วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระธาตุนักบุญอันนา มารดาของแม่พระ


บทความนี้นำมาจากเว็ปไซต์ของ Taylor Marshal:
พระธาตุนักบุญอันนา มารดาของแม่พระ

            ในปี ค.ศ. 792 จักรพรรดิชาร์ลมังได้พบพระธาตุ นักบุญอันนา  ด้วยความช่วยเหลือของเด็กพิการและหูหนวกคนหนึ่ง  นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันฉลองของนักบุญอันนา

            ในจดหมายระหว่างพระสันตปาปาเลโอที่ 3 และจักรพรรดิชาร์ลมัง ได้กล่าวถึงการค้นพบพระธาตุนี้ต่อหน้าพระจักรพรรดิ  

            หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว 14 ปี  น.มารีย์ มักดาเลนา  น. มาร์ทา  น.ลาซารัส  และกลุ่มคริสตชนเล็กๆได้ลงเรือซึ่งไม่มีใบเรือหรือหางเสือและแล่นออกทะเลไปเพื่อหลบหนีการไล่ล่าจับกุมของทหาร  เนื่องจากมีการเบียดเบียนคริสตชนโดยพวกยิวในกรุงเยรูซาเล็ม  พวกเขาได้นำศพของนักบุญอันนาไปด้วยเพราะเกรงว่าศพของนักบุญอันนาจะถูกทำลายหายไปเมื่อกรุงเยรูซาเล็มล่มสลายตามที่พระเยซูเจ้าเคยทรงทำนายไว้ล่วงหน้า

            ด้วยพระอานุภาพของพระเป็นเจ้าทรงช่วยเหลือ  เรือได้แล่นมาอย่างปลอดภัยไปสิ้นสุดที่ริมฝั่งของฝรั่งเศส  คริสตชนกลุ่มเล็กๆนี้ได้ฝังศพของนักบุญอันนาในถ้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า Apt อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส  ภายหลังได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณที่ฝังศพนั้น  แต่โบสถ์ก็เสื่อมสภาพและพังลงเนื่องจากสงครามและการเบียดเบียนคริสตชน  หลายศตวรรษผ่านไป  ถ้ำที่ฝังศพนักบุญอันนาก็ถูกหลงลืมไป

            เมื่อประเทศฝรั่งเศสมีสันติสุขจากการปกครองของกษัตริย์ชาร์ลมัง  ชาวบ้านได้สร้างโบสถ์ที่ใหญ่โตและสง่างามขึ้นบริเวณโบสถ์น้อยอันเก่าแก่ที่ Apt นี้  และเมื่อถึงเวลาฉลองโบสถ์ใหม่นี้ (ตรงกับวันอิสเตอร์ วันอาทิตย์ ปี 792)  จักรพรรดิชาร์ลมังทรงยินดีที่จะเดินทางเป็นระยะทางหลายไมล์เพื่อมาร่วมในพิธีพิเศษนี้ด้วย  ในระหว่างพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของการฉลอง  เด็กชายอายุ 14 ปีคนหนึ่ง  ซึ่งหูหนวกตาบอดและเป็นใบ้แต่กำเนิด   โดยปกติเขาจะเป็นคนเงียบๆ  เวลานั้นได้ทำให้ทุกคนในโบสถ์ต้องตกตะลึง  เขาได้ลุกจากที่นั่งเดินขึ้นไปยังขั้นบันไดที่ไปสู่พระแท่น  แล้วใช้ไม้เท้าของเขาตีที่ขั้นบันไดทำให้มีเสียงดังก้องไปทั่วโบสถ์

            คนในครอบครัวของเด็กชายรู้สึกอับอายมาก  พยายามนำตัวเขาออกจากโบสถ์  แต่เด็กชายดิ้นรนไม่ยอม  เขายังคงตีที่ขั้นบันได  สายตาของทุกคนมองไปที่องค์จักรพรรดิ  เพื่อดูว่าพระองค์จะทำประการใดในเหตุการณ์นี้  แต่พระจักรพรรดิคงได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า  พระองค์เรียกคนงานให้มางัดขั้นบันไดนี้ออกมา  และพบว่ามีทางเดินลงไปใต้ดิน  เด็กชายรีบเดินลงไปตามทางเดินนั้นทันทีโดยมีพระจักรพรรดิ,พระสงฆ์และคนงาน เดินตามไป

            พวกเขาเดินไปโดยอาศัยแสงสลัวๆจากเทียน  เมื่อเดินมาสุดทางก็พบกำแพงขวางทางอยู่  เด็กชายบอกใบ้ว่าให้พังกำแพงนี้  หลังจากพังกำแพงแล้ว  ก็ยังมีทางเดินมืดๆต่อไปอีก  เมื่อเดินไปจนสุดทางพวกเขาก็พบห้องใต้ดิน  ในความประหลาดใจของพวกเขา  เขาเห็นตะเกียงเล็กๆที่ถูกจุดไว้อยู่ข้างผนังมีแสงสว่างสีนวล

            เมื่อจักรพรรดิและผู้ติดตามทั้งหมดมายืนบริเวณตะเกียงนี้  แสงก็มอดดับลง  และในเวลานั้นเอง  เด็กชายที่ตาบอดหูหนวกเป็นใบ้แต่กำเนิด ก็สามารถมองเห็น  ได้ยินและพูดได้เป็นครั้งแรก

            “เป็นเธอเอง, เป็นเธอเอง” เด็กชายร้องออกมา  จักรพรรดิยังไม่ทรงทราบว่าเด็กชายหมายถึงใครแต่ก็ตรัสออกมาตามคำพูดของเด็กชาย  มีเสียงดังมาจากฝูงชนที่อยู่ด้านบนโบสถ์  ประชาชนพากันคุกเข่า  ต่างตระหนักว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์มาปรากฏ

            ในที่สุดห้องใต้ดินก็ถูกเปิดออก  มีโลงศพอยู่ในห้อง  ในโลงศพมีผ้าพันบางสิ่งไว้  และสิ่งที่ถูกพันนั้นก็คือพระธาตุ  มีกระดาษอยู่บนพระธาตุซึ่งเขียนว่า “นี่คือศพของนักบุญอันนา  มารดาของพรหมจารีย์มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง”  ผ้าที่พันมีลักษณะการทอแบบตะวันออก

            จักรพรรดิชาร์ลมังทรงรู้สึกตื้นตันพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงคุกเข่าเคารพพระธาตุของมารดาของพระราชินีแห่งสวรรค์  ทรงสวดภาวนาอยู่เป็นเวลานาน  พระสงฆ์และประชาชนต่างรู้สึกสำนึกในพระหรรษทานที่พวกเขาได้รับ  การที่หมู่บ้านของพวกเขาถูกเลือก  เหตุการณ์นี้ถูกกล่าวขานเป็นเวลานาน  พระจักรพรรดิได้เป็นพยานรู้เห็นในเหตุการณ์นี้ด้วยพระองค์เอง  พระองค์จึงเขียนจดหมายไปถึงพระสันตปาปาเลโอที่ 3  เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พระสันตปาปารับทราบ  เอกสารจดหมายของจักรพรรดิและจดหมายตอบกลับของพระสันตะปาปา ยังถูกเก็บรักษาไว้จนทุกวันนี้  พระสันตะปาปาหลายพระองค์ได้ยืนยันความจริงในเรื่องความแท้จริงของพระธาตุนักบุญอันนาที่ Apt

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น