วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์


 
Adoro te devote, latens Deitas — “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์  ชาวเราขอกราบนมัสการพระองค์”นี่เป็นข้อความแรกในบทสรรเสริญศีลมหาสนิทที่นักบุญโทมัส  อไควนัส นิพนธ์ขึ้น  พระเยซูเจ้าทรงสัญญาว่า “เราจะอยู่กับพวกท่านทั้งหลายตราบจนสิ้นพิภพ” (มท. 18 :20) แต่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเราโดยทรงซ่อนพระองค์ภายใต้แผ่นปังที่ถูกเสกแล้ว

เราได้เห็นความถ่อมพระองค์ของพระคริสตเจ้าในการทรงซ่อนพระองค์เช่นนี้  นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า  ทรงให้พระเยซูเจ้าเป็นเหมือนเด็กทั่วไป โดยการซ่อนพระองค์อยู่ในพระครรภ์ของพระมารดาเป็นเวลานานเก้าเดือน  เมื่อพระองค์ทรงเจริญวัยที่นาซาเร็ธ  และทำงานเป็นช่างไม้  พระองค์ก็ทรงซ่อนพระฤทธานุภาพของพระองค์ไว้จนกระทั่งเมื่อทรงมีอายุครบสามสิบปี  จึงได้แสดงพระองค์แก่ประชาชนในการเทศน์สอนและทำอัศจรรย์รักษาโรค  “พระเยซูเจ้าทรงถ่อมพระองค์ ที่เบทเลเฮม ในนาซาเร็ธ  และบนเนินเขากาวารีโอ –แต่ในศ๊ลมหาสนิท  พระเยซูเจ้าถ่อมพระองค์ลงมากที่สุด  มากยิ่งกว่าในถ้ำเลี้ยงสัตว์  ที่นาซาเร็ธ  หรือบนเนินเขากาวารีโอ”

ในศีลมหาสนิทนั้น เราไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏพระองค์อย่างแท้จริงได้เลย  เมื่อเรามองดูพระเยซูเจ้าปรากฏบนพระแท่นบูชาในระยะห่างเพียงไม่กี่หลา  แล้วเราก็พูดกับพระองค์ว่า  - ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงประทับอยู่โดยผ่านความเชื่อของข้าพเจ้า – เป็นพระเยซูเจ้าองค์เดียวกับที่ทรงบังเกิดในเบทเลเฮม  และทรงเจริญวัยในนาซาเร็ธ  เป็นพระเยซูเจ้าองค์เดียวกับที่คืนพระชนม์ชีพจากความตาย  เสด็จสู่สวรรค์และเวลานี้ทรงประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา

น.ยอห์นได้บรรยายให้เห็นภาพที่น่าประทับใจ  ภายหลังจากพระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนชีพ  เมื่อ โทมัสปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของบรรดาอัครสาวก  แล้วพระเยซูเจ้าทรงมายืนอยู่เบื้องหน้าโทมัส  และเพื่อทำให้ความเชื่อของโทมัสมั่นคง  พระองค์ตรัสว่า “จงเอานิ้วของท่านมาที่นี่และสัมผัสมือของเรา  เอามือของท่านมาสัมผัสแผลที่สีข้างของเรา  อย่าดื้อดึงอีกแต่จงเชื่อเถิด”(ยน. 20:27)   โทมัสตอบว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า  พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า”  ท่านได้แสดงความเชื่อในการกลับคืนพระชนม์ชีพแล้ว  พระเยซูเจ้าทรงตอบท่านว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรากระนั้นหรือ?  เป็นบุญของผู้ไม่ได้เห็นเราแต่ได้เชื่อ” (ยน. 20:28-29)

พระเยซูเจ้าทรงใช้โอกาสนั้นเพื่อย้ำเตือนว่า ความเชื่อเป็นคุณธรรมที่ทำให้เรายอมรับความจริงอันลึกลับนี้  และการกระทำด้วยความเชื่อเป็นสิ่งที่นำพระพรมาให้  พระองค์ประสงค์ให้ความเชื่อของเราปรากฏเบื้องหน้าพระแท่นบูชา  ในความคิดและวาจาของเรา “จงมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ในศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์  จงเต็มเปี่ยมด้วยความพิศวงเบื้องหน้าความจริงเที่ยงแท้นี้  พระเป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเรา  เราสามารถรับพระองค์ได้ทุกวัน  และถ้าเราต้องการ  เราสามารถพูดคุยกับพระองค์ได้อย่างสนิทสนม  เหมือนเราพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่ง  เหมือนพูดคุยกับพี่น้องของเรา  เหมือนพูดคุยกับพ่อของเรา  และเหมือนพูดคุยกับคนรักของเรา”

เมื่อนักบุญเทเราซาแห่งอาวิลาได้ยินบางคนพูดว่า “พวกเขาปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับพระเยซูเจ้าที่ยังอยู่บนโลกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดพระองค์” นักบุญเทเราซาก็ยิ้มและนึกขำอยู่ในใจ เพราะเธอรู้ดีว่าในเวลานี้พระเยซูเจ้าอยู่กับพวกเขาแล้วในศีลมหาสนิท แล้วคนพวกนี้ยังจะต้องการอะไรอีก

และท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์ น.ยอห์น มารีย์  เวียนเนย์  ยังได้บอกกับเราว่า  เรามีโชควาสนามากยิ่งกว่าประชาชนที่มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับพระเยซูเจ้า  ในเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้เสียอีก  เพราะบางครั้งพวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงเพื่อมาพบกับพระองค์  ในขณะที่พวกเราอยู่ใกล้พระองค์ผู้ทรงประทับอยู่บนพระแท่นในเวลาบูชามิสซา “พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น  เหมือนทรงอยู่เบื้องหลังกำแพงและทรงทอดพระเนตรมาที่เราเหมือนทรงมองออกมาทางหน้าต่าง” (บทเพลง 2:9)  ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นพระองค์  แต่พระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรมาที่เราจากที่ที่พระองค์ประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิท  เพื่อที่เราจะสามารถรับพระองค์ได้  พระองค์ทรงซ่อนพระองค์ไว้ก็เพื่อให้เราแสวงหาพระองค์จนกว่าเราจะได้ไปสู่สวรรค์บ้านแท้ของเรา  พระเยซูเจ้าประสงค์ที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเรามาก  และยอมให้เราทำกับพระองค์ได้ทุกอย่างเพียงเพื่อที่พระองค์จะได้เป็นหนึ่งเดียวกับเรา”
 
-------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น