วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เอ็ดวิจ คาร์โบนี่

เอ็ดวิจ คาร์โบนี Edvige Carboni (1880-1952) ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า
เป็นวิญญาณที่รับเคราะห์เพื่อการกลับใจของคอมมิวนิสต์
พระเยซูเจ้าได้เลือกให้เอ็ดวิจเป็นวิญญาณที่รับเคราะห์และเธอก็ยินดีน้อมรับเพื่อความรอดของผู้อื่น  พระเยซูเจ้าทรงขอให้เธอสวดภาวนาและทำการเสียสละมากมายเพราะมีวิญญาณจำนวนมากที่อยู่ในอันตรายที่จะสูญเสียไปชั่วนิรันดร  เอ็ดวิจได้เขียนในไดอารี่เมื่อ 25 พ.ค. 1941 “ขณะที่ฉันกำลังสวดภาวนาเบื้องหน้าศีลมหาสนิท  ฉันได้อยู่ในญาณและฉันเห็นพระเยซูเจ้าทรงอยู่บนกางเขน  พระโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลแต่ละรอย  พระโลหิตตกลงสู่พื้นดิน  ฉันเห็นทูตสวรรค์ถือจอกกาลิกษ์รองรับอยู่ที่รอยบาดแผล  จอกกาลิกษ์บรรจุพระโลหิตจนเต็มอย่างรวดเร็ว  แล้วพระโลหิตก็ไหลลงมาสู่พื้นดินอีก  พระเยซูเจ้าทรงกรรแสง  ฉันจึงพูดกับพระองค์ว่า “เหตุใดพระองค์จึงทรงกรรแสง?”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ลูกรัก  เราร้องไห้เพราะโลหิตของเราจำนวนมากที่เราได้หลั่งออกมาในระหว่างการทนทรมานได้สูญเสียไปโดยไม่เกิดประโยชน์”
ในอีกวาระหนึ่งเธอได้เขียนว่า “หลังจากรับศีลมหาสนิท ฉันเห็นไม้กางเขนสามอัน  พระเยซูเจ้าทรงอยู่ตรงกลาง  อีกสองอันว่างเปล่า  แล้วคุณพ่อบอสโกก็เข้ามาหาฉันและพูดว่า “ลูกเอ๋ย  พระเยซูเจ้าทรงให้ภารกิจแก่พ่อในการหาวิญญาณที่รับเคราะห์เพื่อชดเชยใช้โทษการเป็นปฏิปักษ์มากมายที่พระองค์ได้รับอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะในเรื่องแฟชั่นที่ไร้ยางอาย  และเพื่อให้เกิดสันติภาพในระหว่างประเทศต่างๆ  ลูกรัก, หลังจากที่พ่อค้นหาอยู่สักพักหนึ่ง  พ่อได้พบลูกกับกราเซีย  กางเขนสองอันนี้จะมีอันหนึ่งเป็นของลูกและอีกอันหนึ่งจะเป็นของกราเซีย”(ไดอารี่ 12 มิ.ย. 1941)
กราเซียเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเอ็ดวิจ  เธออายุ 33 ปีและได้ถวายตนเองแด่พระเยซูเจ้าและได้มอบตนเองเป็นวิญญาณที่รับเคราะห์เพื่อให้เกิดสันติภาพในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
พระเยซูเจ้าทรงขอให้เอ็ดวิจมอบตนเองเป็นวิญญาณที่รับเคราะห์เพื่อพวกคอมมิวนิสต์เป็นพิเศษด้วย เธอเขียนว่า “ฉันฝันเห็นแม่พระตรัสกับฉันว่า “ลูกสาวของแม่  จงสัญญากับแม่ว่าจะยอมรับความทุกข์ยากลำบากทุกอย่าง  การถูกปฏิเสธ  การถูกดูหมิ่น และความทุกข์ทรมานเพื่อการกลับใจของคอมมิวนิสต์”
วันหนึ่งซิสเตอร์ กาเบรียล่า  ซาเกห์ดู  ซิสเตอร์ในคณะแทรปปิสต์ผู้ได้มอบตนเองเป็นวิญญาณที่รับเคราะห์เพื่อการกลับคืนดีของแองกลิกันกับพระศาสนจักรคาทอลิก  เธอปรากฏต่อเอ็ดวิจและพูดว่า “จงมอบตนเองเป็นผู้รับเคราะห์เพื่อที่คอมมิวนิสต์จะได้กลับมาสู่พระศาสนจักรเถิด”
มิ.ย. 1941 เธอเขียนในไดอารี่ว่า “ขณะที่กำลังสวดภาวนา  ฉันได้เข้าสู่ภวังค์และ น. ยอห์น บอสโกได้ปรากฏมาและพูดว่า “ลูกสาวน้อยๆของพ่อ  จงระลึกว่าลูกได้มอบตนเองเป็นผู้รับเคราะห์สำหรับการปลดปล่อยชาวรัสเซียที่น่าสงสารจากระบอบบอลเชวิก ศัตรูผู้ดูหมิ่นพระเป็นเจ้า  จงสวดภาวนาเพื่อที่ไม้กางเขนจะเข้าสู่รัสเซียโดยเร็วเถิด”
การอยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน Bilocation
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เอ็ดวิจได้อยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกันบ่อยครั้ง เธอไปยังสนามรบและนำข่าวเกี่ยวกับทหารที่สูญหายหรือตายไปกลับมา  เธอได้เล่าให้คุณพ่อ คาร์ตาเกี่ยวกับความตายของ ลุยจี  เมโลนี  นายทหารหนุ่มซึ่งเชื่อว่าได้สูญหายไปในสงคราม  เธอยังช่วยให้ผู้ใกล้ตายได้กลับใจด้วย
ในจดหมายของเอ็ดวิจเขียนถึง คุณพ่อ อิกนาซีโอ  ปาร์เมกเกียนีเธอเล่าว่า “คุณพ่อค่ะ  พระเยซูเจ้าตรัสกับลูกเมื่อบ่ายวานนี้ว่า “ลูกสาวของเรา  จงสวดภาวนาสำหรับความรอดของคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน  พวกเขาเลวร้ายมาก  พวกเขาได้จับพระสังฆราช  ดังที่เราได้บอกแก่ลูกในวันก่อนนี้  คนหนึ่งในนั้นคือ มองซิเยอร์ กัทเบิรท  โอ การา  พระสังฆราชแห่งนานกิง”
พระเยซูเจ้าทรงให้ลูกเห็นสถานที่ที่พระสังฆราชอยู่  เป็นห้องมืด  ผู้คุมได้ทำร้ายทุบตีท่านแต่ท่านนิ่งเงียบเพ่งมองขึ้นสู่สวรรค์  ลูกกรีดร้องออกมาและบอกพวกเขาว่า “พวกคุณเลวร้ายมาก”
พวกเขาพยายามตีลูก  แต่ลูกอยู่เหนือพวกเขาขึ้นไป  พวกเขาจึงพูดว่า “เธอเป็นแม่มดของพระสันตะปาปา  เธอเป็นแม่มด”
ลูกพูดกับพวกเขาว่า “จำไว้ว่าวันหนึ่งพวกคุณจะถูกพิพากษาจากพระเยซูเจ้า  ถ้าพวกคุณไม่สำนึกผิดกลับใจ  พวกคุณจะไปนรก” แต่พวกเขายังคงร้องว่า “แม่มด  แม่มด”
คุณพ่อคะ  ช่วยสวดภาวนาเพื่อการกลับใจของบรรดาพี่น้องที่สูญเสียไปด้วยนะคะ”
             ------------------------------------
เอ็ดวิจยังได้ไปที่มอสโกและเธอได้ไปยังห้องของสตาลินซึ่งอยู่ในพระราชวังเครมลิน  เธอเห็นเขากำลังกำกำปั้นและพูดว่า “ข้าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งและน่ากลัวของพระเจ้า”
เอ็ดวิจเล่าว่าสตาลินจ้องมองมาอย่างน่าเกลียดน่ากลัวจนเธอไม่กล้ามองไปที่เขา  วิตาเลียเพื่อนของเอ็ดวิจเล่าว่า
วันหนึ่งฉันอยู่ที่บ้านของเอ็ดวิจและเปาลีนา  เราเห็นเอ็ดวิจกำลังสวดภาวนาและอยู่ในภวังค์และได้ยินเธอพูดว่า “คุณต้องกลับใจ  แต่ถ้าคุณยังต้องการเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้านิรันดรละก็  คุณก็จะ”  เมื่อเอ็ดวิจรู้สึกตัวจากการอยู่ในญาณแล้ว  น้องสาวของเธอถามเธอว่า  เธอพูดกับใคร เอ็ดวิจตอบว่า เธอได้เข้าไปในห้องของสตาลินในมอสโก...เธอเกลี้ยกล่อมให้เขากลับใจ 
แต่เขาตอบกลับมาว่า “ข้าจะไม่กลับใจ  ข้าจะเป็นศัตรูของพระเจ้าไปตลอดกาล”
                -----------------------------------------
สายประคำ
มี.ค. 1942 เธอเขียนว่า “แม่พระทรงปรากฏต่อฉัน  พระนางทรงกรรแสง  ฉันเข้าไปใกล้พระนางและพูดว่า “ทำไมพระแม่จึงทรงกรรแสง?” แม่พระตอบว่า
“แม่ร้องไห้เพราะแม่ไม่สามารถยับยั้งพระพิโรธขององค์พระบุตรของแม่ที่ทรงมีต่อมนุษยชาติ  ถ้ามนุษย์ไม่สำนึกผิดกลับใจ  สงครามจะไม่มีวันสิ้นสุดและเลือดจะหลั่งชโลมดิน  ลูกสาวของแม่  แฟชั่นที่ไร้ยางอายและการทุจริตไม่ซื่อสัตย์ทำให้พระเป็นเจ้าทรงพิโรธ  จงสวดภาวนาและทำพลีกรรมใช้โทษบาป  สวดสายประคำบ่อยๆ สิ่งนี้เป็นเพียงอาวุธชนิดเดียวที่ดึงดูดพระพรจากสวรรค์”
ม.ค. 1942 เธอเขียนว่า “หลังจากรับศีลมหาสนิท  ฉันได้อยู่ในญาณ  ฉันเห็นแม่พระทรงถือตระกร้าบรรจุสายประคำสีขาวและสีอื่นๆอยู่เต็มตระกร้า  พระนางทรงแจกสายประคำให้กับประชาชนที่สวดภาวนาอยู่ที่นั่น  มีน้ำหอมละลายไหลออกมาจากแต่ละเม็ดของสายประคำ มีสายประคำนับพันสายที่แม่พระทรงแจกให้พวกเขา  แล้วพระนางทรงผินพระพักตร์ไปยังพวกเขาและตรัสกับพวกเขาว่า
“ลูกชายและลูกสาวของแม่  ด้วยสายประคำนี้พวกลูกจะสามารถดับไฟที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก  นี่เป็นอาวุธที่ทรงพลังอำนาจ  มนุษย์ไม่สามารถหาอาวุธที่ทรงพลังมากเท่านี้ได้”  ตรัสแล้วพระนางก็หายไป
อีกวาระหนึ่งเธอเขียนว่า “หลังจากรับศีลมหาสนิท  ฉันเห็นทูตสวรรค์ที่ถือดอกกุหลาบและดอกไอริสที่สวยงามมาก  ท่านบอกฉันว่า “ถ้าเธอสวดสายประคำทุกวันด้วยความเชื่อและความตั้งใจ  เราจะทำให้มีดอกกุหลาบเกิดขึ้นจากบทวันทามารีย์  และดอกไอริสจากบทข้าแต่พระบิดา  แล้วเราจะนำมาร้อยเข้าด้วยกันเป็นมงกุฎอันสวยงาม  ซึ่งเราจะมอบให้แก่เธอในสวรรค์  เพราะเหตุนี้  ในเดือนพฤษภาคมนี้  จงสวดสายประคำบ่อยๆ”
เธอยังได้เห็นนิมิตหนึ่ง
“วันหนึ่งหลังจากรับศีลมหาสนิท  ฉันเห็นตัวเองอยู่ในทุ่งหญ้า  และบนพระบัลลังก์ ฉันเห็นพระนางมารีย์องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน  พระนางทรงสวมเสื้อคลุมที่ใหญ่มาก  บนที่ราบนั้นมีพายุลมและพายุไฟไหม้ลาม  ทันใดนั้น  น.ยอห์น  บอสโก ปรากฏมา  ท่านวิ่งผ่านเข้าไปในพายุและเรียกให้ชายหญิงซึ่งอยู่ที่นั่นให้หลบเข้าไปในเสื้อคลุมของแม่พระ  คนนับพันได้หลบเข้าไปในเสื้อคลุมของแม่พระ  แต่ยังมีคนอีกนับพันที่ไม่ต้องการหลบและหัวเราะเยาะคนที่หลบอยู่ในเสื้อคลุม  คุณพ่อบอสโกในท่ามกลางพายุนั้นได้ขึ้นไปยึนบนโต๊ะและเริ่มเทศน์ว่า “พวกคุณจะต้องตายเพราะความผิดของพวกคุณเอง  จงมาอยู่ภายใต้ความคุ้มครองและพระมารดาแห่งสวรรค์เถิด”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น