วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คาตาลีนา ริวาส


คาตาลีนา ริวาส คือใคร?  หลายคนอาจเคยรู้จักและได้ยินชื่อของเธอบ้างแล้ว  เธอเป็นผู้ได้รับพระพรพิเศษชาวโบลิเวีย  ปัจจุบันนี้เธออาศัยอยู่ที่เมกซิโก  เธอบอกว่าเธอได้เห็นแม่พระและพระเยซูเจ้าตั้งแต่ปี 1993  เป็นเรื่องจริงหรือไม่?  ผู้ที่ไม่เชื่อบอกว่ามันเป็นเพียงความศรัทธาหลอกลวง  โดยเพ่งเล็งไปที่ความล้มเหลวในชีวิตแต่งงานของเธอ  และความสงสัยต่างๆของพระศาสนจักรในตัวเธอ 

            แต่พระสังฆราช Archbishop Monsignor Rene Fernandez of Cochabamba ได้ให้การสนับสนุนเธอ  และท่านอนุญาตให้พิมพ์เผยแพร่สาส์นที่เธอได้รับจากพระเยซูเจ้าและแม่พระ  นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติของการที่พระรูปในบ้านของเธอได้หลั่งโลหิตออกมาด้วย  เรื่องราวเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 1993 ครอบครัวของเธอประสพกับมรสุมของชีวิต  คาตาลินาจึงหันมาพึ่งพระเป็นเจ้าและได้พบกับพระองค์  ในปีต่อมาเธอเริ่มได้รับสาส์น  ในปีนั้นเธอได้ไปที่ Conyers, Georgia  ซึ่งมีหญิงผู้หนึ่งชื่อ Nancy Fowler บอกว่าได้เห็นแม่พระและได้รับสาส์นเกี่ยวกับอนาคต  และคาตาลีนาก็ประสพเหตุการณ์แบบเดียวกัน  เธอเล่าว่า

“ขณะที่คุกเข่าที่เนินเขาศักดิ์สิทธิ์  เบื้องหน้ากางเขนใหญ่  ดิฉันเห็นแสงสว่างรอบๆกางเขน  เป็นแสงที่แรงกล้ามาก  แล้วดิฉันรู้สึกในใจว่าจะต้องมอบชีวิตของดิฉันถวายพระเยซูเจ้าเพื่อที่พระองค์จะสามารถใช้ฉันตามพระประสงค์ของพระองค์  และดิฉันสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อดิฉัน”  คาตาลีนาได้เขียนบันทึกสาส์นและคำสอนซึ่งพระเยซูเจ้าและแม่พระตรัสแก่เธอ

            ในเวปไซต์ที่สร้างเพื่อเธอนั้น  Dr. Ricardo Castanon ผู้ที่ได้ทดสอบคาตาลีนาหลายครั้งได้กล่าวว่า “คาตาลีนาเรียนไม่จบในระดับไฮสคูล  แต่ภายในไม่ถึงสามปี  เธอได้เขียนหนังสือแปดเล่ม  ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์  เธอเขียนหนังสือด้วยมือถึง 900 หน้าซึ่งมีสาระเกี่ยวกับ เทววิทยา, สังคมวิทยา, ชีวิตมนุษย์และชีวิตฝ่ายจิต  คุณจะเห็นได้ว่าเธอไม่มีพื้นเพความรู้และไม่เคยเขียนหนังสือมาก่อน  แต่เธอกลับเขียนหนังสือที่มี 200 ,300 , 400 หน้าได้  และไม่มีข้อผิดพลาดทางเทววิทยา  คุณก็คงจะรู้ทันทีว่ามีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นกับเธอ 

 “คาตาลีนาเล่าว่า พระเยซูเจ้าตรัสให้เธอเขียนและหัวใจของเธอจะเต้นแรงในเวลานั้น  เมื่อเธอเริ่มต้นเขียน  เธอจะไม่หยุด  เธอเขียนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาโดยไม่หยุดแม้สักชั่วครู่  ซึ่งถ้าเป็นเราเขียนจดหมายถึงเพื่อน  เราต้องหยุดคิดว่าจะเขียนอะไรดี  แต่คาตาลีนาเขียนตลอดเวลาไม่หยุดเลย  เธอสามารถเขียนได้ถึง 4,000 – 5,000 หน้า  เขียนเกี่ยวกับเทววิทยา  สังคมวิทยา  ชีวิตมนุษย์ และ ชีวิตฝ่ายจิต  และเขียนได้เป็นคำพูดที่สละสลวยเหมือนบทกวี  มีหลายคำที่เธอเองก็ไม่เข้าใจและเป็นภาษาสเปนที่งดงามมาก”

ในปี 1999 Fox television network ได้มาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของคาตาลีนาที่ Cochabamba ในเมกซิโก และมีภาพการหลั่งโลหิตของพระรูปพระเยซูเจ้า  สารคดีสองชั่วโมงนี้ออกอากาศในอเมริกาเหนือ  นิวซีแลนด์  และออสเตรเลีย  มีชื่อว่า  "Signs from God -- Science Tests Faith, มีคนชมทั่วโลก 27 ล้านคน  เธอได้บอกวันเวลาที่เธอจะได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง  คาตาลีนายังได้รับการบอกเล่าจากพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับพลังอำนาจแห่งพิธีมิสซา  และเธอได้เขียนบันทึกเอาไว้ (อ่านได้ที่นี่   http://www.belongtothetruth.com/Holy/mass01.htm )
 
ต่อไปนี้เป็นบางส่วนของสาส์นที่พระเยซูเจ้าตรัสให้คาตาลีนาเขียน 

“เขา (แอนตี้ไครส์) ซ่อนตัวเองในการทำงานและใช้ชีวิต  ดูเหมือนมันจะอาศัยแต่เพียงตามองดูโลกและอาศัยปากพูดสิ่งที่ทำให้เกิดความสับสนและล่อลวงจิตใจมนุษย์  ทำให้มนุษย์มุ่งไปสู่ความหายนะตามที่มันต้องการ”

“ในความเย่อหยิ่งของมัน  จิตใจของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง  และมันจะทำสิ่งน่ากลัวใหญ่โตที่สุด  มันจะพยายามไปสู่สถานที่ที่พระสันตะปาปาประทับอยู่  และพยายามยกตัวมันเองขึ้น”

พระเยซูตรัสกับเธอเกี่ยวกับการกลับมาของพระองค์

“จงรอคอยการกลับมาของเราด้วยความอดทน”

“ในไม่ช้า  วันเวลาของเราจะโจมตีความยินดีของวิญญาณหลายดวงและก่อให้เกิดความโศกเศร้าสำหรับบางคน...สาส์นแห่งความรักของเรา....เป็นการเตรียมมนุษย์ให้พร้อมที่จะเผชิญหน้าเหตุการณ์  ด้วยการชดเชยใช้โทษบาป และ สำนึกผิดกลับใจ  แต่ความชั่วร้ายที่กำลังจะมาถึง....ยังคงไม่มีการรับรู้หรือมีปฏิบัติการใดๆ”

 “พระเมตตาแห่งสวรรค์ซึ่งพร้อมที่จะทำให้ความชั่วร้ายนั้นบรรเทาลง  ยังคงไม่มีใครวอนขอ  ถ้าเพียงแต่จะมีวิญญาณที่ยอมทำพลีกรรมใช้โทษบาปแทนผู้อื่นมากขึ้น....หลายสิ่งหลายอย่างคงเปลี่ยนแปลงไป  นรกกำลังรวบรวมอำนาจทั้งหมดของมันเพื่อล่อลวงโลกอย่างเร่งด่วน  เพื่อที่สงครามที่โหดเหี้ยมที่สุดที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนจะบังเกิดขึ้น”

 “ด้วยเหตุที่วันเวลาผ่านไปโดยเสียเปล่าจึงทำให้การลงทัณฑ์และความไม่มั่นคงนั้นหนักหนาสาหัสยิ่งนัก  เราปรารถนาให้บ้านที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับใช้เราในคณะนักบวชทั้งหมดให้เตรียมตัวพร้อมที่จะเป็นกองทัพทหารซึ่งจักได้รับชัยชนะในยุทธสงครามครั้งนี้  ในเวลานั้นเราจะกำจัดความไม่ดีทั้งหลายให้หมดไปจากโลกและสถาปนาการปกครองของเราขึ้น  เราต้องการให้กองทัพทหารแห่งสันติของเราทำการตัดสินใจในเรื่องจุดหมายของมนุษยชาติสำหรับความดีและความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติเองโดยอาศัยพลังอำนาจฝ่ายจิต...”

“ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา  เราจะจัดตั้งทุกสิ่งขึ้นในทันที  ทุกสิ่งที่ลำพังมนุษย์ไม่สามารถทำให้ประสพผลสำเร็จได้...เราจะเผยแสดงตัวเราแก่ทุกคน  แม้แต่คนที่ปฏิเสธเราก็จะเชื่อ  เพราะเหตุว่า  ความรอดพ้นโดยปราศจากการสำนึกผิดกลับใจนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ความชั่วร้ายมากมายและใหญ่โตจะมาอย่างต่อเนื่องถ้ามนุษย์ไม่สำนึกผิดกลับใจ  หลายคนเป็นคนบาป  หลายคนเย่อหยิ่งและขัดสู้กับพระเป็นเจ้า  แต่พระยุติธรรมของพระองค์ถูกยับยั้งไว้โดยอาศัยการอ้อนวอนของพระมารดาของเรา”

“ลูกสาวของเรา  ความชั่วร้าย  ความทะเยอทะยาน  ความเย่อหยิ่ง  และชีวิตที่แสวงหาแต่ความสุขเป็นตัวการก่อให้เกิดบาปที่ใหญ่โตในทุกวันนี้  นั่นคือการทำบาปทุกชนิดซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระเป็นเจ้าด้วยความเต็มใจ  เพราะการกระทำเช่นนี้  จึงทำให้จิตสำนึกของมนุษย์ฝ่อลีบลง  มนุษย์คิดว่าการกระทำผิดเช่นนี้เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของชีวิต  พวกเขาพยายามหลอกตัวเองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งถูกต้องถ้าทุกคนได้ทำเหมือนกัน...ความเลวร้ายของการกระทำนั้นถูกลบเลือนไปและกลายเป็นชีวิตจิตใจของประชาชนทั่วไป...”

“ความเย่อหยิ่งได้ครอบครองโลกนี้  และจากความเย่อหยิ่งได้ก่อให้เกิดความชั่วร้ายทั้งหลายซึ่งคอยกีดกันมนุษยชาติจากคุณธรรมทั้งปวงที่ช่วยให้ได้รับความเมตตาจากสวรรค์และได้รับผลพวงทั้งปวงจากความรักความเมตตา  เราปรารถนาวิญญาณที่ยอมพลีตนเองแก่เราด้วยใจอาสาและด้วยความรัก  โดยที่พวกเขาจะต้องสวดภาวนาอย่างต่อเนื่องและมีใจเร่าร้อนที่จะยอมรับความเจ็บปวด  เพราะเหตุที่มีการต่อต้านต่อดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของเรา.....ความรักของบรรดาผู้ถูกเลือกสรรต่อดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของเราที่อยู่ในศีลมหาสนิท  พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยความรักลักษณะเดียวกัน - - พวกเขาจะครุ่นคิดถึงการปรากฏของเราอยู่เสมอในทุกสิ่ง  เราจะเป็นศูนย์กลางของเขาทั้งชีวิตฝ่ายร่างกายและชีวิตฝ่ายจิต  ดังนี้จะเท่ากับเป็นการลิ้มรสนิรันดรภาพเป็นการล่วงหน้า”

หมายเหตุ – ผู้แปลได้แปลจากภาษาสเปนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง  และต้องสารภาพว่าไม่ใช่งานที่ง่ายนักในการแปลให้ถูกต้องตามเนื้อหาแท้จริงของภาษานั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น