วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตหลังความตาย

             น.ออกัสติน เป็นปิตาจารย์ของพระศาสนจักร คนแรกที่เป็นผู้พิจารณาไตร่ตรองเรื่องการปรากฏตัวของวิญญาณ  เรื่องราวนี้ปรากฏในประวัติของ น. ต่างๆ  ตำนาน  และการยืนยันจากผู้ที่เห็น  มันไม่ใช่ “เทววิทยาเกี่ยวกับวิญญาณ” แต่เป็นพัฒนาการความคิดมากกว่า ซึ่งแม้แต่ เทอทูเลียน (นักเทววิทยา) ก็พยายามพิจารณาไดร่ตรองเรื่องนี้เป็นเวลานาน
 


ภาพ น.ออกัสตินกับปีศาจ อยู่ใน Carlisle Cathedral

น. ออกัสตินปฏิเสธอย่างแข็งขันในความคิดที่ว่าผู้ตายกลับมาปรากฏตัวให้มนุษย์บนโลกได้เห็นในลักษณะที่เป็นสสาร  ซึ่งเป็นความคิดของผู้ที่กล่าวว่าเขาได้เห็นผู้ที่ตายไปแล้ว  น.ออกัสตินกล่าวในจดหมายที่ท่านเขียนถึง อิโวดิอุส ซึ่งเป็นสหายของท่าน (จดหมายของอิโวดิอุสฉบับที่ 158 และจดหมายของออกัสตินฉบับที่ 159) และยังได้เขียนถึงเปาลินุสแห่งโนลา  ที่เรียกว่า On the Care to Be Given to the Dead  การดูแลผู้ตาย.

อิโวดิอุส เป็นมิตรสหายและผู้ติดตาม น.ออกัสติน และได้เป็นพระสังฆราชแห่ง Uzalis  จดหมายของท่านถึง น.ออกัสตินได้พูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ  ในจดหมายที่ 158 อิโวดิอุส ได้พูดถึงเรื่องของวิญญาณผู้ตายได้มาปรากฏแก่บุคคลต่างๆทั้งในความฝันเวลานอนหลับและในเวลาที่ตื่นอยู่  และวิญญาณนั้นได้ทำนายการตายของบางคน  หรือเปิดเผยชะตากรรมของบางคนที่เสียชีวิตไปแล้ว  ดูเหมือนอิโวดิอุสจะยอมรับปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าเป็นจริง  ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง

อิโวดิอุสใช้เรื่องราวเหล่านี้เพื่อถามว่า วิญญาณ เมื่อออกจากร่างกายไปแล้ว  จะมีสังขารแบบอื่นซึ่งสามารทำให้เคลื่อนที่และมาปรากฏตัวแก่มนุษย์ในโลกได้ใช่ไหม?

ในจดหมายที่ 159 น.ออกัสตินได้ปฏิเสธอย่างแข็งขันในคำถามของอิโวดิอุส “ข้าพเจ้าไม่คิดว่าวิญญาณที่ละทิ้งร่างกายไปแล้วจะมีร่างกายที่เป็นสสารอีก”  ในเรื่องของคำถามนั้น น.ออกัสตินกล่าวว่าท่านไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดวิญญาณจึงสามารถมาปรากฏตัวและทำนายอนาคตแก่บุคคลบางคนได้  ท่านอ้างถึงหนังสือปฐมกาลเล่มที่ 12

น. ออกัสตินแห่งฮิปโป ยังได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณซึ่งท่านได้ยินมา

เจนนาดิอุส,พี่น้องของเรา...ได้เล่าเรื่องที่เขาเคยสงสัย...มีชีวิตหลังความตายหรือไม่....แต่พระเป็นเจ้ามิได้ทรงละทิ้งผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรและทรงมีพระทัยเมตตา  ในคืนหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สง่าผ่าเผยมาปรากฏตัวแก่ เจนนาดิอุสในเวลาที่เขานอนหลับ  ชายหนุ่มคนนั้นพูดกับเขาว่า “ตามข้าพเจ้ามา”  เจนนาดิอุสเดินตามเขาไปยังเมืองๆหนึ่ง  และเขาได้ยินเสียงเพลงดังมาจากด้านขวามือ  เป็นเสียงเพลงที่อ่อนหวานยิ่งนัก  เขาจึงถามชายหนุ่มว่า เสียงเพลงนั้นคือเพลงอะไร  ชายหนุ่มตอบว่านั่นเป็นเพลงขับร้องของบรรดาผู้ศักดิสิทธิ์และนักบุญทั้งหลาย  ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าเจนนาดิอุสได้เล่าถึงสิ่งที่เขาเห็นทางด้านซ้ายมือว่าอย่างไร  และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา  สิ่งเหล่านั้นก็หายไปหมด  เขาคิดว่านั่นเป็นเพียงความฝัน

แต่ต่อมาในอีกคืนหนึ่ง  ชายหนุ่มคนเดียวกันได้ปรากฏแก่เขาอีกและถามเขาว่า  จำเขาได้ไหม?  เจนนาดิอุสตอบว่า จำได้อย่างแน่นอน  แล้วชายหนุ่มก็ถามเขาว่า  เจนนาดิอุสรู้จักเขาที่ใด  เจนนาดิอุสตอบและยังอธิบายภาพนิมิตในความฝันและเสียงเพลงของบรรดานักบุญด้วย  เขาบรรยายได้อย่างถูกต้องราวกับว่าเพิ่งประสบมาไม่นานนัก

ชายหนุ่มถามเจนนาดิอุสต่อไปว่า เขากำลังนอนหลับหรือตื่นอยู่  ในเวลาที่เขาเห็นสิ่งที่ได้บรรยายไปนั้น  เจนนาดิอุสตอบว่า “มันเป็นสิ่งที่อยู่ในความฝัน”

ชายหนุ่มพูดว่า “ท่านจดจำได้ดีทีเดียว  นั่นเป็นความจริง  ท่านเห็นทุกสิ่งในความฝัน  แต่ท่านต้องรู้ว่า  แม้แต่ในขณะนี้ท่านก็เห็น  ถึงแม้กำลังนอนหลับอยู่”  เมื่อเจนนาดิอุสได้ยินเช่นนั้น  เขาก็เชื่อว่าทุกสิ่งเป็นความจริง

แล้วชายหนุ่มซึ่งกำลังสอนเขาอยู่นั้นก็พูดต่อไปว่า “ร่างกายของท่านอยู่ที่ใดในเวลานี้?”

             เขาตอบว่า “อยู่ในห้องนอนของข้าพเจ้า”

“แล้วท่านทราบไหมว่า”  ชายหนุ่มพูด “ในร่างกายที่ไร้ความสามารถใดๆนั้น  ดวงตาของท่านปิดอยู่และใช้การไม่ได้  ท่านไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ด้วยดวงตานั้น?”

เจนนาดิอุสตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบ”

ชายหนุ่มพูดต่อ “ถ้าเช่นนั้น ด้วยสายตาอะไรที่ทำให้ท่านมองเห็นข้าพเจ้า?”

เจนนาดิอุสเงียบในคำถามนี้  เขาตอบไม่ได้ และยังคงอยู่ในความสงสัย  ชายหนุ่มประสงค์จะให้เจนนาดิอุสรู้ว่า  เขาต้องการสอนอะไรโดยอาศัยคำถามเหล่านี้

ชายหนุ่มพูดต่อ “เนื่องจากสายตาแห่งเนื้อหนังใม่สามารถทำงานได้ในขณะที่ร่างกายของท่านกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง  แต่ท่านก็ยังคงมีสายตาที่มองเห็นข้าพเจ้าและสิ่งต่างๆ  ดังนั้น เมื่อท่านตายไปและสายตาของเนื้อหนังมองไม่เห็นอะไรแล้ว  จึงยังมีอีกชีวิตหนึ่งภายในท่านซึ่งทำให้ท่านมีชีวิตและรู้สึกถึงสิ่งต่างๆได้  จงพิจารณาในเรื่องนี้ให้ดีเพื่อที่ท่านจะไม่สงสัยในเรื่องชีวิตหลังความตายอีก”

ด้วยเหตุนี้เจนนาดิอุสจีงกล่าวว่าความสงสัยของเขาในเรื่องนี้ได้หมดไป  และผู้ที่สอนเขาคือพระญาณเอื้ออาทรและพระเมตตาของพระเป็นเจ้านั่นเอง

น.ออกัสตินสรุปโดยกล่าวว่า

ทุกๆวัน มนุษย์ตื่น  นอนหลับและครุ่นคิด  มีความสงสัยในเรื่องต่างๆ อาทิเช่น  รูปร่าง  คุณภาพ การเคลื่อนไหวของร่างกาย  สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงของสสารที่เป็นรูปธรรมหรือไม่  เขาจะหาคำตอบได้หรือ  ถ้าไม่สามารถทำได้  เขาจะพยายามครุ่นคิดในการหาคำจำกัดความเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นไปทำไม  ทั้งๆที่ในบางครั้งเขาก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้?   สำหรับข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายได้ว่า  ร่างกายที่ดูเหมือนจะเป็นสสาร  แต่หาได้มีร่างกายที่แท้จริงไม่ (วิญญาณ)...ได้ปรากฏขึ้นแก่บางคน  เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ  มันไม่ได้ปรากฏขึ้นในรูปของสสารร่างกาย  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงครุ่นคิดด้วยปรารถนาจะทราบว่า  เราจะรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร  ซึ่งบางครั้งเห็นได้ทางจิตวิญญาณและถูกคิดว่าเป็นการเห็นทางสสารร่างกาย  และเราจะแยกแยะได้อย่างไรว่า  ภาพนิมิตเกิดขึ้นจริงที่ก่อให้เกิดความศรัทธาหรือเป็นเพียงภาพมายาที่หลอกลวงและถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีและศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น