขององค์พระบุตรของพระนาง  พระนางได้เห็นทุกอย่างโดยอาศัยแสงสว่างสวรรค์  ดังที่ได้อธิบายมาแล้วและโดยการบอกเล่าของทูตสวรรค์ผู้นำสาส์นด้วย  ท่านได้นำสาส์นและข่าวกลับไปกลับมาระหว่างองค์พระผู้ไถ่และองค์ราชินี  พระนางสวดภาวนาด้วยคำภาวนาเดียวกันกับพระเยซูเจ้าและในเวลาเดียวกันด้วย  พระนางทรงเข้าประจัญบานกับมังกรเช่นเดียวกัน  ในทางฝ่ายจิตและมองไม่เห็นด้วยตา  โดยการพินิจรำพึงของพระนางในทุกกิจการของพระคริสตเจ้า  พระนางได้ทรงปราบและบดขยี้ลูซีเฟอร์และพลพรรคของมันเพื่อชาวเรามนุษย์  เมื่อพระนางทรงทราบว่าปีศาจแบกหามพระองค์จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง  พระนางทรงร่ำไห้ด้วยความขมขื่น  เพราะบาปแสดงความมุ่งร้ายที่จะลดทอนพระเกียรติขององค์กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายด้วยการกระทำอันเลวทรามเช่นนั้น  พระนางทรงขับร้องเพลงภาวนาสรรเสริญเพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติและชัยชนะทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงมีเหนือปีศาจ  พระนางสรรเสริญสภาวะมนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระคริสตเจ้า  และเหล่าทูตสวรรค์ได้นำคำสรรเสริญของพระนางมาขับร้องเป็นบทเพลงแสดงความชื่นชมยินดีต่อพระองค์ผู้ทรงได้รับชัยชนะเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ  พระคริสตเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กลับไปหาพระนางพร้อมด้วยพระทัยชื่นชมยินดีและให้การปลอบประโลมใจเนื่องในชัยชนะของพระองค์เหนือลูซีเฟอร์
               พระเยซูเจ้าทรงกลับไปยังแม่น้ำจอร์แดน  ที่ซึ่งท่านยอห์น  ผู้มาก่อนหน้าพระองค์ยังคงเทศน์สอนและทำพิธีล้างด้วยน้ำอยู่  โดยการปรากฏพระองค์ ณ.ที่แห่งนี้  พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้ท่านยอห์น ป่าวประกาศด้วยความมั่นใจในเรื่องภารกิจและฐานะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์  ยิ่งไปกว่านั้น  พระองค์มาเพราะความรักของพระองค์เองที่จะพูดคุยกับท่านยอห์น  เพราะในระหว่างการรับพิธีล้างนั้น  ในหัวใจของผู้เตรียมทางได้เร่าร้อนดังไฟและบาดเจ็บด้วยความรักต่อองค์พระผู้ไถ่ซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจของทุกผู้คน  ในหัวใจของท่านนั้นเร่าร้อนด้วยไฟความรักที่เผาไหม้  เมื่อผู้ทำพิธีล้างด้วยน้ำมองเห็นองค์พระผู้ไถ่เสด็จมาเป็นครั้งที่สอง  ท่านได้กล่าวประโยคที่ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ “จงมองดูลูกแกะของพระเป็นเจ้า  จงมองดูพระองค์ผู้ทรงยกบาปของโลก”  ท่านยอห์นกล่าวคำนี้พร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังพระเยซูเจ้าเพื่อทำให้บรรดาคนที่อยู่ที่นั่นและรับศีลล้างจากท่านได้รับรู้  ท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า “ท่านผู้นี้แหละคือผู้ที่ข้าพเจ้าบอกกับท่านว่า  พระองค์จะมาภายหลังข้าพเจ้า  แต่พระองค์ทรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์  แต่เพื่อให้พระองค์เป็นที่รู้จักในอิสราแอล  เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาทำพิธีล้างด้วยน้ำ”
               ศิษย์สองคนแรกของพระคริสตเจ้าซึ่งอยู่กับท่านยอห์นในเวลานั้น  ได้ยินคำยืนยันนี้และรู้สึกสนใจ  ด้วยแสงสว่างแห่งพระหรรษทานภายในจิตใจทำให้เขาทั้งสองติดตามพระองค์ไป  พระเยซูเจ้าทรงหันกลับมาและผินพระพักตร์มองพวกเขาด้วยพระทัยเปี่ยมด้วยความเมตตา  ทรงถามเขาว่า  “พวกท่านกำลังแสวงหาอะไร” (ยน. 1, 38).  พวกเขาตอบว่า  พวกเขาอยากทราบว่าพระองค์พักอยู่ที่ไหน  และพระเยซูเจ้าทรงชวนพวกเขาให้ตามพระองค์ไป  พวกเขาอยู่กับพระองค์ตลอดวันนั้นดังที่นักบุญยอห์น  อัครสาวกได้เขียนไว้  หนึ่งในพวกเขาคือนักบุญแอนดรูว์  ผู้เป็นน้องชายของนักบุญเปโตร  แต่อีกคนหนึ่งไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นใคร  แต่ดิฉันได้รับแสงสว่างให้รู้ว่าคือนักบุญยอห์น อัครสาวกเอง  ท่านถ่อมตนจึงไม่ได้ระบุชื่อของท่าน  ทั้งสองคน คือ ยอห์น และแอนดรูว์  เป็นศิษย์และอัครสาวกสององค์แรกที่ได้รับพิธีล้างและติดตามพระเยซูเจ้าโดยไม่ลังเล  เมื่อพระองค์ทรงเรียกพวกเขา  นักบุญแอนดรูว์รีบไปหาพี่ชาย “ซีมอน” และนำเขากลับมาด้วย  โดยบอกว่า เขาได้พบพระแมสสิยาห์แล้ว  และเรียกพระองค์เองว่า พระคริสต์  พระเยซูเจ้าทรงมองดูเปโตรและตรัสกับเขาว่า “ท่านคือซีมอนบุตรของโยนา  ท่านจะได้ชื่อ ไคฟาส  ซึ่งแปลว่า เปโตร”  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตแคว้นยูเดีย  และในวันต่อมาพระเยซูเจ้าเสด็จไปที่แคว้นกาลิลี  ที่นั่นพระองค์ทรงพบกับฟิลิปและทรงเรียกให้เขาติดตามพระองค์  ทันทีฟิลิปไปหานาธานาแอลและนำเขามาหาพระเยซูเจ้า  ฟิลิปบอกนาธานาแอลว่าเขาได้พบกับพระแมสสิยาห์แล้วคือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ  นาธานาแอลทูลพระเยซูเจ้าตามที่บันทึกในบทแรกของพระคัมภีร์ฉบับนักบุญยอห์น  และได้เป็นศิษย์คนที่ห้าที่ติดตามพระเยซูเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น