วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เสียงจากหัวใจ


ในคลินิกโรคหัวใจที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง  เลขานุการเดินเข้าไปในห้องตรวจโรคและแจ้งแก่แพทย์ว่า มีชายยากจนคนหนึ่งได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐให้มาที่นี่  และเขาต้องการคุยกับคุณหมอ

แพทย์บอกกับเลขานุการว่า  ไปบอกชายคนนั้นให้ทำการนัดหมายล่วงหน้าเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ

ชายสูงอายุนั่งรออยู่สองชั่วโมง  แพทย์จึงยอมพบกับชายสูงอายุและเขาอธิบายเหตุผมในการมา

“แพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐส่งผมมาหาคุณหมอเพราะมีแต่แพทย์ที่มีชื่อเสียงอย่างคุณหมอเท่านั้นที่สามารถแก้ปัญหาโรคหัวใจของผมได้  และเครื่องมือในคลินิกของคุณหมอก็มีอุปกรณ์เพียงพอในการผ่าตัดหัวใจ”

แพทย์มองดูชายสูงอายุด้วยความพินิจพิเคราะห์  และถามเขาว่าเขาทำประกันชีวิตไว้ที่ไหนซึ่งจะออกค่าผ่าตัดให้ได้

ชายสูงอายุตอบว่า “นั่นเป็นปัญหาครับ คุณหมอ  ผมไม่มีประกันสังคมและไม่มีเงินเลย  อย่างที่คุณหมอเห็นนี่แหละ  ผมยากจนมากและไม่มีครอบครัว...สิ่งที่ผมขอร้องอาจมากเกินไป  แต่ในบรรดาแพทย์ในโรงพยาบาล  ก็มีแต่คุณหมอที่จะช่วยเหลือผมได้...”

แพทย์ไม่รอให้ชายสูงอายุพูดจบ  เขาเป็นหมอที่โดดเด่นในบรรดาแพทย์ทั้งหลาย  เขาจึงบอกชายสูงอายุให้กลับไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐและเขียนจดหมายอธิบายไปด้วยว่า คลินิกของเขาเป็นคลินิกส่วนตัวและมีชื่อเสียง  เพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถทำตามคำขอได้  เขาได้ศึกษาและทำงานอย่างหนักเพื่อเปิดคลีนิคแห่งนี้และได้รับชื่อเสียงและเงินมากมาย

ชายสูงอายุกลับไปด้วยความเสียใจ  แพทย์ได้พบว่าชายสูงอายุได้ลืมแฟ้มที่มีสมุดโคลงกลอนเล่มหนึ่ง  และในนั้นมีบทกลอนประโยคหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ 

มันเขียนว่า “ร่างกายคือหัวใจที่พูดได้ดีที่สุด” The body is the heart speaks better  ลายเซ็นของผู้เขียนคือ Hermogenes Fauvert  ประโยคนี้ช่างเหมาะกับตัวเขาเสียจริง  แต่ที่ทำให้เขาสนใจมากกว่าคือชื่อของผู้แต่ง Hermogenes Fauvert

สมุดกลอนเล่มนั้นทำให้เขาระลึกถึงสมัยที่เขาเรียนอยู่ในโรงเรียนประถม  ครูได้อ่านนิทานสำหรับเด็กให้เขาฟัง  และเมื่ออยู่ในชั้นมัธยม ครูได้สอนเรื่องเกี่ยวกับบทกลอนที่สวยงามแก่เขา  และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารักเพื่อนหญิงคนหนึ่งในชั้นเรียน  ต่อมาเธอได้กลายมาเป็นแฟนของเขา...เขาลืมเรื่องราวที่ดีที่สุดในชีวิตวัยเด็กของเขาไปได้อย่างไรกัน

สัปดาห์ต่อมา  ในชั่วโมงสุดท้ายของวันทำงาน  เลขานุการเดินเข้ามาในห้องของเขาพร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย  เธอพูดกับแพทย์ว่า “คุณได้อ่านเรื่องนี้หรือยังคะคุณหมอ? วันนี้พบศพของ Hermogenes Fauvert เสียชีวิตขณะนั่งอยู่บนม้านั่งที่สวนสาธารณะ Plaza del Ayuntamiento  เขามีอายุ 88 ปี ฐานะยากจน”  แพทย์ถอนหายใจและพูดว่า “เขาไม่น่าตายเลย ขอพระเป็นเจ้าโปรดรับวิญญาณเขาไว้ด้วยเถิด”

เลขานุการพูดว่า “แต่คุณหมอจำไม่ได้หรือ” เธอยกหนังสือพิมพ์ขึ้นให้แพทย์ดูรูปภาพของผู้เสียชีวิต “นี่คือชายสูงอายุที่ยากจนซึ่งมาหาคุณหมอเมื่อสัปดาห์ก่อนยังไงละคะ  เขาเป็นนักประพันธ์ อยู่ตัวคนเดียว และเป็นชาวโบฮีเมียน  ไม่มีญาติพี่น้องเลย  และ...”

แพทย์รู้สึกประหลาดใจระคนกับสะเทือนใจ  เขาบอกเลขานุการว่า อยากอยู่ตามลำพัง  และเมื่อเลขานุการออกไปแล้ว  เขาก็เอามือปิดหน้าและร้องไห้

เข้าร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ  นั่งอยู่เงียบๆเป็นเวลานาน  หลังจากเช็ดน้ำตาแล้ว  เขาดึงรูปภาพของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในลิ้นชักออกมา  ยกขึ้นจูบแล้ววางไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม พลางพูดว่า “พระเยซูเจ้า  ผมเสียใจ  ผมไม่มีค่าพอสำหรับพระองค์  ไม่มีค่าพอที่พระองค์จะมองดูผม  สิ่งที่ผมมีคือหนี้ที่ต้องชดใช้  พระองค์ทรงส่งคนยากจนมาหาผมและพูดกับผมจากหัวใจของเขา  แต่ผมฟังด้วยหูที่เห็นแก่ตัว  ผมรู้สึกละอายใจยิ่งนัก  โปรดให้อภัยแก่ผมด้วยเถิด”

หลายปีต่อมา คลินิกของเขาก็เปลี่ยนชื่อเป็น 'Clinical Fauvert Hermogenes' และเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักว่า  เป็นสถานพยาบาลสำหรับคนไข้ที่ไม่มีประกันสุขภาพและเขาเองเป็นผู้ทำการรักษาและผ่าตัด

กี่ครั้งแล้วที่เราทำเช่นเดียวกัน  เราหลีกเลี่ยงไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่มาขอร้องเราด้วยคำพูดจากใจของพวกเขา เราทำเป็นไม่ได้ยิน  เราเห็นแก่ตัวไม่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องของเรา

            จงวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า  ขอให้เราไม่ละเลยเพื่อนพี่น้องที่ยากจน เหมือนดังเช่นแพทย์ผู้นี้ซึ่งรักษาหัวใจของคนมากมาย  แต่ไม่รู้จัก ฟังเสียงของเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น