วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

บทเทศน์ของ น ยอห์นมารีย์ เวียนเนย์


มีคริสตชนหลายคนที่ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ในโลกนี้ทำไม

“โอ ข้าแต่พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาอยู่ในโลกนี้ทำไม?”

“เพื่อช่วยวิญญาณลูกให้รอด”

“แล้วทำไมพระองค์ประสงค์ให้ข้าพระองค์ได้รอดเล่า?”

“เพราะเรารักลูก”

พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดีทรงสร้างเรามา และทรงส่งเรามาในโลกเพราะพระองค์ทรงรักเรา
เพื่อที่จะได้รับความรอด เราต้อง  รู้จัก   รัก  และ  รับใช้พระเป็นเจ้า
เราไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้เลยที่ต้องทำเพื่อโลกนี้
สิ่งที่เราทำเพื่อตัวเองเป็นการเสียเวลาเปล่า
เราต้องกระทำเพื่อพระเป็นเจ้าเท่านั้น
และพระองค์จะทรงนำการกระทำของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
เราต้องพูด  ในเวลาตื่นนอนว่า....
“ลูกปรารถนาจะทำทุกสิ่งในวันนี้เพื่อพระองค์  พระเจ้าข้า  ลูกจะยอมรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงส่งมาให้ลูก  เพราะสิ่งนั้นมาจากพระองค์”
“ลูกขอมอบตัวลูกแด่พระองค์  แต่ พระเจ้าข้า  ลูกไม่สามารถทำสิ่งใดได้โดยปราศจากพระองค์”
“ขอพระองค์โปรดช่วยลูกด้วย”
โอ  เราจะเศร้าโศกสักเพียงไรในเวลาที่เราใกล้ตาย
ถ้าเราปล่อยให้เวลาเสียไปกับความพอใจต่างๆ  ในการสนทนาอันเปล่าประโยชน์
ในการแสวงหาการพักผ่อน 
แทนที่จะใช้เพื่อควบคุมร่างกาย
ด้วยการสวดภาวนา
ในการทำกิจการที่ดี
ในการรำพึงไตร่ตรองความยากจนฝ่ายจิตของเรา
ในการร้องไห้สำหรับบาปต่างๆของเรา
แล้วเราจะเห็นว่า
เราไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อจะได้รับสวรรค์
 
โอ  ลูกที่รัก  ช่างน่าเศร้าใจสักเพียงไร
สามในสี่ของผู้ที่เป็นคริสตชน
ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
ทำงานเพียงเพื่อความพอใจและเลี้ยงดูร่างกาย  ซึ่งในไม่ช้าก็ต้องถูกฝังและเน่าเปื่อยไป
ขณะที่พวกเขาไม่คิดถึงวิญญาณที่น่าสงสารของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งจะต้องไปรับความสุขหรือความทุกข์ชั่วนิรันดร
พวกเขาไม่มีจิตสำนึกหรือเหตุผล
มันจะทำให้คนเราสั่นสะท้าน
ดูผู้ชายคนนั้นสิ  เขาทำงานหนักและไม่ยอมพักผ่อน
ส่งเสียงร้องอึกทึกในโลก  ต้องการปกครองทุกคน
คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
คิดว่าตนเองสามารถสั่งดวงอาทิตย์ได้ว่า
“ไปให้พ้นและให้ข้าส่องแสงในโลกนี้แทนเจ้า”
วันหนึ่งชายผู้นี้จะถูกทำให้ต่ำลงจนถึงพื้นดิน เป็นเพียงฝุ่นดินเล็กๆเท่ากำมือ
และถูกกวาดลงไปในแม่น้ำสู่แม่น้ำ จากแม่น้ำแซนสู่แม่น้ำแซน แล้วที่สุดก็ลงไปสู่ทะเล
มองดูเถิด ลูกๆที่รัก
พ่อเคยคิดเสมอว่า  เราก็เหมือนกองทรายเล็กๆกองนั้น ซึ่งกระแสลมพัดไปบนถนน
มันหมุนไปรอบๆอยู่ชั่วขณะ แล้วก็กระจายตัวหายไป
พวกเรามีพี่น้องชายหญิงที่เสียชีวิตไปแล้ว
และพวกเขาก็กลายเป็นฝุ่นดินเล็กๆเท่ากำมือ  เหมือนดังที่พ่อพูดถึงนั้น
คนของโลกพูดว่า เป็นการยากที่จะช่วยวิญญาณให้รอด
ใช่แล้ว ไม่มีอะไรง่ายในการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักร
และการหลีกเลี่ยงบาปต้นเจ็ดประการ
หรือลูกจะพูดแบบนี้ก็ได้
คือไม่ง่ายที่จะทำความดีและหลีกเลี่ยงความชั่ว
แต่นั่นคือสิ่งที่ลูกต้องทำ
คริสตชนที่ดีจะพยายามรักษาวิญญาณของตนให้รอด
การที่เขาได้รอดพ้นจะทำให้เขาเป็นคนที่มีความสุขและพอใจเสมอ
พวกเขาได้ลิ้มรสความสุขในสวรรค์ล่วงหน้าแล้ว
และพวกเขาจะมีความสุขชั่วนิรันดร
ในขณะที่คริสตชนที่เลว
ซึ่งสูญเสียวิญญาณของเขา  จะถูกทำให้ตกต่ำลง
พวกเขาบ่นพึมพำ  พวกเขาเศร้าหมอง พวกเขาได้รับความทรมานเหมือนก้อนหิน
และจะเป็นเช่นนั้นอยู่ชั่วนิรันดร
ดูความแตกต่างสิ
นี่เป็นกฎที่ดีที่พ่อขอแนะนำ
อย่าทำสิ่งใด  ยกเว้นแต่ทำในสิ่งที่เราทำได้เพื่อพระเป็นเจ้าองค์แห่งความดี
ในเวลานี้เรายังไม่มีอะไรเลยที่สามารถมอบแด่พระองค์
การหมิ่นประมาท  การใส่ความนินทา
ความอยุติธรรม  ความโกรธแค้น การกล่าวผรุสวาท
ความไม่บริสุทธิ์ การชมมหรสพ  การเต้นรำ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนของโลกนี้กระทำกัน
นักบุญฟรังซิส  เดอ  ซาล เคยพูดถึงการเต้นรำว่า
พวกเขาเป็นเหมือนดอกเห็ด  ซึ่งดูๆก็สวยดีแต่เหมาะที่จะโยนทิ้งเท่านั้น
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น