วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

An Exorcist Tells His Story 3/3


คุณพ่อกาเบรียล เอมอร์ท Fr Gabriele Amorth เป็นพระสงฆ์ผู้พิธีขับไล่ปีศาจแห่งกรุงโรม  ท่านเคยทำพิธีนับร้อยครั้งในหลายปีที่ผ่านมา  ท่านเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีชื่อ An Exorcist Tells His Story  และ An Exorcist: More Stories.  บทความข้างล่างนี้กล่าวถึง “อำนาจของซาตาน” โดยนำมาจากหนังสือ An Exorcist Tells His Story (pages 25-36)

 

             ปีศาจสามารถทำอะไรที่ทำความเดือดร้อนแก่สิ่งมีชีวิตบนโลก?  มีหนังสือไม่มากนักที่พูดถึงเรื่องนี้และคำศัพท์บางคำก็ยากที่จะอ่านเข้าใจ  พ่อจะพยายามใช้คำพูดที่ชัดเจนในหนังสือเล่มนี้

Ordinary activity (กิจกรรมธรรมดาทั่วไปของปีศาจ) คำนี้หมายถึง “การประจญล่อลวง”  ซึ่งเป็นกิจการทั่วไปของปีศาจและกระทำต่อมนุษย์ทุกคน  เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอนุญาตให้ซาตานประจญทดลองพระองค์  พระองค์ทรงยอมรับสภาพของความเป็นมนุษย์ของพวกเรา  พ่อจะไม่พูดถึงเรื่องนี้  เพราะจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ต้องการพูดถึง "extraordinary activity", “กิจกรรมพิเศษของปีศาจ” ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพระเป็นเจ้าทรงอนุญาตเท่านั้น

                 คำพูดที่สอง "extraordinary activity" สามารถอธิบายได้ถึงหกแบบ

1. External physical pain caused by Satan  ความเจ็บปวดภายนอกซึ่งซาตานทำให้เกิดขึ้น  เรารู้เรื่องนี้จากประวัตินักบุญ  เรารู้เรื่องของนักบุญเปาโลแห่งไม้กางเขน  นักบุญยอห์นมารีย์ เวียนเนย์  คุณพ่อปีโอ  และอีกหลายท่านซึ่งถูกเฆี่ยนตี  ถูกทรมานจากปีศาจ  รูปแบบความทรมานภายนอกนี้ไม่มีผลต่อวิญญาณ  เพราะฉะนั้นการกระทำของปีศาจชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พิธีขับไล่ปีศาจ  ใช้เพียงการสวดภาวนาก็พอ  ในที่นี้พ่อจะเพ่งเล็งเฉพาะกรณีที่จำเป็นต้องใช้พิธีขับไล่ปีศาจเท่านั้น

2. Demonic possession ปีศาจเข้าสิง  สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อซาตานเข้าครอบครองร่างกายอย่างสมบูรณ์ (ไม่ใช่ครอบครองวิญญาณ)  มันสามารถพูดและออกท่าทางโดยผู้ที่ถูกสิงไม่รู้ตัว  เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ควรถูกตำหนิในสิ่งที่ร่างกายของเขากระทำ  สิ่งนี้เป็นรูปแบบการสิงของปีศาจที่หนักหนาสาหัสที่สุด  และดึงดูดความสนใจของบรรดานักสร้างภาพยนตร์ทั้งหลาย  อย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง The Exorcist  ตามคำอธิบายของบทพิธีกรรมในการขับไล่ปีศาจ  จะมีเครื่องหมายบางอย่างที่เห็นได้ในการสิงแบบนี้  เช่น  การพูด  ความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ  การเปิดเผยบางเรื่องที่ไม่เคยรู้  ชายที่ถูกปีศาจสิงแห่งเกเรซา เป็นตัวอย่างที่ดีของการสิงแบบนี้  แต่การที่จะกำหนด “รูปแบบ” การสิงของปีศาจแบบนี้ให้เป็นการเฉพาะตายตัวไปเลยนั้น  เป็นสิ่งที่ผิดพลาดมาก  ผลลัพท์ของการสิงทำให้เกิดกิริยาอาการประหลาดและมีความรุนแรงมาก  แต่บางครั้งกลับตรงกันข้าม  ยกตัวอย่าง  พ่อเคยทำพิธีขับไล่ปีศาจที่ครอบครองร่างกายอย่างสิ้นเชิงของบุคคลสองคน  แต่ระหว่างประกอบพิธี,ทั้งสองคนไม่ได้ส่งเสียงร้องและอยู่นิ่งๆตลอดเวลา  พ่อสามารถยกตัวอย่างอื่นๆได้อีกมากมายและอาการอีกสารพัดรูปแบบ

3. Diabolical oppression  ภาวะถูกกระทำอย่างโหดร้ายจากปีศาจ  อาการจะมีรูปแบบหลากหลายตั้งแต่ร้ายแรงไปจนถึงเจ็บป่วยอ่อนๆ  ไม่มีลักษณะของการถูกสิง(ครอบครองร่างกาย), การสูญเสียจิตสำนึก, หรือการกระทำและพูดโดยไม่ตั้งใจ  ในพระคัมภีร์มีตัวอย่างของการถูกกระทำแบบนี้  หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ โยบ  เขาไม่ได้ถูกปีศาจเข้าสิง  แต่เขาต้องสูญเสียลูกทั้งหมด  เสียทรัพย์สมบัติ  และสุขภาพของเขา  สตรีหลังค่อมและชายที่หูหนวกเป็นใบ้ซึ่งพระเยซูเจ้าช่วยรักษาให้หายก็ไม่ได้ถูกปีศาจเข้าสิง  แต่ปีศาจปรากฏอยู่ในกรณีนี้และมันเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายของพวกเขา  น.เปาโลไม่ได้ถูกปีศาจเข้าสิงอย่างแน่นอน  แต่ท่านก็ถูกปีศาจทำร้ายด้วยการทรมานท่าน  ด้วยเหตุนี้ท่าน น.เปาโล จึงกล่าวว่า “และเพื่อช่วยให้ข้าพเจ้าไม่รู้สึกยินดีอย่างเหลวไหลในการได้รับการไขแสดงอย่างมากมาย  จึงมีหนามร้ายอย่างหนึ่งถูกประทานมาให้แก่เนื้อหนังของข้าพเจ้า  มันคือสมุนของซาตาน  เพื่อทรมานข้าพเจ้า” (2 คร. 12:7)  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปีศาจเป็นต้นเหตุของความทุกข์เหล่านั้น

ในขณะที่การถูกปีศาจเข้าสิงเป็นสิ่งที่พบได้ยากในทุกวันนี้  พวกเราที่เป็นนักปราบปีศาจได้ทำงานกับคนจำนวนมากที่ถูกปีศาจโจมตีสุขภาพ , การงาน หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น ของพวกเขา  เราต้องเข้าใจให้ดีเสียก่อนว่า  เพื่อที่จะรักษาบำบัดโรคภัยที่มีความเกี่ยวข้องกับปีศาจทำร้ายนั้น  ก็มีความยากลำบากเช่นเดียวกับการรักษาบำบัดคนที่ถูกปีศาจเข้าครอบครองร่างกายอย่างสมบูรณ์  ความหนักหนาสาหัสอาจแตกต่างกัน  แต่ความยากลำบากในการรักษาบำบัดและระยะเวลาในการรักษานั้นเท่าๆกัน

4. Diabolic obsession การถูกครอบงำทางความคิดโดยปีศาจ  อาการประกอบด้วย  การถูกโจมตีในทันทีทันใดในการเข้าครอบงำความคิด  บางครั้งก็เป็นความคิดที่ไม่มีเหตุผลและบ้าบอ  แต่ดูเป็นธรรมชาติจนเหยื่อไม่สามารถสลัดมันออกไปได้  เพราะฉะนั้นคนที่ถูปีศาจครอบงำความคิดของเขาจะกลายเป็นคนเฉื่อย  นอนนิ่งๆ  สิ้นหวัง  ซึมเศร้า และพยายามฆ่าตัวตาย  การครอบงำนี้มักส่งผลในความฝัน  บางคนจะพูดว่าอาการนี้เป็นหลักฐานของความเจ็บป่วยทางจิต  และต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อบำบัดทางจิต  รูปแบบอาการอันเกิดจากการกระทำของปีศาจแบบอื่นนั้นก็อาจทำให้คนคิดแบบนี้ได้เช่นกัน  อย่างไรก็ตามความป่วยไข้นั้นจะไม่มีอาการที่แน่นอนอย่างที่รู้จักกันและมันบ่งชี้อย่างแน่นอนถึงต้นเหตุที่มาจากปีศาจ  มีเพียงผู้เชี่ยวชาญและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วเท่านั้นที่สามารถระบุสาเหตุและความแตกต่างได้

5. Diabolic infestation  การถูกรบกวนจากปีศาจ  การรบกวนนี้อาจเกิดกับบ้านเรือน  สิ่งของ หรือสัตว์ต่างๆ  หนังสือนี้จะกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักเท่านั้น  พ่อขอบอกว่าพ่อไม่เคยใช้คำศัพท์นี้เมื่ออ้างอิงถึงบุคคล  พ่อจะบรรยายเสมอเกี่ยวกับเรื่องการถูกปีศาจสิง  การทำร้ายของปีศาจ และการครอบงำของปีศาจ

6. Diabolical subjugation, or dependence  การถูกปีศาจยึดกุมอิสรภาพทางจิตใจ  ผู้ที่ตกอยู่ในลักษณะเช่นนี้  เป็นเพราะเขายอมรับซาตานด้วยความสมัครใจของเขาเอง  รูปแบบทั่วไปสองแบบได้แก่  การกรีดเลือดสาบานว่าจะเชื่อฟังซาตาน  และการประกอบพิธีบูชาซาตาน

เราจะปกป้องตัวเองจากความชั่วร้ายดังกล่าวนี้ได้อย่างไร?  การประกอบพิธีกรรมขับไล่ปีศาจจะใช้กรณีที่ถูกปีศาจเข้าครอบครองร่างกายอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม  ดังที่พ่อได้กล่าวมาก่อนแล้วว่า  ในหลายกรณีพิธีกรรมในปัจจุบันนั้นไม่สามารถกำจัดปีศาจได้  ทั้งๆที่ผู้ทำพิธีได้ตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าเป็นอิทธิพลของปีศาจ  และในทุกกรณีที่ไม่ได้เกิดการเข้าสิงของปีศาจ  วิธีการทั่วไปก็สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอแล้ว วิธีการนั้นได้แก่  การสวดภาวนาเป็นประจำ  การไปสารภาพบาป การรับศีลศักดิ์สิทธิ์  การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์  การขอความคุ้มครองจากพระเยซูเจ้า  พระแม่มารีย์ นักบุญ และเทวดา  พ่อขอพูดสักเล็กน้อยในที่นี้เกี่ยวกับเทวดาทั้งหลาย  พ่อมีความยินดีมากที่จะจบบทนี้ซึ่งว่าด้วยเรื่องของปีศาจ ผู้เป็นศัตรูของพระคริสต์  โดยการพูดถึงเทวดาทั้งหลาย  พวกท่านเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา  พวกเราเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านมากมาย  และไม่ถูกต้องที่ไม่พูดถึงพวกท่านมากนักหรือบ่อยๆ  ดังที่พวกเราทำอยู่ในทุกวันนี้  เราแต่ละคนมีอารักขเทวดาคอยคุ้มครองอยู่  ท่านเป็นเพื่อนที่สัตย์ซื่อที่สุดของเราและท่านทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อปกป้องเราทั้งร่างกายและวิญญาณ  ในขณะที่พวกเราไม่เคยคิดถึงพวกท่านเลย  และเรายังทราบอีกว่า  แต่ละประเทศก็มีเทวดาคอยอารักขาเป็นพิเศษด้วย  นอกจากนั้น  บางทีในชุมชนทุกชุมชนและครอบครัวทุกครอบครัว  ก็อาจมีเทวดาพิเศษคอยอารักขาปกป้องอยู่  ถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจนักในเรื่องนี้  เรายังทราบว่า  เทวดานั้นมีมากมายเหลือคณานับ  และพวกท่านมีความปรารถนาที่จะปกป้องคุ้มครองพวกเราทุกคน  และความปรารถนาของท่านนั้นยิ่งใหญ่กว่าความปรารถนาของซาตานที่ต้องการทำลายพวกเรา

พระคัมภีร์ได้พูดถึงบ่อยๆเกี่ยวกับภารกิจที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้แก่เหล่าเทวดา  เรารู้ชื่อของอัครเทวดาผู้เป็นเจ้าชายของเทวดาทั้งหลาย  นั่นคือ นักบุญมีคาแอล  ฐานันดรซึ่งมีอยู่ในเหล่าเทวดาทั้งหลายนั้นมีพื้นฐานอยู่ที่ความรัก  เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้าทรงบอกให้เราทราบ  ดังเตเคยกล่าวว่า “ในน้ำใจของใครเล่า ที่เราจะได้พบสันติสุขของเรา”  เรายังได้รู้ชื่อของอัครเทวดาอีกสององค์ด้วย  คือ 

กาเบรียล และ ราฟาแอล  หนังสือพระคัมภีร์นอกสารบบยังได้ให้ชื่ออัครเทวดาองค์ที่สี่ คือ  ยูเรียล  พระคัมภีร์แบ่งฐานันดรของเทวดาเป็น 9 ฐานันดร  ได้แก่  คณะหัวหน้า  คณะอำนาจ  คณะบัลลังก์  คณะปกครอง  คณะคุณธรรม  เทวดา  อัครเทวดา  เครูบิม  และ เซราฟิม  บางคนเชื่อมั่นว่าบรรดาเทวดาทั้งหลายเหล่านี้ยังมี “มารดา” ด้วย  นั่นก็คือ  พระมารดาของพระเป็นเจ้า – พระแม่มารีย์  ผู้คอยช่วยเหลือพวกท่านอยู่เสมอ  เรารู้ว่าเราสามารถไว้ใจในความช่วยเหลือของบรรดาเทวดาและนักบุญได้  ดังนั้นเราจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยว,ถูกละทิ้ง หรือถูกปีศาจทำร้าย  ในชีวิตของเรา  หลายครั้งเรารู้สึกเจ็บปวด  แต่นั่นคือกางเขนของเราซึ่งจะช่วยให้เราได้รับความรอด  แต่ไม่มีที่ว่างสำหรับความโศกเศร้าในใจเรา  ผู้ที่มีความเชื่อพร้อมเสมอที่จะเป็นพยานของพระเป็นเจ้าให้แก่ผู้ที่ถามเราเกี่ยวกับความหวังของเราที่คอยค้ำชูเกื้อหนุนเรา (1 ปต. 3: 15)

นอกจากนี้  ผู้มีความเชื่อยังต้องสัตย์ซื่อต่อพระเป็นเจ้าและต้องกลัวไม่กล้าทำบาป  นี่จะเป็นหลักของพลังความเข้มแข็งของเรา  ดังที่ น. ยอห์น บอกเรา “เราทราบว่า ผู้ใดที่เกิดมาจากพระเป็นเจ้าจะไม่มีบาป  แต่เขาจะรักษาตัวของเขาให้บริสุทธิ์  และความชั่วร้ายไม่สามารถแตะต้องเขาได้” 1 ยน. 5: 18)  ถ้าบางครั้งความอ่อนแอของเราทำให้เราตกต่ำลง  เราต้องนำตัวเราไปรับพระพรจากพระเมตตาของพระเป็นเจ้าในทันที    นั่นคือ การสำนึกผิดและการสารภาพบาป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น