วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

นิทานเปรียบเทียบ : นกแก้ว


สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราหลงไปในโลกนี้ก็คือ  ความคิดที่ว่า เราจะมีความสุขถ้าเรามีวัตถุสิ่งของในโลกนี้มากๆ  ถ้าเรามีเงินมากขึ้นอีกสักหน่อย  หรือมีงานดีๆทำ  หรือมีไอแพดรุ่นล่าสุด  หรือ ถ้ามีภรรยาที่ดีและสวย  หรือมีเพื่อนบ้านที่ดี  และอื่นๆ....จะทำให้เราพึงพอใจและมีความสุข...แต่ในที่สุดมันก็ไม่เป็นไปตามนั้น...พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “ตาไม่เคยอิ่ม  หูไม่เคยพอใจ” (สุภาษิต 1:8) และ  “ผู้ที่รักเงินไม่เคยมีเงินเพียงพอ  ผู้ที่รักความมั่งคั่งไม่เคยพอใจกับสิ่งที่เขามี” (สุภาษิต 5:8)

มีนิทานเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าโลกนี้ล่อลวงให้เราหลงไปได้อย่างไร  โลกบอกเราว่า “ขอให้เรามีของอีกสักอย่างหนึ่งเถอะ”  แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เราไม่รู้จักพอ

ชายคนหนึ่งอยู่ตัวคนเดียว  เขาจึงคิดจะซื้อสัตว์เลี้ยงสักตัวมาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงา  เขาไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง  มองดูสัตว์ต่างๆและไปเห็นกรงนกอันหนึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า “นกแก้วพูดได้  รับประกันว่าพูดได้แน่นอน”  เขาคิดในใจ “นี่แหละที่จะแก้ปัญหาของเราได้แน่นอน  เพราะมันพูดกับเราได้”

เจ้าของร้านพูดว่า “นกนั่นราคา 250 เหรียญครับ”

ชายคนนั้นซื้อนกแก้วไป  แล้วหนึ่งสัปดาห์เขาก็กลับมาที่ร้านอีก  พูดกับเจ้าของร้านว่า

“นกแก้วไม่พูดกับผมเลย”

“มันไม่พูดเหรอครับ...”เจ้าของร้านถาม “มันไม่ได้ปีนขึ้นบันได้แล้วพูดหรือเปล่า?”

“บันไดหรือ?” ชายคนนั้นถามเจ้าของร้าน “คุณไม่ได้บอกผมเรื่องนี้เลย”

“โอ ขอโทษครับ....บันไดราคา 10 เหรียญครับ”  เจ้าของร้านตอบ

อีกสัปดาห์หนึ่งชายคนนั้นก็มาที่ร้านอีก “นกแก้วยังไม่พูดกับผมเลย”

“มันไม่พูดเหรอ...มันไม่ได้ปีนบันได  มองดูในกระจก  แล้วพูดหรือครับ?”

“กระจกหรือ?   คุณไม่ได้บอกผมเรื่องกระจกเลยนะ”  ชายคนนั้นพูด

“โอ ขอโทษครับ.....กระจกราคา 10 เหรียญครับ”  เจ้าของร้านตอบ

อีกสัปดาห์หนึ่งชายคนนั้นก็มาที่ร้านอีก “นกแก้วยังไม่พูดกับผมเลย”

“มันไม่พูดเหรอ...มันไม่ได้ปีนบันได  มองดูในกระจก  เอาปากสั่นกระดิ่ง แล้วพูดหรือครับ?”

“กระดิ่งหรือ?   คุณไม่ได้บอกผมเรื่องกระดิ่งเลยนะ”  ชายคนนั้นพูด

“โอ ขอโทษครับ.....กระดิ่งราคา 10 เหรียญครับ”  เจ้าของร้านตอบ

อีกสัปดาห์หนึ่งชายคนนั้นก็มาที่ร้านอีก “นกแก้วยังไม่พูดกับผมเลย”

“มันไม่พูดเหรอ...มันไม่ได้ปีนบันได  มองดูในกระจก  เอาปากสั่นกระดิ่ง  กระโดดเกาะชิงช้า แล้วพูดหรือครับ?”

“ชิงช้าหรือ?   คุณไม่ได้บอกผมเรื่องชิงช้าเลยนะ”  ชายคนนั้นพูด

“โอ ขอโทษครับ.....ชิงช้าราคา 10 เหรียญครับ”  เจ้าของร้านตอบ

อีกสัปดาห์ต่อมา  ชายคนนั้นมาที่ร้านเดิม  เจ้าของร้านถามเขาว่า “นกแก้วเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“มันตายแล้ว” ชายคนนั้นตอบ

“ตายแล้ว?” เจ้าของร้านพูดอย่างตกใจ  ... “แล้วมันพูดอะไรบ้างหรือเปล่าครับก่อนตาย?”

“ใช่ครับ  ในที่สุดมันก็พูด”  ชายคนนั้นตอบ

“แล้วมันพูดว่าอะไรครับ?”  เจ้าของร้านถาม

“มันพูดว่า  ที่ร้านไม่ได้ขายอาหารนกบ้างเลยหรือ?”  ชายผู้นั้นตอบด้วยใบหน้าเศร้า

บทเรียนที่ 1 : คำสัญญา – นิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้สอนเราด้วยอารมณ์ขันว่า โลกนี้มักให้สัญญากับเราเสมอ ซึ่งทำให้เรามีความต้องการและแสวงหาวัตถุสิ่งของต่อไปเรื่อยๆและมากยิ่งขึ้น  อย่างแรกก็คือ นก  ต่อมาคือบันได  กระดิ่ง  กระจก  และชิงช้า  เราต้องมีสิ่งต่างๆมากขึ้นจึงจะทำให้ผลสำเร็จบังเกิดขึ้นได้  นี่เป็นการโกหก...การโกหกมาในหลายรูปแบบ  เช่นมีสิ่งของสิ่งนี้สิ  ไปในที่นี้สิ  ซื้อสิ่งนี้สิจะได้แก้ปัญหาได้  หรือดื่มสุราสักหน่อย  อดอาหารลดความอ้วน  รถคันใหม่  บ้านใหญ่กว่าเดิม  ทำศัลยกรรมเพิ่มความงาม  และอื่นๆ  ทำให้เราคิดว่าต้องมีสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อจะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์

พระเยซูเจ้าตรัสกับสตรีที่บ่อน้ำของยากอบว่า  (น้ำในบ่อน้ำหมายถึงโลก)  “ทุกคนที่ดื่มน้ำจากบ่อนี้จะยังคงกระหายอีก”(ยน. 4:13)  นี่เป็นความจริงทีเดียว  มันไม่ช่วยแก้กระหายเราได้  เพราะความกระหายที่แท้จริงของเราคือพระเจ้าและสวรรค์เท่านั้น  แต่กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เรายังคงกลับไปหาโลกและฟังเรื่องโกหกเรื่องเดิม

แน่นอนว่าเราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งของของโลกนี้เพื่อช่วยเหลือเราในความจำเป็นขั้นพื้นฐานและเพื่อช่วยให้เราทำหน้าที่ของเราในโลกได้สมบูรณ์  แต่สิ่งของเหล่านั้นไม่ได้เป็นคำตอบสำหรับความต้องการลึกๆของเรา  การโกหกที่ยิ่งใหญ่ของโลกก็คือ  มันบอกว่ามันนี่แหละคือคำตอบของเรานั่นเอง  และเมื่อเราเชื่อ  ก็จะมีการโกหกที่ใหญ่กว่าตามมาอีก

บทเรียนที่ 2 : สิ่งจำเป็นมีสิ่งเดียว – ในการแสวงหา บันได  กระจก  กระดิ่ง และชิงช้า  สิ่งจำเป็นได้ถูกละเลยหรือลืมไป  นั่นก็คือ อาหารสำหรับนก  เมื่อเราแสวงหาสิ่งของของโลกซึ่งจะเสื่อมสลายไป  เราได้ละเลยหรือลืมสิ่งที่เป็นนิรันดรซึ่งเป็นสัจจะธรรม  เราอาจมีเวลาสำหรับดูทีวี  เล่นกีฬา  พูดคุยกัน  หรือ ช้อปปิ้ง.....แต่เราไม่มีเวลาสำหรับ  สวดภาวนา  อ่านพระคัมภีร์  ร่วมพิธีมิสซา  รับศีลมหาสนิท  และพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับพระเยซูเจ้า  สิ่งเหล่านี้ได้ถูกละเลยและหลงลืมไป  เมื่อเราจ้องมองแต่ในกระจก เราก็เห็นแต่ตัวเราเอง  กระดิ่งของโลกนี้ก็ส่งเสียงเรียกให้เราตามไปอย่างไม่มีสิ้นสุด  และเมื่อเราปีนขึ้นบันไดสู่ความสำเร็จ  เราก็ลืมที่พิจารณาจิตใจของตัวเองว่ากำลังอยู่ในสถานะอย่างไร

สิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยไม่มีความสำคัญเท่าไรนัก  แต่มันหันเหจิตใจของเราออกจากสิ่งที่จำเป็นซึ่งมีเพียงสิ่งเดียว  นั่นคือการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราด้วยพระเยซูเจ้า  พระองค์ตรัสว่า “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเรา  จะอยู่ในเรา  และเราจะอยู่ในเขา....ผู้ที่เลี้ยงชีวิตโดยเราจะมีชีวิตเพราะเรา...”(ยน. 6: 56-58)

แต่ อนิจจา  เราไม่มีเวลาสำหรับสิ่งเหล่านี้  การไปโบสถ์  สวดภาวนา  รับศีลมหาสนิท?  ไม่มีเวลา  เพราะเราได้ยินเสียงกระดิ่งเรียกให้ไปประชุมสังสรรค์  เราติดธุระมากมายเพื่อปีนบันไดแห่งความสำเร็จ  เราติดอยู่กับการมองตนเองในกระจกเพื่อให้สังคมยอมรับและนิยมชมชอบ....แต่.....

นกแก้วได้พูดอะไรก่อนตายบ้างไหม?

“ใช่แล้ว  ในที่สุดมันก็พูด”

“มันพูดว่าอะไรบ้างครับ?”

“มันพูดว่า  ที่ร้านไม่ได้ขายอาหารนกบ้างเลยหรือ?”
นิทานเปรียบเทียบเล็กๆเรื่องนี้ กล่าวถึงการโกหกของปีศาจและคำสัญญาหลอกลวงของโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น