วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

นิมิตเรื่องเดียวกันแต่มีรายละเอียดแตกต่างกัน?


- นิมิตแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์และการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า

รายละเอียดที่แตกต่างกันจากผู้เห็นนิมิตบางคน

1. เกี่ยวกับแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์

เวลาที่แม่พระสิ้นพระชนม์และการยกสู่สวรรค์เป็นเวลาใด?  บุญราศีอันนา คัทริน เอมเมอริก บอกว่าเกิดขึ้น 13 ปี หลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์  ขณะที่ น. บริดเจทบอกว่า 14 ปีหลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์  และบุญราศีมารีย์ แห่งอเกรดาบอกว่า 21 ปีหลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์  ทำไมถึงแตกต่างกันเช่นนี้?
2. การตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า

มีความแตกต่างกันในรายละเอียดจากนิมิตของผู้ที่เห็นนิมิตนี้  บุญราศี มารีย์แห่งอเกรดาและ บุญราศีอันนา คัทริน เอมเมอริก เห็นรูที่กางเขนที่ถูกเจาะไว้ก่อนนั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งของตะปูซึ่งจะตอกที่มือของพระเยซู  จึงทำให้ต้องมีการแก้ปัญหานี้  บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดาเล่าว่า  ทหารโรมันใช้โซ่ผูกที่แขนข้างหนึ่งของพระเยซูและดึงให้ยืดออกจนถึงรูที่เจาะไว้  แต่บุญราศีอันนา คัทริน  เอมเมอริกบอกว่าทหารใช้เชือก

น. บริดเจทแห่งสวีเดนเล่าว่า พระเยซูถูกตอกตะปูที่กางเขนที่ถูกตั้งขึ้นไว้ก่อนแล้วในที่นั้น  แต่บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดาและบุญราศีอันนา คัทริน เอมเมอริกกลับเห็นพระเยซูถูกตอกตะปูบนกางเขนที่นอนอยู่บนพื้น  น.บริดเจทกล่าวว่ามีตะปู 4 ตัวที่ใช้ตอกที่มือและเท้าของพระเยซู  ขณะที่บุญราศีอันนา  คัทริน เอมเมอริกบอกว่ามีตะปูเพียง 3 ตัว  อีกเรื่องหนึ่งก็คือ  ผู้เห็นนิมิตส่วนใหญ่จะเห็นพระเยซูถูกตอกตะปูที่มือ  แต่มีบางคนที่เห็นพระเยซูถูกตอกตะปูที่ข้อมือ

ในกรณีของมาเรีย  วาลทอร์ทา  เธอเห็นนิมิตของพระเยซูถูกตอกตะปูที่มือข้างซ้าย  ส่วนมือข้างขาวถูกตอกตะปูที่ข้อมือ  ในภาพที่ปรากฏในผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตุรินพระเยซูถูกตอกตะปูที่ข้อมือของมือข้างหนึ่งที่เห็นได้ชัด  ส่วนมืออีกข้างมองไม่เห็น

ทำไมรายละเอียดของภาพนิมิตจึงแตกต่างกัน?

เราควรจะวุ่นวายใจไปกับความแตกต่างที่ปรากฏนี้หรือไม่?  คำตอบก็คือ ไม่  และนี่เป็นคำตอบเดียวกันสำหรับความแตกต่างในเนื้อหาที่มีอยู่ในพระวรสารทั้งสี่ด้วย  และนี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรกังวลใจในเรื่องนี้ - จุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์ก็คือ  การเปิดเผยจากสวรรค์  นั่นคือการเผยแสดงของพระเจ้าแก่มนุษย์  และนี่เป็นจุดประสงค์ในการเผยแสดงแก่บุคคลแต่ละบุคคลเป็นการส่วนตัว  เราต้องจำไว้ว่า  มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเผยแสดงเป็นการทั่วไปและการเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคล  พระคัมภีร์และธรรมประเพณีเป็นการเผยแสดงเป็นการทั่วไปของพระเจ้า  และนี่เป็นรากฐานของพระศาสนจักรซึ่งรวบรวมคริสตชนทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  แต่การเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคลนั้นไม่รวบรวมคนทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  และคริสตชนไม่จำเป็นต้องเชื่อในการเผยแสดงนั้น

จุดประสงค์ของการเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคลก็เพื่อเน้นย้ำและทำให้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้นในสิ่งที่สวรรค์เปิดเผยแก่พระศาสนจักรผ่านทางความเชื่อโดยอาศัยพระคัมภีร์และธรรมประเพณี  และเช่นเดียวกับพระคัมภีร์  การเปิดเผยส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความรู้ที่เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์  ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์  ฯลฯ  มันไม่ได้เปิดเผยในเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์  หรือให้รายละเอียดของเหตุการณ์ในพระคัมภีร์  ดังตัวอย่าง พระมหาทรมานและความตายของพระเยซูเจ้า  นิมิตส่วนบุคคลป็นการเปิดเผยให้รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจและความหมายที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นี้  และเป็นเช่นเดียวกัน  สำหรับในเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางวิทยาศาสตร์  ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ซึ่งบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์  ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์หลักอยู่ที่การเปิดเผยหรืออธิบายรายละเอียดทางด้านต่างๆดังกล่าวของเรื่องราวเหล่านั้น


ดังนั้นผู้เห็นนิมิตการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า  จึงมีจุดประสงค์หลักอยู่ที่ความเข้าใจสิ่งที่เป็นเรื่องของจิตใจ  และรายละเอียดของนิมิตส่วนใหญ่จะถูกทำให้ดูมีความน่าประทับใจต่อผู้เห็นนิมิตเหล่านั้น  เราไม่เห็นว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อจิตใจสำหรับเรื่องที่ผู้เห็นนิมิตจะเห็นว่ามีตะปู 3 ตัวหรือ 4 ตัว  หรือเรื่องที่พระเยซูถูกตอกตะปูที่มือหรือที่ข้อมือ ฯลฯ  เพราะฉะนั้น สาระสำคัญเฉพาะต่อนิมิตจากผู้เห็นนิมิตหลายคนจึงมีความหมายที่ไม่สำคัญนัก


การประจักษ์ของแม่พระในแต่ละแห่ง  อย่างเช่นที่กัวดาลูเป ซึ่งแม่พระปรากฏต่อ น. ฮวน ดิเอโก ในลักษณะของสตรีชาวเอสเท็ค  ที่ลูรดส์ แม่พระปรากฏต่อ น.แบร์นาแด๊ตในลักษณะสุภาพสตรีชาวยุโรปผิวขาว  และตรัสกับเธอเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย  ที่กิเบโฮ  ในราวันดา  พระนางปรากฏแก่เด็กที่เห็นแม่พระหลายคนเป็นสตรีผิวดำเหมือนชาวอัฟริกันทั่วไป


พระนางพรหมจารีย์มารีย์ ปรากฏแก่บุคคลต่างๆตามแบบที่เป็นธรรมชาติเหมาะสมสำหรับพวกเขา  เพื่อประทานบทเรียนและสาส์น  และมิได้แสดงพระนางเองเป็นชนเชื้อชาติใดโดยเฉพาะ  ในเรื่องนี้เราจึงเห็นได้ว่า  ลักษณะที่แตกต่างกันไปในการประจักษ์ของแม่พระนั้นหาได้เป็นสาระสำคัญของการเผยแสดงแต่อย่างใดไม่  สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการเผยแสดงว่า พระนางคือมารดาฝ่ายจิตใจของมวลมนุษยชาติ  ความสำคัญของรูปปรากฏต่อผู้เห็นนิมิตแต่ละคนนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าความสำคัญในสาระของสาส์นที่ทรงประทานซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น