รายละเอียดที่แตกต่างกันจากผู้เห็นนิมิตบางคน
1. เกี่ยวกับแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
เวลาที่แม่พระสิ้นพระชนม์และการยกสู่สวรรค์เป็นเวลาใด? บุญราศีอันนา คัทริน เอมเมอริก บอกว่าเกิดขึ้น
13 ปี หลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์
ขณะที่ น. บริดเจทบอกว่า 14 ปีหลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ และบุญราศีมารีย์ แห่งอเกรดาบอกว่า 21
ปีหลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์
ทำไมถึงแตกต่างกันเช่นนี้?
2. การตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า
2. การตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า
มีความแตกต่างกันในรายละเอียดจากนิมิตของผู้ที่เห็นนิมิตนี้ บุญราศี มารีย์แห่งอเกรดาและ บุญราศีอันนา
คัทริน เอมเมอริก
เห็นรูที่กางเขนที่ถูกเจาะไว้ก่อนนั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งของตะปูซึ่งจะตอกที่มือของพระเยซู จึงทำให้ต้องมีการแก้ปัญหานี้ บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดาเล่าว่า ทหารโรมันใช้โซ่ผูกที่แขนข้างหนึ่งของพระเยซูและดึงให้ยืดออกจนถึงรูที่เจาะไว้
แต่บุญราศีอันนา คัทริน
เอมเมอริกบอกว่าทหารใช้เชือก
น. บริดเจทแห่งสวีเดนเล่าว่า
พระเยซูถูกตอกตะปูที่กางเขนที่ถูกตั้งขึ้นไว้ก่อนแล้วในที่นั้น แต่บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดาและบุญราศีอันนา
คัทริน เอมเมอริกกลับเห็นพระเยซูถูกตอกตะปูบนกางเขนที่นอนอยู่บนพื้น น.บริดเจทกล่าวว่ามีตะปู 4
ตัวที่ใช้ตอกที่มือและเท้าของพระเยซู
ขณะที่บุญราศีอันนา คัทริน
เอมเมอริกบอกว่ามีตะปูเพียง 3 ตัว
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ
ผู้เห็นนิมิตส่วนใหญ่จะเห็นพระเยซูถูกตอกตะปูที่มือ แต่มีบางคนที่เห็นพระเยซูถูกตอกตะปูที่ข้อมือ
ในกรณีของมาเรีย วาลทอร์ทา
เธอเห็นนิมิตของพระเยซูถูกตอกตะปูที่มือข้างซ้าย ส่วนมือข้างขาวถูกตอกตะปูที่ข้อมือ ในภาพที่ปรากฏในผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตุรินพระเยซูถูกตอกตะปูที่ข้อมือของมือข้างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ส่วนมืออีกข้างมองไม่เห็น
ทำไมรายละเอียดของภาพนิมิตจึงแตกต่างกัน?
เราควรจะวุ่นวายใจไปกับความแตกต่างที่ปรากฏนี้หรือไม่? คำตอบก็คือ ไม่
และนี่เป็นคำตอบเดียวกันสำหรับความแตกต่างในเนื้อหาที่มีอยู่ในพระวรสารทั้งสี่ด้วย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรกังวลใจในเรื่องนี้ - จุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์ก็คือ การเปิดเผยจากสวรรค์ นั่นคือการเผยแสดงของพระเจ้าแก่มนุษย์
และนี่เป็นจุดประสงค์ในการเผยแสดงแก่บุคคลแต่ละบุคคลเป็นการส่วนตัว เราต้องจำไว้ว่า มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเผยแสดงเป็นการทั่วไปและการเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคล
พระคัมภีร์และธรรมประเพณีเป็นการเผยแสดงเป็นการทั่วไปของพระเจ้า และนี่เป็นรากฐานของพระศาสนจักรซึ่งรวบรวมคริสตชนทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
แต่การเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคลนั้นไม่รวบรวมคนทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และคริสตชนไม่จำเป็นต้องเชื่อในการเผยแสดงนั้น
จุดประสงค์ของการเผยแสดงเป็นการส่วนบุคคลก็เพื่อเน้นย้ำและทำให้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้นในสิ่งที่สวรรค์เปิดเผยแก่พระศาสนจักรผ่านทางความเชื่อโดยอาศัยพระคัมภีร์และธรรมประเพณี และเช่นเดียวกับพระคัมภีร์
การเปิดเผยส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความรู้ที่เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์ ฯลฯ มันไม่ได้เปิดเผยในเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ หรือให้รายละเอียดของเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ ดังตัวอย่าง
พระมหาทรมานและความตายของพระเยซูเจ้า นิมิตส่วนบุคคลป็นการเปิดเผยให้รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจและความหมายที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นี้ และเป็นเช่นเดียวกัน
สำหรับในเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ซึ่งบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์หลักอยู่ที่การเปิดเผยหรืออธิบายรายละเอียดทางด้านต่างๆดังกล่าวของเรื่องราวเหล่านั้น
ดังนั้นผู้เห็นนิมิตการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า จึงมีจุดประสงค์หลักอยู่ที่ความเข้าใจสิ่งที่เป็นเรื่องของจิตใจ และรายละเอียดของนิมิตส่วนใหญ่จะถูกทำให้ดูมีความน่าประทับใจต่อผู้เห็นนิมิตเหล่านั้น
เราไม่เห็นว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อจิตใจสำหรับเรื่องที่ผู้เห็นนิมิตจะเห็นว่ามีตะปู
3 ตัวหรือ 4 ตัว
หรือเรื่องที่พระเยซูถูกตอกตะปูที่มือหรือที่ข้อมือ ฯลฯ เพราะฉะนั้น
สาระสำคัญเฉพาะต่อนิมิตจากผู้เห็นนิมิตหลายคนจึงมีความหมายที่ไม่สำคัญนัก
การประจักษ์ของแม่พระในแต่ละแห่ง อย่างเช่นที่กัวดาลูเป ซึ่งแม่พระปรากฏต่อ น.
ฮวน ดิเอโก ในลักษณะของสตรีชาวเอสเท็ค
ที่ลูรดส์ แม่พระปรากฏต่อ น.แบร์นาแด๊ตในลักษณะสุภาพสตรีชาวยุโรปผิวขาว และตรัสกับเธอเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย ที่กิเบโฮ
ในราวันดา พระนางปรากฏแก่เด็กที่เห็นแม่พระหลายคนเป็นสตรีผิวดำเหมือนชาวอัฟริกันทั่วไป
พระนางพรหมจารีย์มารีย์
ปรากฏแก่บุคคลต่างๆตามแบบที่เป็นธรรมชาติเหมาะสมสำหรับพวกเขา เพื่อประทานบทเรียนและสาส์น และมิได้แสดงพระนางเองเป็นชนเชื้อชาติใดโดยเฉพาะ ในเรื่องนี้เราจึงเห็นได้ว่า
ลักษณะที่แตกต่างกันไปในการประจักษ์ของแม่พระนั้นหาได้เป็นสาระสำคัญของการเผยแสดงแต่อย่างใดไม่ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการเผยแสดงว่า พระนางคือมารดาฝ่ายจิตใจของมวลมนุษยชาติ ความสำคัญของรูปปรากฏต่อผู้เห็นนิมิตแต่ละคนนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าความสำคัญในสาระของสาส์นที่ทรงประทานซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น