Adoro te devote, latens Deitas — “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์
ชาวเราขอกราบนมัสการพระองค์” —นี่เป็นข้อความแรกในบทสรรเสริญศีลมหาสนิทที่นักบุญโทมัส อไควนัส นิพนธ์ขึ้น พระเยซูเจ้าทรงสัญญาว่า
“เราจะอยู่กับพวกท่านทั้งหลายตราบจนสิ้นพิภพ” (มท. 18 :20)
แต่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเราโดยทรงซ่อนพระองค์ภายใต้แผ่นปังที่ถูกเสกแล้ว
เราได้เห็นความถ่อมพระองค์ของพระคริสตเจ้าในการทรงซ่อนพระองค์เช่นนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า ทรงให้พระเยซูเจ้าเป็นเหมือนเด็กทั่วไป
โดยการซ่อนพระองค์อยู่ในพระครรภ์ของพระมารดาเป็นเวลานานเก้าเดือน เมื่อพระองค์ทรงเจริญวัยที่นาซาเร็ธ และทำงานเป็นช่างไม้
พระองค์ก็ทรงซ่อนพระฤทธานุภาพของพระองค์ไว้จนกระทั่งเมื่อทรงมีอายุครบสามสิบปี
จึงได้แสดงพระองค์แก่ประชาชนในการเทศน์สอนและทำอัศจรรย์รักษาโรค “พระเยซูเจ้าทรงถ่อมพระองค์ ที่เบทเลเฮม
ในนาซาเร็ธ และบนเนินเขากาวารีโอ –แต่ในศ๊ลมหาสนิท พระเยซูเจ้าถ่อมพระองค์ลงมากที่สุด มากยิ่งกว่าในถ้ำเลี้ยงสัตว์ ที่นาซาเร็ธ
หรือบนเนินเขากาวารีโอ”
ในศีลมหาสนิทนั้น
เราไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏพระองค์อย่างแท้จริงได้เลย
เมื่อเรามองดูพระเยซูเจ้าปรากฏบนพระแท่นบูชาในระยะห่างเพียงไม่กี่หลา แล้วเราก็พูดกับพระองค์ว่า - ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงประทับอยู่โดยผ่านความเชื่อของข้าพเจ้า
– เป็นพระเยซูเจ้าองค์เดียวกับที่ทรงบังเกิดในเบทเลเฮม และทรงเจริญวัยในนาซาเร็ธ
เป็นพระเยซูเจ้าองค์เดียวกับที่คืนพระชนม์ชีพจากความตาย เสด็จสู่สวรรค์และเวลานี้ทรงประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา
น.ยอห์นได้บรรยายให้เห็นภาพที่น่าประทับใจ ภายหลังจากพระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนชีพ เมื่อ โทมัสปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของบรรดาอัครสาวก
แล้วพระเยซูเจ้าทรงมายืนอยู่เบื้องหน้าโทมัส และเพื่อทำให้ความเชื่อของโทมัสมั่นคง พระองค์ตรัสว่า “จงเอานิ้วของท่านมาที่นี่และสัมผัสมือของเรา เอามือของท่านมาสัมผัสแผลที่สีข้างของเรา อย่าดื้อดึงอีกแต่จงเชื่อเถิด”(ยน. 20:27) โทมัสตอบว่า
“พระเจ้าของข้าพเจ้า
พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า”
ท่านได้แสดงความเชื่อในการกลับคืนพระชนม์ชีพแล้ว พระเยซูเจ้าทรงตอบท่านว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรากระนั้นหรือ? เป็นบุญของผู้ไม่ได้เห็นเราแต่ได้เชื่อ” (ยน. 20:28-29)
พระเยซูเจ้าทรงใช้โอกาสนั้นเพื่อย้ำเตือนว่า ความเชื่อเป็นคุณธรรมที่ทำให้เรายอมรับความจริงอันลึกลับนี้
และการกระทำด้วยความเชื่อเป็นสิ่งที่นำพระพรมาให้
พระองค์ประสงค์ให้ความเชื่อของเราปรากฏเบื้องหน้าพระแท่นบูชา ในความคิดและวาจาของเรา
“จงมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ในศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ จงเต็มเปี่ยมด้วยความพิศวงเบื้องหน้าความจริงเที่ยงแท้นี้ พระเป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเรา เราสามารถรับพระองค์ได้ทุกวัน และถ้าเราต้องการ เราสามารถพูดคุยกับพระองค์ได้อย่างสนิทสนม เหมือนเราพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่ง เหมือนพูดคุยกับพี่น้องของเรา เหมือนพูดคุยกับพ่อของเรา และเหมือนพูดคุยกับคนรักของเรา”
เมื่อนักบุญเทเราซาแห่งอาวิลาได้ยินบางคนพูดว่า “พวกเขาปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับพระเยซูเจ้าที่ยังอยู่บนโลกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดพระองค์” นักบุญเทเราซาก็ยิ้มและนึกขำอยู่ในใจ เพราะเธอรู้ดีว่าในเวลานี้พระเยซูเจ้าอยู่กับพวกเขาแล้วในศีลมหาสนิท แล้วคนพวกนี้ยังจะต้องการอะไรอีก
และท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์
น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ ยังได้บอกกับเราว่า
เรามีโชควาสนามากยิ่งกว่าประชาชนที่มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับพระเยซูเจ้า ในเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้เสียอีก
เพราะบางครั้งพวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงเพื่อมาพบกับพระองค์
ในขณะที่พวกเราอยู่ใกล้พระองค์ผู้ทรงประทับอยู่บนพระแท่นในเวลาบูชามิสซา
“พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น
เหมือนทรงอยู่เบื้องหลังกำแพงและทรงทอดพระเนตรมาที่เราเหมือนทรงมองออกมาทางหน้าต่าง” (บทเพลง
2:9)
ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นพระองค์
แต่พระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรมาที่เราจากที่ที่พระองค์ประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิท เพื่อที่เราจะสามารถรับพระองค์ได้
พระองค์ทรงซ่อนพระองค์ไว้ก็เพื่อให้เราแสวงหาพระองค์จนกว่าเราจะได้ไปสู่สวรรค์บ้านแท้ของเรา พระเยซูเจ้าประสงค์ที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเรามาก
และยอมให้เราทำกับพระองค์ได้ทุกอย่างเพียงเพื่อที่พระองค์จะได้เป็นหนึ่งเดียวกับเรา”
-------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น