1) โดโลเรส ฮาร์ต “ถ้าคุณได้ยินเสียงที่ฉันได้ยิน...”
CBS Television, Public Domain, Wikipedia
เดิมชื่อ โดโลเรส ฮิคส์ เกิด 1937
ใช้ชื่อโดโลเรส ฮาร์ต เมื่อเริ่มอาชีพดารานักแสดงตั้งแต่อายุ 18 ปี
เคยแสดงร่วมกับเอลวิส เพรสลี่ และดาราดังคนอื่นๆ
เมื่ออายุ 24 ปี ได้หมั้นกับนักแสดงชายคนหนึ่ง แต่เธอกลับหนีงานแต่งงานไปบวชเป็นซิสเตอร์ เธออธิบายในภายหลังว่า
จุดเปลี่ยนชีวิตของเธอมาจากภาพยนตร์เรื่อง ฟรังซิสแห่งอัสซีซี ซึ่งเธอแสดงเป็น น.แคลร์แห่งอัสซีซี ระหว่างที่แสดงอยู่เธอได้เข้าเฝ้าพระสันตะปาปายอห์นที่
23 และเธอแนะนำตัวเธอต่อพระสันตะปาปาว่า “ดิฉันคือโดโลเรส ฮาร์ต ที่รับบทแคลร์ค่ะ” แต่พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ ลูกคือ น.แคลร์แห่งอัสซีซี” บรรดาแฟนคลับของเธอรู้สึกโกรธมากเมื่อรู้ข่าว เธอเล่าว่า “แม้แต่เพื่อนสนิทของฉัน
ซึ่งเป็นพระสงฆ์ชื่อ Fr. Doody ท่านพูดว่า ‘เธอบ้าไปแล้ว เป็นเรื่องเสียสติที่ทำไปเช่นนี้’
เพื่อนคนหนึ่งเขียนจดหมายต่อว่าเธอเป็นปีหลังจากที่เธอเข้าอาราม เพื่อพยายามชักชวนให้เธอละทิ้งชีวิตแบบนี้เสีย เธอเขียนจดหมายตอบเพื่อนคนนั้นว่า
“ถ้าเธอได้ยินเสียงที่ฉันได้ยินละก็... เธอก็จะมาเช่นเดียวกัน”
2) โอลัลลา โอลิเวอร์ “พระเยซูเจ้าไม่เคยผิดพลาด...”
via olallaoliveros.blogspot.com
โอลัลลา โอลืเวอร์ เป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จ เธอแสดงภาพยนคร์และถ่ายโฆษณา จนเป็นที่รู้จักทั่งประเทศและทั่วโลก เมื่อเธอไปเที่ยวที่ฟาติมา ในโปรตุเกส ในปี
1917 เธอเล่าว่าประสบการ์ณนั้นเหมือน “แผ่นดินไหว” เธอเห็นภาพตัวเธอเองในชุดนักบวช มีบางสิ่งผลักดันเธอ เธอไม่สามารถลืมภาพนั้นได้ และเธอตระหนักว่าพระเยซูเจ้าทรงเรียกเธอให้ละทิ้งชีวิตที่โอ่อ่ามาเป็นซิสเตอร์ เธอพูดว่า
“พระเยซูเจ้าไม่เคยผิดพลาด
พระองค์ถามฉันว่าจะติดตามพระองค์ไหม?
และฉันไม่อาจปฏิเสธได้”
ปัจจุบัน เธอเป็นสมาชิกในคณะ semi-cloistered Order of Saint
Michael
via ncregister.com
3
อามันดา โรซ่า เปเรส Amada
Rosa Pérez “เวลานี้ฉันมีชีวิตที่สงบสุขแล้ว...”
via catholicnewsagency.com
อามันดา โรซ่า เปเรส เป็นนางแบบที่รุ่งที่สุดคนหนึ่งในโคลัมเบีย
ก่อนที่เธอจะหายไปจากสายตาของประชาชนเมื่อสิบปีก่อน เมื่อห้าปีก่อนเธอได้อธิบายถึงสาเหตุที่เธอหายไปจากสายตาของผู้คน เธอได้เข้าทำงานในคณะ Marian religious community (เวลานั้นเธอยังไม่ได้เป็นซิสเตอร์)
ในช่วงชีวิตที่สูงสุดของอาชีพนางแบบ
เธอมีโรคประจำตัวทำให้สูญเสียการได้ยินบางส่วนไป โรคนี้ทำให้เธอสงสัยในชีวิต เธอกล่าวว่า “ฉันรู้สึกผิดหวัง ไม่พอใจ
ไร้ทิศทาง
รู้สึกหดหู่ใจ...ฉันแสวงหาคำตอบตลอดเวลา
แต่โลกไม่เคยให้คำตอบแก่ฉัน”
เวลานี้ เธอร่วมพิธีมิสซา
ไปสารภาพบาป
และสวดสายประคำเป็นประจำ
และสวดสายประคำพระเมตตาด้วย “ก่อนหน้านี้
ฉันจะใจร้อนเสมอ
และรู้สึกวุ่นวายใจได้ง่ายๆ”
เธอเล่า “”แต่ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่สงบสุขแล้ว โลกไม่มารบกวนฉันอีก ฉันมีความสุขในทุกโมงยามที่พระเยซูเจ้าประทานแก่ฉัน”
เธอเล่าให้ฟังถึงการเป็นนางแบบว่า “การเป็นนางแบบหมายถึงเราต้องประเมินตัวเองกับคนอื่นเสมอ
ต้องเลียนแบบคนอื่นซึ่งคิดว่าจะทำให้มีชื่อเสียง ฉันรู้สึกเหนื่อยในการเป็นนางแบบดัง ฉันเหนื่อยต่อการโกหกของโลก ฉายาลักษณ์
การทำผิด ความเย่อหยิ่ง และการหลอกลวง
สังคมเต็มไปด้วยค่านิยมที่ต่อต้านและความรุนแรง การคบชู้
ยาเสพติด อัลกอฮอล์ การต่อสู้
และโลกที่นิยม ความร่ำรวย
ความพอใจ การประพฤติผิดทางเพศ และ การล่อลวง
ฉันต้องการเป็นนางแบบที่ส่งเสริมศักดิ์ศรีที่แท้จริงของสตรีและไม่ใช่นำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ของการค้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น