วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อัศจรรย์ไม้กางเขน (ตอนที่ 3)


 
ในปี 1919 เกิดอัศจรรย์แห่งไม้กางเขนขึ้นหลายครั้ง  พระรูปพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนได้กลับมีชีวิต  หมู่บ้านเล็กๆแห่งลิมปัสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Ason  ทางตอนเหนือสุดของสเปน ใกล้ๆกับ Bay of Biscay  ท่าน Rev. Thomas Echevarria คุณพ่ออธิการของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ซึ่งไม้กางเขนอัศจรรย์นี้ประดิษฐานอยู่  มีความประสงค์ที่จะปลุกใจประชาชนให้มีความศรัทธาต่อไม้กางเขนที่สวยงามและโบสถ์น้อยๆแห่งนี้  ท่านได้ขอให้อาราม Capuchin ซึ่งอยู่ที่ Montehano  ส่งพระสงฆ์มาช่วย  และท่านก็ได้ คุณพ่อ Anselmo de Jalon และคุณพ่อ Agatangelo de San Miguel มาช่วยอภิบาลประชาชนที่นั่น

ในวันสุดท้ายที่พระสงฆ์สองท่านนี้มาช่วยในโบสถ์  คือวันอาทิตย์ 30 มี.ค.   ขณะที่คุณพ่อ D. Eduardo Miqueli  กำลังประกอบพิธีมิสซา  พระสงฆ์สองท่านมีหน้าที่ฟังสารภาพบาป  คุณพ่อ Agatangelo ได้รับมอบหมายให้เทศน์ในหัวข้อจากบทสุภาษิต 23:26 “ลูกเอ๋ย จงมอบหัวใจของลูกแก่เราเถิด”  ขณะที่คุณพ่อกำลังเทศน์อยู่  มีเด็กหญิงอายุประมาณ 12 ปี ได้เข้าไปสารภาพบาปกับคุณพ่อ Anselmo  และเด็กบอกกับคุณพ่อว่า  ดวงตาของพระรูปพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนได้ปิดลง  คุณพ่อเข้าใจว่าเด็กคิดไปเองจึงไม่สนใจ  แต่ก็มีเด็กอีกคนหนึ่งเข้ามาบอกท่านในทำนองเดียวกัน  คุณพ่อ Agatangelo  เทศน์จบแล้วและเดินไปที่ห้องสารภาพบาป  คุณพ่อ Anselmo ตรงมาหาและเล่าเรื่องที่เด็กทั้งสองพูดให้ฟัง  คุณพ่อทั้งสองจึงมองไปที่ไม้กางเขน  แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ  ในเวลานั้นก็มีชายคนหนึ่งที่อยู่บริเวณที่นั่งได้ร้องตะโกนให้ทุกคนมองไปที่ไม้กางเขน  วินาทีนั้นประชาชนในโบสถ์ก็เกิดความตื่นเต้น  บางคนเริ่มร้องไห้  บางคนร้องว่าเขาเห็นอัศจรรย์  คนอื่นๆคุกเข่าลงสวดภาวนา บางคนร้องขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า

คุณพ่ออธิการถูกตามตัวจากห้องซาคริสตีและมีผู้บอกท่านเกี่ยวกับดวงตาของพระเยซูเจ้าเปิดและปิด  พระพักตร์หันไปมา  คุณพ่ออธิการเองถึงกับคุกเข่าลงสวดภาวนาด้วยเช่นเดียวกัน  แล้วประชาชนหลายคนร้องขึ้นมาว่าพระรูปกำลังมีเหงื่อไหล  คุณพ่อ Anselmo  ถูกขอร้องให้ปีนขึ้นไปตรวจสอบดู  เขาได้นำบันไดมาแล้วคุณพ่อก็ปีนขึ้นไป  ท่านมองเห็นว่ามีเหงื่อไหลบริเวณคอและทรวงอกของพระรูป  ท่านได้ใช้นิ้วแตะที่คอ  นิ้วของท่านก็เปียกด้วยเหงื่อ  ท่านจึงชูนิ้วให้ประชาชนดู  ทำให้ประชาชนตื่นเต้นเป็นอันมาก

ถึงแม้ประชาชนจะพากันเล่าเรื่องที่ดวงตาพระรูปเปิดและปิดให้พระสงฆ์ฟัง  แต่ไม่มีพระสงฆ์ท่านใดเลยที่ได้เห็นพระรูปทำเช่นนั้น  แต่ต่อมาคุณพ่อ Agatangelo ได้เห็นอัศจรรย์นี้หลายครั้งเมื่อท่านสวดภาวนาอยู่คนเดียวในโบสถ์ตอนกลางคืน  มีการส่งรายงานเรื่องนี้ไปยังพระสังฆราชแห่ง Santander ในวันที่ 2 เม.ย. 1919 และรายงานนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือเอกสารของสังฆมณฑลในเวลาต่อมา 

อัศจรรย์ในปี 1919 เกิดขึ้นอีกต่อหน้าประชาชนเป็นครั้งที่สองในวันอาทิตย์ใบลาน 13 เม.ย. 1919  ชายที่มีชื่อเสียงสองคนในลิมปัสได้ขึ้นไปที่พระแท่น  และพูดเกี่ยวกับภาพหลอนและอุปทานหมู่ของประชาชนเวลาที่พวกเขามองไปที่ไม้กางเขน  แต่ในทันใดนั้น หนึ่งในชายสองคนนี้ก็ชี้นิ้วไปที่เบื้องบนและคุกเข่าลงทันที  แล้วชายอีกคนหนึ่งก็คุกเข่าลงเช่นเดียวกันพลางร้องขอพระเมตตา  พร้อมทั้งประกาศว่าเขาเชื่อในอัศจรรย์แล้ว

อัศจรรย์ครั้งที่สามเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ปัสกา 20 เม.ย.  มีกลุ่มซิสเตอร์คณะ Daughters of the Cross นำนักเรียนหญิงของโรงเรียนในลิมปัสมาที่โบสถ์  พวกเขาได้เห็นทั้งดวงตาและริมฝีปากของพระรูปเคลื่อนไหว  ครั้งนี้มีเด็กนักเรียนบางคนได้เห็นอัศจรรย์ด้วย  ประชาชนที่กำลังสวดสายประคำก็ได้เห็นเช่นเดียวกัน  คุณพ่ออธิการได้รับรายงานเรื่องนี้ในทันที  และอัศจรรย์ได้เกิดขึ้นเกือบทุกวัน  ซึ่งทำให้โบสถ์เต็มไปด้วยประชาชนซึ่งมาจากที่ต่างๆที่ประสงค์จะได้เห็นอัศจรรย์

Reverend Baron Von Kleist ได้เขียนรายงานว่า “มีหลายคนพูดว่าพระเยซูเจ้าทรงมองมาที่เขาด้วยท่าทีที่อ่อนโยน  บางคนเห็นพระเยซูเจ้ามองที่เขาอย่างเคร่งขรึม  และบางคนพระเยซูเจ้ามองทะลุเข้าไปในจิตใจของพวกเขา  พระองค์ยังทรงชำเลืองมองคนจำนวนมากและพวกเขาเห็นน้ำตาในดวงตาของพระองค์  มีบางคนเห็นหยดพระโลหิตไหลออกมาจากพระเศียรที่สวมมงกุฏหนาม  บางคนเห็นฟองน้ำลายบนริมฝีปากและมีเหลื่อไหลบนร่างกายของพระองค์  บางคนเห็นพระเยซูเจ้าทรงหันมองไปทางซ้ายและทางขวา  และทรงเพ่งมองไปยังประชาชนทั้งหมด  และบางครั้งในช่วงเวลาอวยพรในพิธีมิสซา  พระเยซูเจ้าทรงเคลื่อนไหวสายตา ดูราวกับว่ากำลังทรงอำนวยพระพรแก่ประชาชน  ในเวลาเดียวกันพระองค์ก็ทรงหันพระเศียรไปมาด้วย  บางคนได้เห็นทรวงอกของพระเยซูเจ้ายกขึ้นขณะที่ทรงถอนหายใจลึกๆ  และบางคนเชื่อว่าเขาได้ยินเสียงพระองค์ทรงกระซิบสั้นๆ  ประชาชนมีประสบการณ์หลายรูปแบบแตกต่างกัน

เหตุอัศจรรย์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและถูกลงในหนังสือพิมพ์ La Gazeta del Norte เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 1919   นาย D. Adolfo Arenaza ได้เล่าว่า  เขาได้ร่วมในขบวนแห่ที่มายังลิมปัสเพื่อมาดูไม้กางเขน  ขณะที่เขามองผ่านแว่น เขาเห็นดวงตาของพระรูปเคลื่อนไหวสี่ครั้ง  มันไม่ใช่ภาพหลอนหรือเนื่องมาจากแสงสว่าง  เพราะประชาชนจากส่วนต่างๆของโบสถ์ได้เห็นอัศจรรย์นี้  เขากล่าวว่า “พระเยซูเจ้าทรงเคลื่อนไหวดวงตาจริงหรือ...ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงทำเช่นนั้นจริงๆ  เพราะผมเห็นด้วยตาของผมเอง”  จากการที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวเรื่องนี้และข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ  ทำให้มีการแสวงบุญจากเมืองต่างๆทั้งใกล้และไกลเดินทางมายังลิมปัส  แม้แต่ชาวอเมริกันที่ได้ยินเรื่องนี้ก็มาแสวงบุญด้วย

ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่ได้มาดูด้วยความประหลาดใจได้รายงานว่า “ผมสามารถสังเกตเห็นว่าขากรรไกรมีการเคลื่อนไหวสองครั้ง  ดูเหมือนพระองค์กำลังทรงตรัสคำสองคำด้วยริมฝีปาก  ผมหลับตาและถามตัวเองว่า “พระองค์จะตรัสอะไรนะ?”  แล้วผมก็ได้ยินเสียงภายในใจอย่างชัดเจนว่า “รักเรา”

กลุ่มแสวงบุญกลุ่มแรกที่มาจากอเมริกานั้น นำโดยพระสังฆราชแห่ง Toledo, ท่าน Joseph Schrembs,มาจากอเมริกาในกลางเดือน พ.ย. 1919  มีรถไฟที่นำผู้แสวงบุญมาที่ลิมปัส 66 เที่ยว  แต่ในปี 1921 จำนวนผู้แสวงบุญเพิ่มขึ้นมากจนกล่าวกันว่ามากกว่าจำนวนคนที่ไปที่ลูรดส์เสียอีก  มีเจ้าชาย, บารอน, นักการเมืองและผู้มีชื่อเสียงหลายคนได้มาที่ลิมปัส  แม้แต่พระสังฆราช  พระคาร์ดินัล  พระอัครสังฆราชจากเม็กซิโก  เปรู  มานิลา  คิวบา และประเทศอื่นๆ  หนังสือรายงานที่รวบรวมการเป็นพยานของผู้เห็นอัศจรรย์ระบุว่า  มีประชาชน 8,000 คนที่ยืนยันว่าได้เห็นอัศจรรย์ของไม้กางเขนนี้  ในจำนวนนี้  2,500 คนทำการสาบานด้วย  ผู้เห็นมีทั้ง พระสงฆ์  นักบวช  แพทย์  นักกฎหมาย  ศาสตราจารย์และอธิการบดีมหาวิทยาลัย  เจ้าหน้าที่รัฐบาล  พ่อค้า  คนงาน  ผู้ไม่มีความเชื่อและแม้แต่คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเป็นเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น